9 พฤษภาคม 2548 14:28 น.
แก้วประเสริฐ
แม้ยากหากมีสักวัน
คิดจะสร้างทางรักงามสดใส
เฉกไฉไลเมฆินทร์แห่งถิ่นสวรรค์
ลบสิ่งเศร้าเก่าก่อนลงฉับพลัน
ดุจวิมานเก็จแก้วที่แพรวพราย
มองนภาหาข้อคิดมาเสกสรร
สิ่งแปรผันอบอวลล้วนมากหลาย
ความหวานชื่นขื่นขมตรมหทัย
หวังทำลายตรงบ่วงลดช่วงนั้น
ดูหมู่ดาวเย้าเดือนเสมือนรัก
เล้าโลมนักขออยู่เป็นคู่ฉันท์
ต่างอวดโฉมโน้มน้าวเฝ้ารำพัน
ออดอ้อนกันเพื่ออยู่เฝ้าสู่ปอง
อันรักขื่นหวานขมเพียงลมปาก
ล้วนจะฝากลิ้นเล่ห์หันเหสนอง
ส่งผูกพันผันผวนตามครรลอง
ฉุดทำนองแสนเสนาะกัดเจาะใจ
กลิ่นหอมหวนลิ้มลองที่ปองอยู่
เสกสันต์คู่อารมณ์บ่มให้ไหว
ใส่จริตหว่านเชิงมัดผูกรัดใน
ละลานไปสุดผวายามคราชม
หากใฝ่หลงปลงจิตเข้าเวียนว่าย
เปรียบดั่งคล้ายใยหวานมันขื่นขม
มากรสเล่ห์ล้วนเสน่หาพาระทม
ด้วยคารมฝังลึกแนบผนึกทรวง
สิ่งเหล่านี้นะหรือคือสื่อรัก
เย้ายวนนักดุจบุบผามาจากสรวง
พอนานเนิ่นเหินร้างยากตักตวง
สร้างหลอกลวงยิ่งนักแล้วหักจร
น้ำคำช่วงห้วงลึกเวียนหันวก
สุดสะทกเปรียบไปคล้ายคันศร
ลูกศรหักรักสลายแสนอาวรณ์
ดุจละครตอนจากพรากแสดง
รำพึงทวนสู่ภวังค์พิมานรัก
เพริศพริ้งนักเรืองรองสีส่องแสง
ดารดาษพร่ำเพ้อละเมอจำแลง
สุดแอบแฝงหอมหวนรัญจวนใจ
ทิ้งพะวงหลงสิ่งพิงความฝัน
ละโศกศัลย์หันกลับสู่สดใส
เหมือนละครชีวิตวนเวียนไป
มวลเหตุไซร้อยู่กับตัวหัวใจเรา
แม้นจะยากคงมีสักวันหนึ่ง
ได้ซาบซึ้งถึงแก่นของเราเขา
สิ่งผ่านมาดุจเดือนแต่ไร้เงา
มิขอเฝ้าไขว่คว้าหาดวงดาว
สิ่งพะวงหลงทางในความรัก
หากประจักษ์ถึงเหตุมาสืบสาว
ผลทั้งปวงล้วงลึกจากเรื่องราว
ที่แพรวพราวมาขจัดปัดละลาย
อันปวงรักนั้นอยู่คู่สิ่งหลอน
ริเล่นร้อนควรผ่อนผันกันสลาย
ปิดประตูเปิดหน้าต่างคงมิวาย
มวลมากมายตรองดูล้วนรู้เอง.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
7 พฤษภาคม 2548 13:50 น.
แก้วประเสริฐ
ดุจสวรรค์วิมานทราย.
