15 พฤษภาคม 2549 14:37 น.
แก้วประเสริฐ
เสน่ห์สาวพราวบุบผา
ระรื่นจิตพิศกัลยามาโน้มน้าว
บุบผาพราวราวเทพีศรีสวรรค์
ดอมเด็ดดอกมาลีที่แพรวพรรณ
ช่างเบิกบานซ่านฤทัยในท่าที
มวลผกานานาพันธุ์ประชันกลิ่น
หอมรวยรินกลิ่นเร้าเคล้าฉวี
ขจรฟุ้งจรุงพล่านผ่านฤดี
อิสตรีภูผาตะวันอันเพริศพราย
งามประหนึ่งดาวดวงที่พวงพร่าง
ใสกระจ่างกลางนภาฟ้าโฉมฉาย
บรรจงพิณพริ้มดรรชนีที่กรีดกราย
ย่างเยื้องไปคล้ายผีเสื้อเอื้อบุบผา
สะท้านห้วงล้วงลึกตรึกไหวหวั่น
ดวงตะวันพลันยอแสงแห่งเจิดจ้า
ทั้งสายลมโชยกลิ่นหอมย้อมรจนา
เหล่าสกุณาพาบินว่อนร่อนเริงรมย์
น้อมฤดีที่บรรเจิดเกิดแตกซ่าน
นึกย้อนวันเคยใฝ่จองปองคู่สม
โอ้บัดนี้เหลือเพียงจิตติดอารมณ์
ยากภิรมย์จึงฝากไว้ในจิตนาการ
อกเราเอ๋ยเคยคิดจิตฟุ้งซ่าน
หวนถึงวันร่างกายไม่ประสาน
สิ่งเหลือไว้ใยสรีระมาประจาน
เสียงเล่าขานผู้เฒ่าจนเศร้าใจ
อรุณแจ้งแสงวิจิตรพินิจนี้
สุดกล่าวที่ว่าไว้ไม่สดใส
ล้วนซึมเอาเฝ้าสลดหมดแรงไป
ส่งห้วงหทัยห่อหดหมดสิ้นหวัง
คำนินทากาแลแห่ไว้เศร้า
ช่างปวดร้าวรอนรุดดุจมนต์ขลัง
ทั้งที่กายในชีวิตจิตมีพลัง
มิวายยังถอยหล่นจนต้องตรม
อย่าบอกนะหาธรรมมานำจิต
อีกโคคิดกินหญ้าอ่อนต้อนสะสม
สงสารเถอะเจอะเช่นนี้ที่สร้างปม
หัวใจระทมสุดขมขื่นมิชื่นกมล
หรือถือว่าอัศวบุรุษสุดจะเท่ห์
ใยใช้เล่ห์ลบลายเก่าเฝ้าสับสน
แสร้งเอาใจหลงใหลใคร่ปะปน
คิดเชยชมหวังสล้างสร้างกลไก
สิ่งเหลือไว้เพียงพิมานสวรรค์สร้าง
อกเวิ้งว้างหวังคอยรอยสดใส
ห้วงรำพึงถึงนงลักษณ์ประจักรใจ
เกิดภาพในจินตนาการซ่านสิ่งปอง
หลีกหนีชนหมายปองร้องปากเสีย
ทั้งดีดเขี่ยผู้เฒ่าเพื่อเข้าสนอง
อภิโธ่เอ่ยแม้ภาพตามครรลอง
ยังถูกจ้องหนีไปอยู่สู่ในภวังค์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
11 พฤษภาคม 2549 10:05 น.
