18 มีนาคม 2548 14:08 น.
แก้วประเสริฐ
คำนึงหวนชวนรำลึก.
..๏วิเวกแว่วสำเนียงเสียงลมผ่าน
กิ่งไผ่นั้นเสียดสีคล้ายกำสรวล
เอี๊ยดออดอี๊ดอวลล้าดุจนางครวญ
พร่ำโหยรัญจวนหามาแอบอิง
จ๊อกแจ๊คจ๊อกตอกย้ำจากน้ำตก
พรูพรั่งโกรกลงซ้ำกระหน่ำยิ่ง
รินไหลแยกแตกออกเสียหนอจริง
ยากประวิงหลั่งไหลให้วนเวียน
รุ้งพร่างพรายปรายสีละอองน้ำ
เป็นม่านย้ำแสงตะวันนั้นเฉวียน
ระยิบระยับจับธารวาวเนียน
ฉวัดเฉวียนเวียนวนปนสายธาร
ต้นระบัดจัดกิ่งก้านยอดโศก
ระย้าโยกพลัดดอกหลุดจากก้าน
ดุจถูกปล่อยลอยพัดจากวิมาน
หมุนตามกาลหันเหล้วนเสน่ห์ครอง
ดูเงือกน้อยลอยเด่นเห็นแหวกว่าย
เย้าเยื้องกรายเวียนวนสายชลก้อง
วี๊ดว้ายร้องอึงคะนึงรำพึงปอง
เหมือนทดลองของหวานซ่านซึ้งใจ
สำเนียงนกดงพฤกษ์ระทึกหา
ดนตรีวนาคลอเคล้าเร้าเสียงใส
ช่างสอดคล้องกิ่งก้านสะท้านใบ
แฝงหทัยวิมานผ่านแดนเวียง
ลิงทโมนโยนตัวบนกิ่งหว้า
ทำหน้าตาหยอกล้อคลออุ้งเสียง
บ้างอุ้มลูกผูกพันกิ่งไม้เอียง
บางตัวเลี่ยงหาหมัดบ้างกัดกัน
หยิบดนตรีเคียงกายบรรจงผิว
กรีดละลิ่วแนวเสียงสุดจะสรรค์
บรรจงคลอแนวโน้มโลมรำพัน
หวังกำนัลแนวรักฝากคนจร
บังเกิดหริ่งเรไรเคล้าคลอคู่
สำเนียงกู่สัตว์ไพรใจสังหรณ์
วิเวกแว่วแผ่วพลิ้วเป็นช่วงตอน
เงือกสะท้อนหันจ้องมองฉับพลัน
ถิ่นวิเวกเฉกสวรรค์พลันกำหนด
อารมณ์ปลดอุราร้าวเฉกเช่นฝัน
ล้วนรำพึงคำนึงคิดถึงกัน
เฉกเช่นฝันเป็นนรกหมกไหม้ดิน
ตะวันล้าคราอ่อนรอนยอแสง
มณีแดงแรงฤทธิ์ล้วนชวนผิน
ผิวขลุ่ยพลางมุ่งหน้าหายลยิน
ละจากถิ่นหวนกลับลับแนวไพร
ทินกรลาลับกลับเหลี่ยมเขา
เหลือเพียงเงาดาวกระจายแสงไศล
ไร้เดือนเคียงมืดคล้ำย้ำภายใน
เสียงแผ่วหายสลายแสงแห่งคนจร.๚ะ๛
**********************************
..๏ทินกรกลับลับหล้า ยอแสง แน่เอย
กาลเปลี่ยนผันหมุนแรง อ่อนล้า
ราตรีดาวเปล่งแสดง กระจ่าง จริงแฮ
เสียงที่โหยชวนล้า แด่น้องคนไกล ฯ
วิมานวาดพร่างฟ้า เพียงฝัน
หวานแผ่วหยุดฉายพลัน กร่อยล้ำ
สำเหนียกพี่รันทด แสนห่วง ดวงใจ
เกลือกกรุ่นสุดหมองช้ำ อกไหม้ฤทัยหวน. ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
****************************************
15 มีนาคม 2548 17:02 น.
แก้วประเสริฐ
แม่แห่งธรรม.
