9 พฤศจิกายน 2548 09:38 น.
แก้วประเสริฐ
โอ้สุรางคนางค์ที่รัก
นางเอยใยผ่องฟ้าแรกคราพบ
พิศประสบเนตรน้องครวญร้องหา
ให้ระริกจิตสะท้านพล่านวิญญาญ์
โอ้แก้วตาล้วนเสน่หายากคว้าครอง
แม้นองค์อินทร์เทพไท้ในแมนสรวง
ยากลุล่วงศรีสมรยอมผ่อนสนอง
เฝ้าเคล้าเคลียเอนโน้มประโลมปอง
แด่นวลน้องครองนางหวังอภิรมย์
ตะวันรอนสกาวสุกใสหวั่นใจนัก
พลิ้วลมรักสะบัดฝากยากจักสม
โอ้กลิ่นหอมลอยละล่องผองจิตตรม
ยังแฝงดมเพื่อโลมเร้าสูดเข้าใน
สุดปลายฟ้าดวงจันทราฟ้าแสงส่อง
ยังเป็นรองยอดอนงค์คงหลงใหล
หมู่เมฆินทร์แผ่ขยายหนีหายขจาย
คลื่นซัดทรายปั่นป่วนล้วนแตกฟอง
ยามกล่าวถ้อยร้อยวาจาพาใจแก้ว
สิ่งเพริศแพร้วแว่วกังวานปานนกร้อง
เหล่าวิหคเริงร่ามาร่วมประลอง
คลอทำนองขับขานสานดนตรี
มวลบุบผานานาพันธุ์นั้นซู่ซ่า
ลมโชยพาเริงระบำเต้นรำนี้
ใบไม้ระบัดจัดแต่งแฝงรัชนี
แสงมืดมีแผ่ซ่านพล่านฤทัย
หลับตาพริ้มยิ้มพรายใจระริก
ส่งเจตสิกพลิกชวนอบอวลไว้
แนบสู่บ่วงล่วงรักฟักภายใน
มิยอมไปเข้าห้วงบ่วงสำราญ
ครั้นลืมตาตะวันลับมิจับฟ้า
ใยกานดาสูญหายไปจากฉัน
มองค้นหารอบแนวพฤกษาพันธุ์
เหลือกลิ่นกายมาลีนั้นพลันโชยมา.
*แก้วประเสริฐ.*
7 พฤศจิกายน 2548 13:01 น.
แก้วประเสริฐ
หนึ่งในรักหนึ่งในฤทัยฝัน
ประโลมโลกโกรกสะบัดปั่นป่วนสร้าง
แสนโดดเดี่ยวอ้างว้างพรางสิ่งเหงา
หมุนตวัดวนเวียนเปลี่ยนแฝงเรา
ความซึมเศร้าระคนปนทรวงตรม
ลมเอ๋ยลมจ๋าพัดตระบัดแผ่ว
ส่งเพริศแพร้วแนวใจคล้ายจะสม
ความสูงต่ำเคล้าคลอหนออารมณ์
ระริกข่มรมความหวังพังมลาย
ครั้งหนึ่งเราฝากไว้สู่ความฝัน
จำเนียรกาลแปรผันนั้นพึงหมาย
รักเอ๋ยเคยมอบไว้ให้มากมาย
สูญสลายเศร้าเหงาจนเฝ้าครวญ
ใจหนอโอ้มิผ่องใสใครรู้บ้าง
ทำไมเวิ้งว้างส่งใจได้ปั่นป่วน
เพียงเมตตาแก่ข้าอย่าเรรวน
มิเสมือนลมหวนชวนจากไกล
ตรองชีวิตคิดไปสุดไกลว้าง
ช่างเลือนรางหมดสิ้นถิ่นอาศัย
ยิ่งมองฟ้าตะวันดาราลับลาไป
ชอกช้ำใจไร้คนแลแน่จริงเรา
หนึ่งในรักหนึ่งในหทัยฝัน
สิ่งผูกพันโรมรันกันจนเศร้า
เฝ้าจำแนกแยกแยะพอบางเบา
กลับโถมเข้าเฝ้าสิงอยู่สู่ฤทัย
หยดหยาดเพชรสู่แก้มแซมลงห้วง
ซึมซาบทรวงบ่วงมัดกลบตรึงไว้
สะอื้นกรีดหยาดเจ้าที่เคล้าใน
สะบัดไปก็เสียดายในสิ่งครอง
รักหนอเอ๋ยเพริศพริ้งยิ่งเรือนแก้ว
เจิดจรัสแล้วพรรณรายหาใครสอง
เพียงหยดหยาดจากนภาฟ้ายังรอง
สิ่งมัวหมองใยเป็นข้ามาระทม.