แก้วประเสริฐ
สวรรยาพนาสวาสดิ์
แลซาบซึ้งตรึงพฤกษาวนาสวาด
งามภิราชหยาดย้อยร้อยสายสวรรค์
เสมือนพู่ห้อยสร้อยบุบผาลดาวัลย์
หอมชวนฝันสรรค์ระรื่นชื่นฤดี
แนวคาคบประกบไว้ดอกไม้ป่า
บานเจิดจ้าคละเคล้าเฝ้าเกษมศรี
แดงเหลืองขาวพราวนัยนาวนาลี
สุดเฉิดฉวีมีสกุณาร่าเริงลม
แสงสีทองส่องผ่านใบไม้ระยิบ
ยามกระพริบเพริศพรายคล้ายคู่สม
ฝูงผีเสื้อหลากสีเฝ้าเคล้าชวนชม
ซึ้งอารมณ์ข่มฤทัยได้พบนาง
ลักขณาคราพิศติดห้วงฝัน
วงพักตร์นั้นแย้มยิ้มเลิศเฉิดสว่าง
สวยพิสุทธิ์ดุจนารีเทพอำพราง
ใสกระจ่างกลางพฤกษาวนาไพร
ป่วนฤดีแลเห็นเด่นสวาท
อนงค์นาฏย่างเยื้องเมลืองไสว
สำเนียงแว่วแผ่วซ่านพล่านฤทัย
งามวิไลประสานเสียงเคียงบุบผา
ยิ่งคำนึงถึงประหวั่นพรั่นความคิด
ฝังนฤมิตติดลงตรงจิตรเลขา
โอ้ครั้งนี้พานพบประสบสายตา
ล้วนนำมาใฝ่สนองปองเทวี
อกหนออกอกเราเจ้าข้าเอ๋ย
ใยละเลยมิฝากลงตรงโฉมศรี
เหล่าพฤกษาดารดาษประดามี
แสงระวีเคยเจิดจ้าพาหมองมัว
ผีเสื้อเล่าเฝ้ามองแลชะแง้เรียก
สกุณาเพรียกบินหามากันทั่ว
ส่วนตัวเราเฝ้ารำพึงถึงลืมตัว
อกระรัวให้สะท้านหวั่นวิญญาณ์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
9 พฤษภาคม 2549 11:10 น.
แก้วประเสริฐ
โอ้ตัณหา...ยอดรัก
ตัณหา...เอ๋ยเฉลยหน่อยน้อยใจนัก
มอบสิ่งรักหวานรสปรากฏเสียง
รูปสวยสดงดงามยามใกล้เคียง
กลิ่นจำเรียงเพียงฝากลากอารมณ์
แม้นเทพไท้เทวามาเสพสม
ล้วนอภิรมย์ชมเชยยังเคยล่ม
ปลูกพิศวาสวาดหวังยังชั้นพรหม
สร้างตรอมตรมบ่มพิลาสมิคลาดคลา
อภิโธ่...เอ๋ยเลยไปในวรรษา
เดือนดาราหาฤดูกู่เรียกหา
เรียบเรียงร้อยคอยเพ้อวันเวลา
ล้วนตัณหาพาละเมอเผลอใจคอย
ในหมู่สงฆ์องค์เจ้าเฝ้าใช้สอย
ให้เลื่อนลอยในอมิตรติดไม่น้อย
อุบาสกบาสิกานั่งตาลอย
เถรชีกร่อยพลอยรันทดหดหู่ใจ
ปวงชน...เอ๋ยเคยเห็นใบหน้าใส
ลุ่มหลงไปแทรกซ้อนอ้อนตัวไว้
พอติดลึกตรึกครวญล้วนพิไร
วนเวียนให้สลายสติปริเวทนา
โอ้อกเราเฝ้าวิเวกอเนกนักหนา
ลุล่วงมาพาดวงจิตคิดใฝ่หา
ถูกกลิ่นเจ้าเร้าสะบัดมัดนำพา
ช่างเจิดจ้านั่งตาปริบริบองค์ฌาน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 พฤษภาคม 2549 19:47 น.