..๏ภุมรินบินว่อนพลิ้ว เฉิดวน
สีจ่างสวยแยบยล ยวนเย้า
ประดุจดั่งนฤมล กรายร่าง ยามแล
รุดมุ่งหาดทรายเคล้า ก่อสร้างเจดีย์ทอง ฯ
ศรัทธาครองมุ่งเกื้อ งามเหลือ บุญนา
จิตใฝ่ปองหนุนเจือ ส่องสล้าง
หากผลส่งบุญเขือ หวนสู่ ฮักเอย
เพียงหวั่นหวังผดุงร้าง บ่ฮู้ใจเรา ฯ
สายธารรุดหลั่งล้น ลานตรง ราบเฮย
สุดที่หวังยืนยง ใฝ่แท้
ลานภินท์พินาศลง สานต่อ ยากแฮ
รอบสิ่งรานสุดแก้ ผ่องแผ้ววิมานฝัน ฯ
อนาถเอยอกเปี่ยมล้น ยากครอง
ฝันใฝ่หมายผนึกปอง สู่ฟ้า
เปรียบทรายดั่งทรุดกอง ธารแผ่ เวียนฤา
คุณค่ามิเพริศแพร้ว ส่องสล้างเปรียบปาน ฯ
หวนคนึงหมองส่อเค้า ฉาบดิน
กอเก่ากกดวงจินต์ หม่นแท้
คิดห่อนกลับมิถวิล ฮอดเก่า วอนแฮ
เคยมุ่งสรรค์กอบแก้ ห่อนแล้รานสนอง ฯ
พึงปลงตกผ่านแพร้ว นภาตรง รุดฤา
แสงส่องแปรผันคง ว่างเวิ้ง
สนธยาพร่าเลียบลง ลับเหลี่ยม คีรีเฮย
เสียงแว่วดนตรีเซิ้ง หมู่ซ้องแผ่วหวน ฯ
ถอนใจยากไขว่คว้า เชยชม
มอบส่งรักระบม แด่ฟ้า
หวนกลับสู่ภิรมย์ เพื่อนพ้อง สนานเฮย
หลบเลี่ยงฮักเคยล้า มุ่งก้าวแดนสวรรค์ . ๚ะ๛
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
5 พฤษภาคม 2548 13:28 น.
แก้วประเสริฐ
สกาวฟ้ายามราตรี
สกาวเดือนพร่างพราวคราวฟ้าใส
นภาลัยประดับดาวราวเพ้อฝัน
ระยิบระยับสันต์สู่ห้วงดวงชีวัน
แลเหม่อจันทร์แนบลงบนตรงฟ้า
ครุ่นรำพึงถึงครามาหวนจาก
ถ้อยคำฝากอ่อนช้อยด้อยวาสนา
เหลือเพียงหนึ่งในร้อยมัชฌิมา
โฉมสุดาหวนลับกลับสู่ดาว
หรือจะสิ้นปิ่นเกสรเคยอ้อนโอษฐ์
เสียงอุโฆษถ้อยนั้นสุดมั่นกล่าว
คำสัญญามุ่งฟ้าช่างแพรวพราว
เรืองวับวาวผ่านห้วงดวงราตรี
ร้อยศิลาเรียงลงตรงห้วงศอ
หวังเคียงคลอวอนเว้าเจ้าโฉมศรี
เพียงความคิดล่วงลงอสัญญี
ต่อแต่นี้เหลือนภาฟากฟ้าไกล
ดาวเรืองส่องประกายดารดาษ
ทรงกลดวาดวงกลมแสนสดใส
ค่อนคืนนี้มีจันทร์สกาวสุดอำไพ
แต่ห้วงใจกลับฝากไว้แด่ดวงดาว
ระริกชวนหวนหายามฟ้าใส
ความวิไลหลบสลายลงห้วงหาว
จันทร์เจ้าเอ๋ยดาวเอยแม้พร่างพราว
ยากจะน้าวเอาตัวเจ้าเฝ้ากลับคืน.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
4 พฤษภาคม 2548 14:07 น.
