9 เมษายน 2548 15:21 น.

นางแก้วแววฟ้า

แก้วประเสริฐ


                      นางแก้วแววฟ้า

          กึ่งราตรีเพียงพิศจิตซาบซึ้ง
ห้วงรำพึงตรึงกวัดประหลาดหนอ
เปรียบสวรรค์สรรค์สร้างนวลลออ
เฝ้าเคียงคลอขอบฟ้ามาพบพาน

          หนึ่งทิวาคราพบสบยามค่ำ
ช่างลึกล้ำน้ำคำพร่ำร่ำสาน
อเนกรสจรดรักมิร้าวราน
รัตติกาลรอนล่วงสู่ห้วงใจ

          มิคำนึงถึงสิ่งหลายฝากจรด
สุดกำหนดผูกพันดั่งจันทร์ใส
ห้วงนภาหลังสายัณห์อันวิไล
เข้าสรรค์ไว้รายรอบกรอบสวรรค์

          นึกถึงกลิ่นราตรีวิเวกแว่ว
ประกอบแล้วบุบผาคราเสกสรร
นกราตรีเฝ้าร้องก้องวิไลวรรณ
ฟ้าช่างปั้นจันทร์ดารามาเคียงกาย

          เพียงขาดหนึ่งดวงดาวเฝ้าค้นหา
บรรเจิดจ้าระยิบระยับประดับสาย
ยามแจ่มใสฟ้าสล้างกระจ่างปราย
เคยกรีดกรายอยู่เรียงเคียงข้างเรา

          ยืนจรดจ้องมองนภาหานางแก้ว
รอบรายแนวขอบฟ้ากว้างอย่างเฉลา
หริ่งระงมแมลงร้องก้องไร้เงา
เคยลำเนาเคล้าหวนชวนสู่ปอง

          หลังกึ่งราตรีหนอคลอน้ำค้าง
หัวใจสล้างสดชื่นลื่นล้ำสมอง
เธอคือดาวเราคือดินสิ้นลำพอง
เพียงประคองสนองรักฝากใจจำ

          รักเดียวนักยากยิ่งสิ่งค้นหา
แม้นดาราขาดจันทร์อันเลิศล้ำ
จันทร์ยังพรากทิวาคลาจดจำ
โอ้รักนำเหลือแก้วแววสู่ฟ้า

          ลมพัดโชยหอมรินกลิ่นนางหอม
เจ้าพะยอมเป็นบุบผาพาหรรษา
เย้ายวนย่ำร่ำร้องในจินตนา
เหลือบแลหากานดามิมาพลัน

        นภาสล้างกระจ่างฟ้าดาราพราว    
ช่างปวดร้าวเย็นยะเยือกเกลือกใจฉัน
รักเคยเคียงเรียงไว้สู่ใจกัน
ใยมาพลันเพียงพบสบดาวโรย

          จันทร์เจ้าเอยดาราหายคล้ายใจฉัน
   ความผูกพันลั่นร้องก้องสุดโหย
ช่างโปรยร้างห่างหายยามลมโชย
อย่าล่วงโรยเป็นจันทราล้าดวงดาว.

              ๙๙๙    แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙
				
7 เมษายน 2548 16:30 น.

ฤทัยแนบเคล้าราตรี

แก้วประเสริฐ


                          ฤทัยแนบเคล้าราตรี.              

      ..๏หรีดหริ่งเรไรร้อง..................ระงม
จักจั่นครวญเพลงภิรมย์....................สู่หล้า
จันทร์ส่องแสงนวลชม......................พรายพร่าง   จริงนา
ยืนเดี่ยวเปลี่ยวเอกาข้า.....................เหม่อน้องกลางนภา ฯ

         แขเอ๋ยใยห่างร้าง....................ดารา   มากเอย
เหมือนดั่งดวงชีวา............................อ่อนล้า
พิณเสนาะแว่วพสุธา..........................หวนแผ่ว
ฟ้าที่บรรเจิดจ้า................................รุ่มห้วงดวงสมร ฯ


          เสียงแคนครวญแผ่วพลิ้ว...........โหยหวน
กอไผ่เสียงแหบรัญจวน.......................ร่ำไห้
บาดลึกสู่อกชวน................................ไหวหวั่น   นวลฤา
แคนสู่พิณสัตว์ปองไว้...........................เร่งเร้าใจคนึง  ฯ

          ครวญเพลงหวานร่ำร้อง..............กลางแสง   จันทร์ฤา
ตาเบิ่งทรงกลดแสดง............................เจิดจ้า
ภิรมย์รื่นอารมณ์แฝง............................รักแว่ว   ฤทัยเฮย
อกเอ่ยชวนไขว่คว้า..............................แนบน้องกลางนภา ฯ