*แก้วประเสริฐ.*
5 พฤศจิกายน 2548 22:41 น.
แก้วประเสริฐ
โบราณสถาน
สามอนงค์พราวพร่างกระจ่างฟ้า
ดุจลอยมาสู่สถานอันวิเศษสรร
รัศมีทองส่องทาบอาบพฤกษ์พันธุ์
ความมุ่งมั่นศึกษารู้สู่แดนไกล
อดีตบรรพบุรุษเคยสร้างโบราณสถาน
วางรากฐานวัฒนธรรมประเพณีไว้
อีกตัวหนังสือจารึกสู่คู่ชาวไทย
เพื่อนำใช้เป็นภาษาข้าแผ่นดิน
รวบรวมชนน้อยใหญ่เป็นปึกแผ่น
อีกแว่นแคว้นพันธุ์เผ่าเข้ารวมสิ้น
จัดระบอบปกครองผ่องอาจินต์
ขยายถิ่นให้ลูกหลานสรรค์รุ่งเรือง
ก่อกำเกิดชาติไทยอันไพศาล
ร่ำลือลั่นสะท้านภพจบฤาเลื่อง
อาณาเขตน้อยใหญ่ให้เมลือง
หญิงชายเฟื่องเรืองจรุงพุ่งขจร
กลิ่นหอมหวนอวลไว้แต่ละถิ่น
ยากจะยินยลสถานอันสลอน
ความรุ่งเรืองเปรื่องศาสน์ทุกขั้นตอน
ดุจเงาสะท้อนของไทยอันมากมาย
ความคิดอ่านนั้นประเสริฐเลิศนักปราชญ์
ท่านชาญฉลาดรวบรวมไว้มิให้สลาย
จำลองทุกสิ่งอิงประวัติศาสน์จัดเรียงราย
เพื่อจะให้ลูกหลานไทยใช้ศึกษากัน
สู้อุตส่าห์บากบั่นหมั่นเพียรสร้าง
ศึกษาวางสร้างขอบเขตนิเวสน์สถาน
ปูชนียะเหนืออีสานใต้ให้ผูกพัน
ตะวันออกนั้นวางอยู่คู่สมุทรปราการ
ตะวันลอยสร้อยสีทองผาดผ่องฟ้า
หมู่สกุณากล่อมพฤกษาพาประสาน
สร้อยสามอนงค์คงไว้ให้ละลาน
สู่สร้างสรรค์วิมานทองผ่องเรืองรอง
วิพากษ์วิจารณ์แลกเปลี่ยนเวียนความรู้
บ้างกระตู้วู้พบสิ่งอันพึงสนอง
หัวร่อร่วนชวนน่ารักอยากใคร่ลอง
คิดจะถองสองสามป๊าบซาบซึ้งทรวง
จักรยานน้อยคล้อยลับดุจกลับเมฆ
ความวิเวกหวนกลับตะวันลับสรวง
เมืองโบราณสถานนี้มิหลอกลวง
สิ่งทั้งปวงห่วงอาลัยคล้ายมนตรี
หนึ่งร้อยบาทผ่านประตูสู่ศึกษา
ยังดีกว่าไปหลายแห่งแหล่งหลายที่
เสียเงินตราเหนื่อยยากหากพลังมี
มาที่นี่อยู่ครบถ้วนกระบวนความ
สิบปากว่าไม่เท่าตาได้พบเห็น
ทุกประเด็นถ้าไม่คลำเกิดคำถาม
ความนุ่มนิ่มอ่อนแข็งแฝงวู่วาม
ดุจสามงามยามเยือนเมืองโบราณ.
*แก้วประเสริฐ.*
1 พฤศจิกายน 2548 11:37 น.
แก้วประเสริฐ
* อิทธิฤทธิ์มนต์มหาเสน่ห์ *
* โอม...มหิศร์อิทธิฤทธิ์ดลกอไผ่แตกขุย
น้ำจงแตกฉลุยลุยจิตใจระรัว
สาวแก่แม่หม้ายใครไม่เอากูทำผัว
หวาดระแวงกลัวมึงให้วอดวาย..