แก้วประเสริฐ
ฮ้าฮ้าฮ้าวาสนาข้าเอง
เจี๊ยกเจี๊ยกเจี๊ยกเพรียกพร่ำร่ำเรียกหา
จ๊ากจ๊ากจ๊ากกานดาแม่มารศรี
จ๊อกจ๊อกจ๊อกกลอกตาหนอนารี
จุ๊กจุ๊กจุ๊กคนดีหรี่ตาชวน
หุหุหุรู้ไว้ใช่แบกหาม
แหะแหะแหะคนงามแม่ทรามสงวน
โห้โห้โห้แต่งตัวเย้ายั่วยวน
เหอะเหอะเหอะจะชวนคนอะไร
ฮ้าฮ้าฮ้าทรามวัยใจถึงหรือ
ฮือฮือฮือรักแล้วมาผลักไส
ฮ่วยฮ่วยฮ่วยปวดแสบขั้วหัวใจ
โฮ้ยโฮ้ยโฮ้ยเหตุไฉนใยหัวเราะ
อุ๊อุ๊อุ๊รู้ไว้ใครหล่อเหลา
อ่าอ่าอ่าว่าเขาแสนขบเผาะ
อิอิอิโปรยวางเลี้ยวลัดเลาะ
อืออืออือพอเหมาะแล้วจากจร
แง๊แง๊แง๊พอเขาทำระกำบ้าง
เง๊อะเง๊อะเง๊อะทำกร่างมาเสี่ยมสอน
โง่โง่โง่ใครหนอมาอ้อนวอน
หงิกหงิกหงิกงามงอนสุดร่อนทรวง
ก๊ากก๊ากก๊ากเกริกกรอกสำรอกยิ่ง
กิ๊วกิ๊วกิ๊วระวิงสิ่งลุล่วง
ก๊อก๊อก๊อน้ำตามาตกรวง
กร๊วกกร๊วกกร๊วกหมดช่วงต้องงอแง
เน๊อะเน๊อะเน๊อะบอกกล่าวเจ้าเนื้อหอม
นี่นี่นี่แม่พะยอมจากดวงแข
โน่นโน่นโน่นมาสลายไร้ดวงแด
แน๊ะแน๊ะแน๊ะที่แน่หลงตัวเอง......
...........โอ้โอ้โอ้ 555 เอิ๊กเอิ๊กเอิ๊ก............
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙
26 เมษายน 2548 11:32 น.
แก้วประเสริฐ
ระยองแห่งความฝัน
ครืนครืนคลื่นซ่านซัดสู่ชายหาด
ฟองสะอาดสาดฟุ้งพุ่งเป็นฝอย
แสงตะวันสาดส่องพลิ้วเป็นริ้วลอย
ไหลทยอยซัดหาดทรายกระจายไป
ลมพัดสนโอนเอนใบสั่นพลิ้ว
ใบละลิ่วปลิวสะบัดพัดหนีหาย
นกนางนวลบินคลอคู่ดูวิไล
เสียงไหวไหวหญิงชายคล้ายรำพัน
สนธยายามเย็นงามเด่นนัก
ช่างน่ารักธรรมชาติมาเสกสรร
รุ้งตะวันกระทบน้ำยากจำนรรจ์
ดุจสวรรค์ในแดนดินถิ่นคนจร
แว่วเสียงเพลงกีตาร์มาคลอคลุ้ง
อีกคนมุ่งบรรเลงงามดั่งอัปสร
คนร้องเล่าหล่อเคล้าเพลงอาวรณ์
ช่างสะท้อนย้อนอดีตฝังติดจำ
วันนี้หนอเป็นวันพลันหวนกลับ
สิ่งลาลับกลับสะท้านฝันสู่ร่ำ
คืนถิ่นระยองพองใจเคยได้ทำ
ดุจความจำหวนซึ้งตรึงใจแล
พอค่ำคืนยืนเด่นเห็นเดือนฉาย
โอ้พระพายไหวอ่อนรอนกระแส
ระยิบระยับคลื่นไหวในดวงแด
ขอบฟ้าแผ่ความวิไลไหวรอบกานท์
กองไฟโชนโอนเอนระริกส่อง
เสียงร่ำร้องสรวลเฮฮาพากระสาน
สนุกสนานคลอเคล้าใจเบิกบาน
สนุกสนานเต้นรอบข้างกองไฟ
บ้างแยกคู่ไปนั่งข้างเคียงไม้
ฉอเลาะไปเสียงกระซิกคิกหวั่นไหว
ฟังเพลงเก่าเคล้าคลอพะนอไป
แสนสบายในงานวันลำลอง
เดือนพฤษภาครานี้จะมีขึ้น
คงระรื่นฟื้นความหลังครั้งที่สอง
มีน้องพี่ผองเพื่อนเยือนระยอง
คงจะต้องร้องร่ำสำราญหทัย
โอ้วาสนาครานี้คงบรรจบ
หากไม่พบโรคภัยในกายไซร้
จะมุ่งมั่นสร้างฝันอันไฉไล
กลับคืนในถิ่นงามแม่ทรามเชย.
๙๙๙ แก้วประเสริฐ. ๙๙๙