แก้วประเสริฐ
ดาวเฝ้าเคล้าเคียงเดือน
รักลอยวนพิมลร้างกลางเวหาส
ยุรยาตรเคลื่อนคล้อยคอยเดือนฉาย
สู่เวิ้งว้างกลางหาวพราวเพริศพราย
สิ่งพรรณรายในห้วงล่วงเชยชม
วิมานฝันสรรค์เพ้อละเมอสวรรค์
เฝ้าผูกพันฉันท์ใดใคร่เหมาะสม
หยาดสายทิพย์แห่งนวลชวนภิรมย์
วิจิตรพรหมเพริศพราวราวพิสดาร
งามแสงเดือนเลื่อนลอยคล้อยทุกสิ่ง
หวานเคยอิงพิงแนบแอบสุขสันต์
ประกายพรึกแสงแห่งดาวเฝ้าลนลาน
อุตส่าห์ขานสรรค์สร้างหวังสิ่งเดียว
สิ่งเหลือไว้ใคร่ครวญหวนความหลัง
เพียงพลาดพลั้งครั้งเดียวจึงหนีเลี้ยว
ม่านสัประยุทธ์หยุดรักหักจริงเจียว
มิได้เฉลียวเหนี่ยวรั้งหวังทบทวน
ใยแสงเดือนส่องสกาวพราวพรั่งฟ้า
ม่านจันทราขับดารานภาปั่นป่วน
ไร้คำนึงถึงเจิดจ้าหารัญจวน
สิ้นเชื้อชวนล้วนประหวั่นพรั่นหัวใจ
โอ้สนธยาครานี้พี่หาเจ้า
หวังโลมเล้าเฝ้าเคียงเพียงสดใส
แต่ได้รับกลับพิโรธโกรธหรือไร
โฉมไฉไลไฉนสิ้นถิ่นเคยครอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
3 พฤษภาคม 2549 11:06 น.
แก้วประเสริฐ
เงาในน้ำ
เลื่อมลาวัณย์พรรณรายในสายสินธุ
ทอดไหลรินแทรกซ้อนตอนพร่ำเสียง
ดุจระฆังแว่วกังวานผ่านวังเวียง
โน้มภาพเอียงพลิ้วไสวใฝ่คำนึง
แยบยลย้อนตอนระยิบกระพริบล้อ
สายน้ำหนอพะนอไว้สายใยถึง
ตะลึงมองปองสู่จิตคิดรำพึง
ซาบซึ้งตรึงสู่ห้วงปวงแห่งใจ
ม่านไทรย้อยปล่อยสายไล้เรี่ยน้ำ
มัจฉางามหลากสีที่สดใส
แหวกว่ายเย้าเคล้าคลื่นระรื่นไป
ภาพเรียงรายสาวน้อยคล้อยแรกรุ่น
กรุ่นกลิ่นหอมย้อมหทัยให้ซาบซ่าน
ย้อนถึงวันนั่งเคียงเบี่ยงคลุกกรุ่น
กำซาบซ่านผ่านหอมเคล้าละมุน
คราบพิรุณโปรยปรายในสายน้ำ
วังวนจิตพิศดูเหมือนกู่เพรียก
เงาภาพเรียกพลิ้วลื่นชื่นใจล้ำ
หรือมายาหลอนหลอกบอกสิ่งจำ
สิ่งน้อมนำย้ำภายในดุจคล้ายพล่าน
ระวีส่องต้องระยิบกระพริบหวัง
โหมพลังรักแรกแทรกคำหวาน
พลิกระรื่นตื่นภวังค์ครั้งเบิกบาน
อกสะท้านไหวหวั่นซ่านอารมณ์
สายลมแผ่วแว่วสกุณามาร่ำร้อง
น้ำละอองพลิ้วไสวประกายโฉม
รุ้งลาวัณย์พลันบรรเจิดเฉิดเล้าโลม
มัจฉาโน้มลอยพ่นปนละออง
เงาในน้ำสั่นไปดุจคล้ายจิต
พลิ้วสิ่งคิดติดอารมณ์บ่มสนอง
ถึงกานดาอย่าลวงดวงใจปอง
ขอเรียกร้องแต่มิกล้าฟ้าเจ้าเอย.
*** แก้วประเสริฐ. ***