ระเบียงรักฝากไว้ด้วยใจฝัน
พฤกษาพันธุ์กลิ่นชวนอบอวลหนอ
สอดแทรกรักผนึกธรรมค้ำจุนละออ
ล้วนเกิดก่อปรัชญามากำนัล
สำเนียงแว่วแพร้วแพริศเลิศแซ่ซ้อง
มวลทำนองละอองธรรมล้ำเสกเสรร
จุนเจือจิตคิดสละไว้ให้เป็นทาน
บ้านที่ฉันสรรสร้างระหว่างเดิน
อุดมจิตคิดเพียงร้อยเรียงฝัน
ถิ่นสถานนั้นคือร่างที่พลันเหิน
ปรับปรุงเปลี่ยนเวียนวัฏจัดพาเพลิน
ด้วยต้องเดินไปในทางแห่งเวรกรรม
ระลึกคำพ่อกล่าวเฝ้าสั่งสอน
มอบขั้นตอนเจ็ดคำภีร์ที่เลิศล้ำ
มูลนิธิเบิกฟ้ากระจายธรรม
เป็นสถานนำให้ใช้ดำเนินการ
ผ่านวัยสาวน้าวโน้มโลมมัชฌิม
หัวใจปริ่มลิ้มธรรมนำประสาน
จนกิจการผ่านพิบัติมาร้าวราน
วิสุทธิธารพลันไหลหลั่งพรั่งพรู
บ้านหลังน้อยร้อยใจให้กำเนิด
มิเลอเลิศแต่ในแฝงไว้อยู่
ทุกสิ่งในปรัชญามาค้ำชู
ทุกมวลอณูสู้สร้างวางแนวธรรม
เพื่อให้ศิษยานุศิษย์คิดกอบกู้
ใช้เป็นอู่ร่ำเรียนเพียรเกิดล้ำ
อีกรูปนางวางไว้ให้ระลึกคำ
ที่เคยพร่ำคร่ำสอนตอนเป็นครู
มาครั้งนี้เหมือนกำหนดกฏแห่งฟ้า
อีกชะตาน้อมนำธรรมล้ำเลิศหรู
บุษกรอ่อนล้าเหลือแม้นค้ำชู
ขอสยมภูช่วยแลแม่แห่งธรรม.
แก้วประเสริฐ์.
14 มีนาคม 2548 00:04 น.
แก้วประเสริฐ
สะท้านพล่านอารมณ์
สุดละเหี่ยเพลียใจหวนให้คิด
ฟุ้งซ่านจิตเหลือไว้เพียงในฝัน
ความผูกพันขันชะเนาะต่อกัน
สิ่งสัมพันธ์นั้นยากจะกำหนด
มิอาจปลดจริงหนอจำขอจาก
เหลือแต่กากวางมองต้องสลด
จะหนีร้างห่างไปยังรันทด
จำต้องลดช่องว่างระหว่างตอน
ช่างสะท้อนอ่อนใจแล้วเสียหนอ
มิร้องขอสิ่งใดในช่วงหลอน
มันกัดกร่อนรำพึงจึงร้าวรอน
ทิ้งบางตอนดวงหทัยให้กังวล
อันดวงกมลหนนี้ยากกลับจิต
อันความคิดเปรียบกระแสที่สับสน
ดุจสายชลวนเชี่ยวไหลเวียนวน
มันเปี่ยมล้นหล่นทลายกระจายไป
โอ้ไฉนคร่ำครวญล้วนคลั่งนัก
แสนยิ่งจักเสนอสนองมิผ่องใส
แม้อุตส่าห์บากบั่นสู้ผ่านไป
สมองใจกายคิดล้วนติดพัน
ความกระสันหันเหลังเลคิด
หักใจจิตหนีหายไร้โศกศัลย์
สิ่งผูกพันเหลือไว้แค่กำนัล
เพียงแค่ฝันวางไว้ในอดีตกาล.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
12 มีนาคม 2548 12:41 น.