          ดาวหลบหลีกซ่อนเร้น.................ดวงแข
พิลาปพิไลแล......................................ป่วนล้า
นางเอยฮักผันแปร................................ใจสู่   จางแฮ
ปวงที่ฝันนางข้า....................................เติ่งร้างนางจร ฯ   

          ลาจรจำห่อนร้าง..........................นางจันทร์
ดาวส่องแสงฉายถวัลย์............................ขอบฟ้า
มวลรักแห่งพิไลพลัน..............................หรุบหรู่   วนาเอย
เพียงไขว่แนบขวัญล้า.............................ยิ่งกล้ายิ่งกลัว ๚ะ๛

                          ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
3 เมษายน 2548 10:51 น.

ลีลาแก้วพัฒนา

แก้วประเสริฐ


                                ลีลาแก้วพัฒนา       


          เป็นแก้วเลิศประเสริฐจ้าน่าไปบวช
จะได้สวดเสกยันต์ไว้กันผี
อย่าล่อเหล้าเมาค้างห่างนารี
เดี๋ยวราคีคึกคักทะลักลาม


          เมื่อตัณหามาสู่ให้รู้หด
จงกำหนดกดขี่เหมือนผีห้าม
อย่าอาลัยใจมัดสกัดกาม
ขืนแห่หามตามหาจะบ้าบอ


         อีกเด็กสาวคราวหลานอย่าหาญรัก
เดี๋ยวจมปลักตักตวงเป็นห่วงหนอ
จะเลยเถิดเกิดคาวนักข่าวรอ
มานั่งหงอหงึกหงักกระอักใจ


         ทั้งโทสะฉะใครอย่าได้คิด
อย่าปล่อยจิตจนสั่นมาหวั่นไหว
อย่าหน้ามืดฟึดฟัดเที่ยวอัดใคร
อดเอาไว้ให้มั่นอย่าสั่นคลอน


         อย่าทะนงหลงคำแม้ความเห็น
มามองเป็นเช่นค่าไม่กล้าถอน
อย่ายึดติดตีตราว่าหมดตอน
อะไรซ่อนซึมซับจงจับดู...

                   แก้วแตก.

               *****************

             ขอขอบคุณหนุนคำมาร่ำสอน
นึกถึงตอนบวชอยู่อดสูเหลือ
ผีมานั่งลวงแวมวับนับจุนเจือ
หวังหมายเกื้อเอื้อหนุนขุนตัวเรา


         ประเคนของต้องปลงลงในจิต
ปทุมมาลย์สลิดดิ้นพล่านสั่นขุนเขา
อสุภะมาข่มใจให้บางเบา
ตัณหาเฝ้าหยอกเย้าเข้าอารมณ์


         พิจารณามองวางลงแต่คงสั่น
มันรุมกันขันต่อขอสู่สม
ทั้งนอกหนุนกรุ่นแสบแทบอกตรม
ล้วนน่าชมข่มพลางสร้างภาวนา


         พอยุบหนอพองหนอตามแนวลักษณ์
มันพองนักมิยุบยากหุบหนา
ต้องหลับตารับของที่เข้ามา
หรือหันหน้ามองไปไม่หมายแล


         มิทะนงหลงเห็นตามภาพนั้น
จิตสลดพลันหันสร้างมิสู่กระแส
ฝืนนอกในกักกันมิผันแปร
มิยอมแพ้จนสลายละลายไป


         ขอขอบคุณมิตรธรรมที่นำจิต
สร้างชีวิตจริงแท้แน่สดใส
เป็นความสลดอดสูหากสู่ไป
ยากวิไลแนวสล้างกระจ่างธรรม.

            แก้วประเสริฐ.

ปล. พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรนำเผยแพร่แก่มวลชนยากยิ่งจะพ้นไปเสียได้ขอรับ.......แก้วประเสริฐ.				
29 มีนาคม 2548 14:04 น.

อนาถหนอชีวิต.

แก้วประเสริฐ


                อนาถหนอชีวิต.

