15 พฤศจิกายน 2548 11:15 น.
แก้วประเสริฐ
หยาดแก้วใบไม้ร่วง
ความหมุนเวียนแปรผันวสันต์ร้าง
สิ่งเวิ้งว้างยามเหมันต์หันมาสู่
หมอกน้ำค้างเคลียเคล้าเจ้าพธู
เปลี่ยนฤดูเปลี่ยนใจให้ละเมอ
ฉันนี้เปรียบใบไม้ไกลห่างต้น
แต่สู้ทนเก็บช้ำระกำเสมอ
ถูกกีดกันออกห่างร้างจากเธอ
เพียงพร่ำเพ้อเผลอเฝ้าเขานินทา
วาสนานี้หนอพอใบแก่
ไร้เหลียวแลปล่อยห่างวางข้างหน้า
แม้นจะรักมักชอบประกอบมา
สิ้นศรัทธาเฒ่าชะแลแย่ทุกคราว
* ความเจ็บช้ำร้าวใจในใบไม้
คือถูกทิ้งเปล่าดายในสายลมหนาว
ร้าวรานกายหนาวเหน็บใจในเรื่องราว
ไม่มีข่าวจากฟ้าไกล....ปล่อยให้รอ *
( *....*กลอนของคุณนางสาวใบไม้ ขอรับ)
ครั้นเหมันต์ย่างกรายใบไม้หล่น
ปลิวว่อนวนลมพุ่งคลุ้งจริงหนอ
ใบห่างต้นคนห่างรักยากจักคลอ
ข่าวที่รอสูญสลายในสายลม
หยาดวสันต์หยดสุดท้ายรินไหลห้วง
ซุกซ่อนทรวงล้อลมหนาวที่เคล้าบ่ม
น้ำค้างพรมดุจน้ำตาที่ข้าตรม
ยากจะข่มลมสะบัดพัดแรมรอน
ใบไม้พลิ้วริ้วใบเกล็ดหยาดแก้ว
ระยิบแพรวแวววับพลันเริงร่อน
ลอยละล่องท้องนภาฝากวิงวอน
เงาสะท้อนร่อนเร่ไปสู่สายธาร
คลื่นแห่งรักเฝ้าวนหล่นสู่ปลัก
ยากยิ่งนักใฝ่ปองลองประสาน
ดุจใบไม้คลายต้นสุดทรมาน
สิ่งสราญพลันสลายในพริบตา.
* แก้วประเสริฐ.*
14 พฤศจิกายน 2548 11:57 น.
แก้วประเสริฐ
ไล่คว้าเงา
มองเดือนเพ็ญเด่นสกาวพร่างกระจ่างฟ้า
ส่องนภาพราวเย้ายวนแสงนวลเสมอ
คืนลอยกระทงใกล้มาแล้วนะเธอ
คิดละเมอเพ้อฝันถึงกัลยา
รัตติกาลนี้มิมีคนเคียงข้าง
แม้นอ้างว้างเคยสร้างไว้ใจหรรษา
ความเปลี่ยนไปวกเวียนสุดพรรณนา
กาลเวลาแปรผันนั้นดุจเงา
อันความรักชายหญิงเหมือนทิ้งขว้าง
ความกระจ่างมืดสลัวกลับมัวเฉา
ดุจเทียนน้อยแสงส่องต้องลมเบา
วอดแวบเว้าเกิดเงาพร่างละลานตา
มองกระทงสองใบไว้เคียงข้าง
อุตส่าห์สร้างวางไว้ตามปรารถนา
เฝ้าเพ่งพิศใบหนึ่งนั้นของกัลยา
เลิศหรูหรากว่าใบสองเพื่อครองใจ
วางเรียงรายนอกชายคาเหนือลานหญ้า
ชโลมน้ำค้างมาชำระให้ใจผ่องใส
อาบแสงจันทร์มวลดาราแทนลาไกล
รักทั้งหลายบรรจุไว้ในกระทง
สิบหกพฤศจิกานี้หนาคราบรรจบ
น้ำสมทบจืดเค็มเต็มความประสงค์
ทั้งน้ำเหนือใต้ทะเลครบบรรจบลง
น้ำจะทรงคงความรักที่พรากหทัย
แสงสว่างพราวพร่างร้างจิตนัก
สุดที่รักเคยเคล้าคลอพะนอไว้
เหลือเพียงจันทร์ไร้ดาราพาห่างไกล
หมู่เมฆไซร้ไกลโพยมโน้มจิตปอง
เงาแมกไม้เหมือนเงาใจสุดไขว่าคว้า
ความปรารถนาเหมือนดาราหาเป็นสอง
รักของข้าเหตุไฉนใยเป็นรอง
สิ่งเฝ้าครองเหมือนกระต่ายหมายดวงจันทร์.
* แก้วประเสริฐ.*
12 พฤศจิกายน 2548 19:41 น.