แก้วประเสริฐ
รุ้งตะวัน
..๏พระมหิทธาเปล่งฟ้า ทินกร
อิทธิฤทธิ์กฤษดากร เลิศล้ำ
พิรุณราชอ่อนอรชร เย็นฉ่ำ จริงแฮ
พระเปี่ยมทรงสายน้ำ สู่หล้าเนืองนอง ฯ
สององค์ทรงหยาดฟ้า ฤาดิน
เกิดก่อเสียงสายพิณ เกริกก้อง
แสงสีส่องเกิดยุพิน เคียงคู่ เชยชม
รักที่อมตะคล้อง เด่นฟ้าชโลมดิน. ๚ะ๛
*************************
ทิวากรอ่อนล้าครายอแสง
พิรุณแข่งโปรยปรายคล้ายม่านใส
เกล็ดละอองผ่องตระการอันไฉไล
แสงส่องไว้กลายเป็นโค้งวงนภา
เกิดเป็นทัศนียภาพฉาบแสงสี
แดงเขียวมีม่วงส้มครึ่งกลมหนา
ทั้งน้ำเงินเหลืองอร่ามงามจับตา
ทิวทัศน์พาบรรเจิดเลิศอลังการ
พระพายโชยพฤกษาพาหวั่นไหว
พัดกิ่งใบสู่ก้านพลันฟุ้งพล่าน
ล่วงปลิดหล่นลอยวนสู่สายธาร
กระแสนั้นกว้างใหญ่ในขอบคีรี
รุ้งตะวันดุจชายหญิงอิงคู่ฟ้า
ความรักมาวิปโยคโศกหมองศรี
มั่นคงแท้แม้แต่กรอบประเพณี
อุตส่าห์พลีหนีด้วยกันหันสู่ฟ้า
รักนั้นเอ๋ยเฉลยบอกกลับตอกย้ำ
แสนระกำหนามยอกหลอกนักหนา
มันคลุกเคล้าเร่าร้อนกร่อนอุรา
สิเน่หาต้องร้างจางอารมณ์
ด้วยเหตุที่มั่นคงมิหลงใหล
ศฤงคารไซร้หาปองจิตคิดสู่สม
กรอบนั้นหรือมีอยู่บ่ภิรมย์
มิเชยชมขอตายเสียห่างไกล
สองตั้งจิตอธิษฐานหันพึ่งฟ้า
เกิดธาราไหลประคองผุดผ่องใส
พุ่งฟุ้งซ่านผ่านนภาสู่ชลาลัย
เข้าเกิดในฟากฟ้าคราละออง
เป็นรุ้งตะวันเคียงคู่สู่สายฝน
จากเบื้องบนพร่างพรายฤทัยสนอง
เคียงคู่ตะวันที่สรรสร้างสมใจปอง
เคล้าเคลียครองตราบชั่วฟ้าดินมลาย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
10 มีนาคม 2548 17:45 น.
แก้วประเสริฐ
มโนตรึกห้วงดวงหทัย.
..๏โสมดาราสะพรั่งฟ้า...............ราตรี
พรมพร่างแสงขจี.........................ส่องจ้า
พิลาสอร่ามฤดี.............................ชวนร่ำ งามตา
แสนสว่างฉายเจิดจ้า....................ผ่านล้ำดวงหทัย ฯ
..๏พระพายโชยกลิ่นเร้า...........อบอวล
บุบผาที่เคยรัญจวน......................บ่มให้
เรไรหริ่งโหยหวน.........................ปั่นป่วน จริงนา
อกห่อนรอนรุมไล้.........................มาดแม้นพึงครวญ ฯ
..๏แสงเอ๋ยแสงบ่แม้น...................ตัวกู
อกเร่าเอาอดสู..............................แน่นแล้
ยามพิศเพ่งแสงดู..........................วจีเอ่ย คำครวญ
โถบ่เหมือนกูแท้............................พิศเพ่งอกตรม ฯ
..๏รำพึงพลางคลั่งไคล้..................หวนคิด
ไหวหวั่นหทัยจิต.............................ยิ่งท้อ
หยิบพิณคู่บพิตร.............................กรีดแผ่ว แนวเสียง
เสนาะล่องลอยลมล้อ.......................คลึงเคล้าแสงจันทร์ ฯ
..๏การณรงค์กูบ่แม้น.....................เกรงกลัว
ทัพผ่านอริราชทั่ว............................แว่นแคว้น
ราบคาบสุดพันพัว............................เกิดก่อ เกรียงไกร
ใยหนึ่งหญิงหักแม้น.........................อกข้าฤดีหมอง ฯ
..๏สองเนตรแลฟากฟ้า...................คำนึงนาง
ยากก่อเกิดรักพลาง..........................ห่อนให้
ขอเพียงส่งเสียงวาง..........................กลางจิต แม่เอย
รักพี่มอบนางไว้................................แน่แท้ใจเดียว ฯ
..๏พระทอดถอนแน่นแท้.................หทัยครวญ
เมฆินทร์ลอยแปรปรวน.....................ปริ่มฟ้า
แขเอ๋ยกูป่วนฤดีชวน..........................มิสร่าง นวลอนงค์
ดุจดั่งแขมิเจิดจ้า...............................แสงสิ้นโลมสรวง ฯ
..๏เสียงพิณถวิลสั่นเคล้า................ลอยลม
สายส่งขาดเหมือนตรม.....................เร่งเร้า
พระสุดแสนระทม.............................อุระป่วน หวนแม่
รักนี่ยากคลึงเคล้า.............................เสด็จเข้าบรรจถรณ์. ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