       บูรพาทิวาเพริศเลิศแจ่มใส
โลมลูบไล้ท้องนภาหล้าเจิดจ้า
แสงสีทองผ่องอร่ามจรดตา
มวลพฤกษาร่าเริงเคล้าดนตรี

       กิ่งไม้สบัดระบัดใบเสียงซ่าซ่า
นกในป่าร้องกันลั่นจู๋จี๋
น้ำตกไหลจ๊อกจ๊อกสู่นที
มัจฉารี่เวียนว่ายเคล้าวนมา

       ยืนเพ่งพิศพินิจตรองกรองคิด
เอาดวงจิตตั้งลงตรงนาสา
ภาวนาคำพจน์พุทธวาจา
พิจารณาสังขารอันเปลี่ยนไป

       อนิจจังทุกขังแล้วอนัตตา
เรือนร่างมาประกอบไม่สดใส
เกสาขนล้วนหงอกหาจับใจ
นักขาไซร้ใยงอกดูน่าชัง

       ทันตาเล่าเฝ้ามองช่างรอนร้าว
ตะโจเล่าแห้งเหี่ยวคุดคู้ขัง
เป็นกระเกล็ดเม็ดผื่นไม่จีรัง
สิ่งที่หวังไม่สมอารมณ์ปอง

       เป็นเด็กผ่านหนุ่มสาวแล้วผู้ใหญ่
ล้วนแต่ไม่ประสงค์กลับสนอง
คืออนิจจังสสารพลันเข้าครอง
สร้างหม่นหมองต้องไว้กับกายเรา

       เข้าเหตุผลทุกขังมักร้อนจิต
ยืนนั่งคิดนอนตรองยากจะเฝ้า
สร้างจัดโน่นแต่งนี่มิบางเบา
เล่นทำเอาว้าวุ้นกรุ่นโศกทรวง

       พอกาลผันหมุนเปลี่ยนเวียนสลาย
แล้วกลับกลายเป็นอื่นสู่ลุล่วง
ไม่ของเราเขาอื่นเป็นกลลวง
ซึ่งเป็นบ่วงห่วงมัดเรียกอนัตตา

       ดุจใบไม้ทะยานสูงพ้นจากพื้น
ยังล่วงคืนสู่พสุธามากองหนา
เปรียบมนุษย์แวดล้อมด้วยเงินตรา
ถึงเวลาจะตายยากนำไป

       นี่แหละหนอความจริงสิ่งแน่แท้
อย่ามัวแลหลงใหลไปเสียได้
สร้างภายนอกลึกล้ำเข้าข้างใน
เอาจิตใจให้กระจ่างสว่างธรรม.

        ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙ 				
29 มีนาคม 2548 13:58 น.

ละอองพร่างฟ้า

แก้วประเสริฐ


                 ละอองพร่างฟ้า

     ..๏  ยามอรุณแสงทองผุดผ่องฟ้า
หมู่ดาราล่องลอยคล้อยเหลี่ยมเขา
ม่านหมอกเมฆเคลียคลอล้อดั่งเงา
ระยับพราวพร่างสีที่ขอบนภา

        ละอองรุ้งพวยพุ่งวนปนน้ำค้าง
สุดสล้างงดงามอร่ามหล้า
วับวาวแววพร่างพรายไล้นัยน์ตา
ทิวทัศน์วนาภิรมย์สมอารมณ์

       ลมเย็นโปรยหอมหวนล้วนกฤษณา
เหล่าสกุณาขับขานลั่นอาศรม
ผีเสื้อบินเริงร่าน่าภิรมย์
ยิ่งเคล้าชมร่มรื่นชื่นจิตใจ

       ผ้าสีทองรอนริ้วปลิวคล้ายคลื่น
ความฉ่ำชื่นระรื่นจิตผุดผาดใส
ภิกษุหนุ่มร่างสันทัดนวยนาดไป
พระท่านได้โปรดสัตว์ลัดเลี้ยวจร

       หวนคำนึงถึงทางหลงพะวงรัก
ที่มันชักใจไปดุจสิงขร
เป็นห่วงนอกกลอกกลับไม่แน่นอน
สุดสะท้อนอารมณ์ต้องข่มคิด

       อนาถหนอตัวเราเฝ้าเพียรอยู่
กลับถูกกู่เหหันคล้ายวิปริต
เห็นผ้าเหลืองเรืองวิไลให้วิจิตร
เข้าสถิตละลายห้วงบ่วงของมาร

       อัตตาหิอัตตโนนาโถ
อีกมากโขไม่เป็นซึ่งแก่นสาร
ตัวของเราเป็นที่พึ่งจึงสราญ
อีกสังขารอันไม่แท้แน่จริงเรา

       ขอเขียนโคลงกลอนนี้เพื่อฝึกเล่น
ฝึกเพียรเป็นปัญญาแก้โง่เขลา
สร้างจินตนามาไว้เพื่อตรองเอา
แล้วผูกเข้าเอาไว้เพื่อไตร่ตรอง

       ทิวาลอยเลื่อนสูงมุ่งจรัสฟ้า
มวลนภาหล้าสว่างพ้นจากเศร้า
ให้เบิกบานผ่านห้วงช่วงมึนเมา
จะขอเอาพุทธธรรมล้ำเลิศครอง.๚ะ๛

         ๙๙๙   แก้วประเสริฐ.   ๙๙๙				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