5 มิถุนายน 2549 11:17 น.
แก้วประเสริฐ
สายใยสายสวาท
กระแสน้ำไหลเชี่ยวยามเลี้ยวกลับ
ปั่นป่วนปรับซับซ้อนยอกย้อนเหลือ
เป็นวังวนหมุนเกลียวเหนี่ยวสิ่งเจือ
วกสิ่งเกื้อเหลือเงาเคล้าอาดูร
สูรย์แสงส่องผ่องวิไลยังได้เศร้า
จันทร์งามเคล้าทรงกลดสลดศูนย์
ดาวกระพริบพร่างพรายอาลัยกูน
เมฆาพูนสูญดุลยภาพฉาบไว้
สามวันพรากจากนารีมีชายอื่น
ความสดชื่นคืนซับกลับหวั่นไหว
หัวอกร้าวเศร้าหมองปองหทัย
เหตุไฉนใยจึงเศร้าเฝ้าอกตรม
สิ่งหมุนเวียนเปลี่ยนแปลงแฝงรันทด
ด่างเป็นกรดกัดกร่อนเล็มซ่อนขม
สวาทหลงดงสายใยมอดไหม้รม
เจาะสู่ปมแห่งรักแล้วผลักคลาย
ลมหวานผ่านวจีนี้สุดที่กล่าว
อ่อนไหวราวพระพายกระจายสาย
งามหอมซึ้งตรึงไว้ให้พรรณราย
ซอกซอนไปหทัยเคล้าเฝ้าอาจินต์
เป็นปมบ่วงล้วงดวงใจแล้วได้ผูก
รวมกระจุกหูกด้ายคล้ายสายสิญจน์
กว่าเขย่าเฝ้ากระจายให้เป็นซิ่น
เมื่อยลยินผินมองสุดหมองใจ
ผ้าไหมปอมองไปคล้ายใยสวาท
สิ่งพันพาดตัดสวาทที่วาดสาย
ความสูงต่ำย้ำเยือนสุดเฉือนไป
ย่อมสลายกลายเป็นลมยากชมคืน
สายเอยสายใยโอ้สายสวาท
ช่างพิลาปพร่ำอาลัยมิได้ชื่น
คืนกลางวันนั้นพิไลให้ได้มึน
เสียงสะอื้นแจ้งไว้ในใจเรา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
31 พฤษภาคม 2549 18:11 น.
แก้วประเสริฐ
น้ำเอ๋ยน้ำใจ
ใยถึงเป็นเช่นนี้นารีเอ๋ย
สิ่งที่เคยผูกพันก่อนกาลนั้น
รสอาบอิ่มลิ้มซ่านผ่านชีวัน
ไม่เหลือสัมพันธ์ส่งให้โรยลา
สื่อสวาทเฝ้าครองต้องโหยหวน
แสนรัญจวนป่วนหทัยส่งใจหา
ลองตรองดูสาเหตุด้วยเจตนา
สิ่งผ่านมาใครก่อล่อลวงกัน
ความหมองหม่นส่งไว้โอ้ใครเล่า
ที่เพน้าพะนอฤทัยให้เหหัน
แม้แต่เคยผูกสวาทวิลาวัลย์
ต้องมีอันเฝ้าระทมข่มอาลัย
วันเวลาเปลี่ยนไปเสียแล้วหรือ
สิ่งยึดถือคำมั่นพลันแตกสลาย
ให้ชอกช้ำน้ำจิตมากลับกลาย
ห้วงผ่านไปไม่คิดติดใจจำ
เสียแรงรักภักดีมิมีกำหนด
ต้องถูกปลดจากบ่วงลวงจนช้ำ
สมคุณค่าหรือไรที่ได้ทำ
เพียงน้ำคำของเขาเฝ้าจากจร
โธ่น้ำเอ๋ยน้ำใจให้ฟุ้งซ่าน
สุดทรมานหัวใจคล้ายถูกศร
บั่นในรักหักสวาทต้องขาดตอน
สุดร้าวรอนตอนพรากฝากน้ำตา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
29 พฤษภาคม 2549 10:46 น.
แก้วประเสริฐ
เงินหรือคือวิมาน
ยามยากแค้นเงินตราหาสิ่งรัก
ดุจเกวียนหักสิ้นควายมาไถลาก
คนใกล้ชิดบอกรักยังหนีจาก
เปรียบไม้สากครกแตกแยกทางเดิน
ครั้นมีทรัพย์นับอนันต์พลันรุมล้อม
ล้วนตะล่อมคำหวานซ่านดุจเหิร
หัวใจพองปองชิดจิตเพลิดเพลิน
พอดำเนินหมดราคาคล้ายซาตาน
เหล่าเนื้ออ่อนเร่ร่อนสวาทหา
ทอดสายตาอ้อนออดซ่อนสิ่งซ่าน
กว้านหาเหยื่อเพื่อลิ้มชิมตระการ
วกเวียนผ่านโบยบินหากินไกล
กลิ่นแมงดาหอมตลบอบอวลฝัน
บุปผานั้นพลันหลงตรงผ่องใส
ทั้งท่วงท่าพาทีที่เกรียงไกร
ล่วงเลยไปไร้ทรัพย์นับผีทะเล
ด้วยภาษาท่าทางวางกำหนด
บุคลิกจรดวาจาพาสิ่งเท่
หอมหวนล้วนชวนใจดูไร้เล่ห์
สร้างเสน่ห์วางห่วงลวงใจรัก
ยุคโลกาพาสนุกคลุกเคล้าหา
นำวาสนาพาเหิรเกินภาพลักษณ์
แม้นขาดสิ้นเงินตราหาประจักษ์
ดุจประตักฟาดกระหน่ำช้ำหัวใจ
ภาษารักฝากไว้ให้สิ้นแล้ว
สิ่งเพริศแพร้วมีไว้ไม่สดใส
หมดทรัพย์นับวันสิ้นสิ่งวิไล
เปรียบดังคล้ายละอองหมองราคิน
นี่แหละหนอสิ่งนี้ที่ว่าไว้
ไร้น้ำใจไกลรักแทบหมดสิ้น
เทพเจ้าเงินตรามาพายลยิน
สิ่งถวิลภินท์พินาศปราศเงินตรา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
19 พฤษภาคม 2549 13:28 น.