สิทธิสวาหะฤาชาสวาโหม...โอมเพี้ยงๆๆฯ
********************
เสียงมนต์ก้องร้องกำกับสำทับอยู่
ศิษย์เคียงคู่ดูอาจารย์นั้นกล่าวร่าย
มนต์มหาเสน่ห์เล่ห์กลอีกมากมาย
เสียงสั่นคล้ายผีเข้าจ้าวทับทรง
มืออาจารย์เหี่ยวย่นปนเทียนเสก
อีกร่ายเวทย์เขียนอักขระตามประสงค์
ขันน้ำมนต์พรมพ่นจนนวลอนงค์
กายอ่อนลงเปลือยร่างสร้างโลกีย์
สะท้านทรวงหน่วงลึกคึกร่างร่อน
เงาสะท้อนแสงเทียนเวียนร่างฉวี
มือร่ายเทียนขวาน้ำมันซ่านชีวี
กายสตรีสุดผวาครามือคลำ
มนต์อุบาทว์สั่นสะท้านพล่านร่านจิต
กำกับชีวิตผ่อนตามความเลิศล้ำ
มือชำนาญของเฒ่าเข้าชอนชำ
แฝงเงื่อนงำลุกเร้าเคล้าอารมณ์
พอศิษย์สาวพร่ำเพ้อละเมอซ่าน
ร้องเรียกขานพล่านเสน่ห์อาจารย์ขย่ม
เสียงมนตรายิ่งสำทับปรับเริงรมย์
แทรกซึมบ่มโน้มชีวันขวัญชีวา
ครั้นเสร็จสิ้นพิธีกรรมนำสรรค์สู่
ว่ามนต์กูสำแดงฤทธิ์สิทธิหวา
ไม่เกินเจ็ดวันมึงจงรีบเข้ามา
กำกับเสน่หาครอบไว้ได้ซ้ำเติม
ฤทธิ์พรายเสกน้ำมันยันต์อักขระ
จะชำระจิตชอนไชเพราะได้เสริม
คนหลงใหลใฝ่รักจะพูนเพิ่ม
ล้วนจะเยิ้มเสน่หาแม่ยาใจ
ใช้ปัญญาตรองคิดก่อนผิดเสีย
เรื่องผัวเมียเด่นดังยังทำได้
ตัวของเราย่อมรู้สู่นอกใน
สิ่งทั้งหลายใครรู้เท่าตัวของเรา
ที่เขียนกลอนลงไว้ในที่นี้
มิได้มีเจตนาลามกเข้า
เห็นผู้คนหลงใหลด้วยมัวเมา
เชื่อโฉดเขลาเบาปัญญาแส่หาเอง.
*แก้วประเสริฐ.*
30 ตุลาคม 2548 21:48 น.
แก้วประเสริฐ
*เงิน*เงิน*เงิน*
เงินนั้นหรือคือสิ่งบันดาลสุข
มีมากทุกข์ก่อเกิดกำเนิดหนอ
ไม่มีเงินสุขทุกข์เข้าเคียงคลอ
หากเพียงพอขอวางสร้างสิ่งดี
ดุจชีวิตของมนุษย์สุดฝันใฝ่
สร้างหัวใจไว้ในทางเกษมศรี
มีธรรมนำครอบครัวให้เปรมปรีดิ์
ประกอบชีวีมีสุขทุกวันคืน
หนทางเดินแต่ละคนปนทุกข์ยาก
อุปสรรคขวากหนามยามหลับตื่น
ลืมทุกข์สิ่งถูกผิดคิดยั่งยืน
แม้จะฝืนยังหลงคงมัวเมา
อันเงินตราคือรูปนามที่งามนัก
เย้ายวนจักงมงายให้เกิดเขลา
เป็นตัวกลางสร้างสรรค์ดุจดั่งเงา
ทุกคนเฝ้าหลงใหลใฝ่ครอบครอง
เป็นดาบทองสองแพร่งแฝงทุกสิ่ง
ที่เข้าอิงทุกข์สุขตามใช้สนอง
เกิดพิพาทบาดหมางมิไตร่ตรอง
ดุจประลองสงครามแม้ความรัก
อนาถแท้วงจรผันสรรค์ทุกข์สุข
เข้าลามลุกจิตผู้เข้าสู่ประจักษ์
หากประมาณคุณค่าเงินที่นำชัก
มิหลงนักควรใช้ให้เป็นกลาง
เงินนั้นหรือคือสิ่งปราชญ์อิงสร้าง
ที่จัดวางแลกเปลี่ยนเวียนสะสาง
มิหวังเปลี่ยนจิตใจชายและนาง
รู้จักสร้างเงินตราคุณค่ามัน
เงินมิใช่พระเจ้าเข้าสรรค์เสก
ไม่เป็นเอกหากใช้ไม่กระสัน
คนนั้นสร้างอย่าหลงพะวงกัน
วงเวียนนั้นรู้จักใช้ให้ถูกทาง.
*แก้วประเสริฐ.*