แก้วประเสริฐ
นกกับแมว
ใคร่จะแต่งเรื่องไว้ในปริศนา
คู่ภรรยารักใคร่หาใครเหมือน
เฝ้าปรนนิบัติแก่กันมิแชเชือน
มิบิดเบือนแก่นรักฝากใจกัน
ยามทุกข์ยากหันหน้าปรึกษาสู้
เข้ากอบกู้อุปสรรคขวากหนามกั้น
มิเคยทะเลาะเบาะแว้งกันและกัน
เฝ้าเสกสรรสร้างคู่สู่ทางใจ
ปลูกเรือนรักอยู่ในท่ามกลางสวน
ซึ่งอบอวลไม้ดอกหอมสดใส
พอยามว่างเกี่ยวคู่สู่ข้างใน
ระวังภัยให้ต้นไม้ได้งามตา
เรือนพักผ่อนอยู่คู่กรงนกแก้ว
ที่เพริศแพร้วงามตาพาหรรษา
ส่งเสียงร้องพ่อจ้าขอข้าวมา
เจ้าของพาอาหารสู่สู้ปรนเปรอ
ฝ่ายภรรยานั้นเดินดูกลุ่มไม้ดอก
กำลังออกเบ่งบานประชันเสนอ
ทั้งมะลิกุหลาบช่อชมพูสวยเลิศเลอ
แก้วพุดซ้อนยอดยาหยีมีมากมาย
ระหว่างทางนางเดินดูหมู่ไม้
สายตาให้เห็นลูกแมวตกน้ำว่าย
ทั้งผอมโซอ่อนแรงคล้ายจะตาย
ตะเกียกตะกายร้องเรียกเพรียกร่ำวอน
ใช้ไม้เขี่ยให้พ้นจากขอบสระ
พร้อมชำระร่างกายแฝงออดอ้อน
เลียฝ่ามือร้องเหมียวเหมียววิงวอน
จนนางใจอ่อนอุ้มเดินไปให้สามี
พลางอ้อนวอนแล้วว่าโปรดข้าเถิด
เมตตาเกิดจะเลี้ยงมันให้สุขี
เป็นเพื่อนข้ายามท่านงานนั้นมี
อีกบ้านนี้มีหนูอยู่ช่วยดูแล
เมื่อมีสุขย่อมมีทุกข์คลุกเคล้าสร้าง
ยิ่งอ้างว้างต้องหรรษาตามกระแส
โลกผันเปลี่ยนหมุนเวียนมิเปลี่ยนแปร
ดีชั่วแผ่เข้าขยายในเวรกรรม
จำเนียรกาลผ่านมาคราวิบาก
แมวลำบากเติบใหญ่มิชอกช้ำ
ตามประสาสัตว์โลกที่กระทำ
สร้างระกำย้อนสู่คู่ภรรยา
ต่างทะเลาะเบาะแว้งแฝงอาฆาต
จนต้องญาติไกล่เกลี่ยเฝ้าเพียรหา
เกิดจากแมวกินนกแก้วดังแก้วตา
สามีฆ่าแมวน้อยพลอยระทม
วิมานน้อยร้อยรักจักพังสิ้น
วิมานดินถิ่นสวนล้วนร้างขม
ทั้งหยากไย่ต้นหญ้าสิ่งตรอมตรม
เฝ้าระบมขมขื่นสะอื้นทรวง
พอสิ้นทุกข์สุขตามมาให้สุขี
กระแสดีที่ทำไว้ได้ลุล่วง
เจอพระท่านโปรดบอกสิ่งทั้งปวง
มันเป็นบ่วงของกรรมที่ทำมา
เหมือนหว่านเมล็ดพืชลงไปในดินนี้
สิ่งที่มีตามมาไม่เปลี่ยนหนา
ย่อมก่อเกิดพืชพันธุ์นั้นขึ้นมา
เหมือนกรรมพาเกิดขึ้นและดับไป
สุขนั้นเกิดกรรมดีที่สร้างสันต์
ทุกข์ก่อนั้นสิ่งชั่วมาสู่ไว้
เหมือนเมล็ดพืชเกิดขึ้นฉันท์ใด
ส่งสู่ไซร้เป็นกรรมที่ตามมา
เกิดจากหลงมัวเมาเฝ้าโทสะ
คิดชำนะส่งทิฐิมิหรรษา
เข้าครอบงำจิตใจมินำพา
กิเลสเข้าหาจิตใจให้หมองมัว
ทั้งสองฟังคำเตือนเลื่อนจากทุกข์
จิตถูกปลุกพ้นโมหะจากใจชั่ว
ยิ้มให้กันกราบพระเพราะลืมตัว
สิ่งดีชั่วประจักษ์แจ้งแห่งจิตใจ
ต่างหันหน้าขออภัยกันและกัน
เริ่มสร้างสรรค์ให้บรรเจิดเกิดผ่องใส
บ้านและสวนคือวิมานรัดรึงหทัย
สิ่งทั้งหลายให้เป็นหนึ่งซึ่งเคยมี
อันเรื่องนี้เขียนไว้เป็นอุทาหรณ์
สร้างเป็นตอนแต่งขึ้นจากจิตนี้
จากบทเค้าหลายตอนแฝงสิ่งดี
โปรดจงมีสติปัญญามาใคร่ครวญ.