แก้วประเสริฐ
*นางฟ้าซาตาน*
งามสวยซึ้งตรึงจริตวิจิตรตระการ
รสซาบซ่านผ่านคำนึงพึงแลเห็น
อรชรหยาดหยดพราวสาวเนื้อเย็น
ยามซ่อนเร้นเรือนร่างกลางสายชล
ปานหนึ่งเทพธิดามาแหวกว่าย
มัจฉาอายเลี่ยงพบหลบสับสน
พลิ้วระรื่นคลื่นน้อยพลอยกังวล
นฤมลสวยอลังการผ่านสายตา
สำเนียงแว่วแจ๋วหวานปานเสียงสังข์
ดุจระฆังใบระกาฟ้าสรรค์หา
ภูษาน้อยก้อยเกี่ยวประทุมมา
ดวงลัดดาห่อร้อยสร้อยวับแวม
ระริกระรี้พลีว่ายกลางสายน้ำ
เสียงตอกย้ำหนุ่มใหญ่ใบหน้าแย้ม
สำเนียงออกปนไทยคล้ายลุงแซม
หล่อนก็แพลมของแถมแฉล้มกราย
อนิจจานารีศรีนางฟ้า
ช่างเจิดจ้ากล้าเกินเพลินเหลือหลาย
ไม่คำนึงถึงข้างเคียงอีกมากมาย
เฝ้าเฉิดฉายไร้สิ้นกลิ่นประเพณี
โอ้วิวัฒน์พัฒนาโลกาเข้า
โน้มน้าวเอาเฝ้าคิดปลิดโฉมศรี
แลกเงินตรามาสู่ไว้ในชีวี
สร้างอัปรีย์ฝากให้ไม่สนใจ
สุดงามจริงพริ้งเพราเงาเรือนร่าง
เคล้าอำพรางรอยด่างกลางชลใส
ความอำไพในจิตช่างห่างไกล
ผิดร่างไซร้งามจรดหมดราคิน
กายกริยาวาจาพาแตกต่าง
อล่างฉ่างนอกในสลายสิ้น
รูปนางฟ้าหาวิไลได้ยลยิน
แฝงโรยรินกลิ่นซาตานผ่านอารมณ์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
17 พฤษภาคม 2549 13:40 น.
แก้วประเสริฐ
พงไพรไร้มายา
น้ำตกพลิ้วปลิวละอองผ่องนงนุช
แสนพิสุทธิ์ดุจฟากฟ้านภาสวรรค์
ธารน้ำไหลอ้อยอิ่งอิงตระการ
แหวกหมอกม่านมารยาล้าอารมณ์
หมู่นกไพรบินไปในเวหาส
งามพิลาสอิสรภาพปราศขื่นขม
เหล่าผีเสื้อหมู่ภมรว่อนเริงรมย์
ทุกข์ตรอมตรมบ่มไว้ไร้สิ้นเชิง
ดอกพุดตานบานแย้มแซมสีแสง
ขาวออกแดงแย้งตะวันอันว่างเวิ้ง
เที่ยวเสาะหาจันทราพาแดงเพลิง
ที่หลงระเริงกับหมู่ดาวพราวงามตา
ระรื่นสุขคลุกเคล้าช่างเฝ้าฉงน
สิ่งปะปนวนเวียนเพียรสร้างหา
พฤกษาไพรในสัตว์ชอบกลนา
วิสุทธิ์พาอเนกชาติปราศสิ่งลวง
ลิงค่างชะนีเรียกร้องก้องหาผัว
มิผิดตัวทั่วไปคล้ายแสนหวง
ผิดมนุษย์ฉุดมายาหาทั้งปวง
เฝ้าทักท้วงชุลมุนฉุนวุ่นวาย
ดูเถาวัลย์พันเกี่ยวเหนี่ยวหาต้น
แล้ววกวนด้นไปหาไม้หลาย
เพื่อเกาะเกี่ยวฝากตนคนหลายใจ
พอสุดท้ายไร้ที่พึ่งจึงซบเซา
ธรรมชาติป่าไพรทั้งในน้ำ
แสนชื่นฉ่ำล้ำจริงละสิ่งเศร้า
สมานสมัครรักผูกใส่ไว้ทำเนา
ทุกค่ำเช้าเฝ้าถนอมย้อมสิ่งเพลิน
สายน้ำไหลไล้หินผาพาร้องก้อง
ใบไม้คล้องต้องสายลมชมนกเหิร
บุปผาชาติอวลกลิ่นถิ่นร้องเชิญ
แว่วสรรเสริญเจริญตาฟ้าเบิกบาน
หากหญิงชายนี้หนารู้หน้าที่
ดั่งวนาลีผูกพันฉันท์ประสาน
มิฝักใฝ่ในตัณหามาประจาน
แยกชนชั้นลงไว้ในห้วงกมล
รักพอเพียงเยี่ยงนกกาวนาสวรรค์
เฝ้าเสกสรรจำเนียรเพียรฝึกฝน
อบรมจิตคิดให้แตกแยกจากตน
ไม่สับสนหวังค้นหากว่าสิ่งมี.
*** แก้วประเสริฐ. ***