* แก้วประเสริฐ.*
11 พฤศจิกายน 2548 10:53 น.
แก้วประเสริฐ
อาดูรกับความรัก
สวรรค์สร้างทางรักมักคดเคี้ยว
นรกเปรี้ยวเปรื่องปราชญ์ฉลาดเหลือ
รักกับทุกข์หมกไหม้มิจุนเจือ
ไฟกับเชื้อมักอยู่สู้รวมกัน
หญิงกับชายเหตุไฉนใยร่วมคิด
กระเทยกระแท้ดูสนิทมิตรร่วมฉันท์
ทอมกับดี๋นี้รักป่าเดียวกัน
สายสัมพันธ์แปลกดีนี้ควรมอง
อาดูรอยู่ครองรักมีให้เห็น
ดูอย่างเช่นเด็กหญิงชายใคร่สนอง
เรียนกับรักมักสู่คู่ริลอง
พอเกิดท้องร้องแรกแหกกระเชอ
การพนันขันต่อยิ่งมองเศร้า
มันปวดร้าวพ่อแม่ลูกทำเซ่อ
รักกันปานจะกลืนฝืนทำเบลอ
เล่นไพ่เจอหน้ายักษ์จักแยกเขี้ยว
ยิ่งการเมืองเปรื่องปราชญ์ฉลาดยิ่ง
ในทุกสิ่งแกล้งโง่ทำหน้าเงี้ยว
ยกมือไหว้ขอคะแนนจนหน้าเซียว
ประเดี๋ยวเดียวตวาดขู่กูยิ่งใหญ่
ความโศกเศร้าเคล้ารักประจักษ์แจ้ง
สิ่งแอบแฝงดุจมืดสว่างอำพรางใส
การกระทำทุกอย่างสร้างอำไพ
บังคับใจเราให้อยู่คู่กับธรรม.
* แก้วประเสริฐ.*
10 พฤศจิกายน 2548 12:09 น.
แก้วประเสริฐ
ฉางน้อย
แลทิวทัศน์ทั่วทุ่งใจฟุ้งซ่าน
มองดูผาลวางอยู่คู่ใต้ถุน
ทั้งเจ้าทุยในคอกงึมงำดุน
เดินเซซุนวุ่นรอบแนวกองฟาง
เหลือบแลจ้องฉางน้อยละห้อยหา
สิ่งนำพาสู่เจ้าข้าวเลือนร้าง
เปิดประตูมองเข้าไปไม่มีวาง
ใจอ้างว้างคิดถึงสาวเจ้างามตา
ร่างกำยำดำกร้านพล่านหัวอก
แสนวิตกสัญญาจะมาหา
ดอกจำปีที่เคยมอบคงโรยลา
ท้องทุ่งนากลับแห้งแล้งน้ำใจ
เบิ่งมองฟ้าฝนจ๋าข้าขอเถิด
เมตตาเกิดฝนพร่างดินจ่างใส
นาแตกแยกแห้งแล้งดูมากมาย
จะหว่านไถ่ผาลกล้าน่าชิงชัง
ลมในทุ่งหมุนคว้างฟางปลิวว่อน
อกสะท้อนแฝงร้อนทั้งหน้าหลัง
เหงื่อไหลรินอาบร่างใจอ้างว้าง
เหมือนมนต์ขลังฟ้าครึ้มฮึ่มทึมมา
แหงนมองฟ้าน้ำตาซึมผ่านสู่ห้วง
เหมือนต้นรวงเหี่ยวแห้งแฝงสิ่งหา
ฝนเจ้าเอ๋ยผ่านไปหายลับตา
โอ้วาสนาสัญญานี้มีเพียงลม
ใกล้แล้วหนอสัญญาจากสาวเจ้า
บัดนี้เล่าข้าวในนามาขื่นขม
เงินที่ไหนไปขออยู่เป็นคู่ชม
เหลือแต่ตรมฝากไว้ในอุรา
ท้องทุ่งนาคงไว้เพียงลมแล้ง
กับรอยแห้งดินแยกแตกเสียหนา
ความหวังเขาฝากไว้สู่กาลเวลา
แสนระอาฟ้าดินเอ๋ยละเลยเรา
หันมามองฉางน้อยข้าวให้ร้าวจิต
หันมาคิดสาวฉางเจ้าเฝ้าแสนเศร้า
หันมามองทุยเอ๋ยเคยคราดเนา
สัญญาเขาคงสลายมลายสูญ
อกเอ๋ยอกลูกชาวนาฟ้าไม่โปรด
มาลงโทษคนอย่างข้าหาเกื้อหนุน
เหมือนต้องสาปทุกอย่างร้างอาดูร
หมดปัญญาทุนไปขอสาวเศร้าอาวรณ์.
*แก้วประเสริฐ.*