28 มิถุนายน 2549 21:59 น.
แก้วประเสริฐ
ยุบหนอพองหนอ
๏ ฤาฦาลือเรื่องซื้อ..............คนจร
ลงส่งเกิดร้าวรอน........................ห่อนสร้าง
จุดหมายมุ่งตัดตอน......................คู่แข่ง ม้วยนา
กรรมก่อสนองมล้าง......................วอดสิ้นเผ่าพงศ์ฯ
สติตังค์พินาศคว้าง..............วางใจ
ฝันสว่างกลางกลไก........................กู่ก้อง
เดือนลับดับสิ่งไคล้.........................หวนสู่ ตนแฮ
ผันสิ่งแปรร่ำร้อง............................หมู่พ้องโหยหวนฯ
ยวนยวนชวนย่าเล้................แยบยล
หยิบหยิกยักย้ายก้น.........................บ่ฮู้
ยังยับยู่ยี่ย่น.....................................เหยียดแย่ จริงเฮย
หกหนึ่งวงสามรู้................................สูญสิ้นจินต์สลายฯ
ยังยังมิพังสิ้น..........................สหายเอย
ยุบหนอพองหนอเคย........................เลิศล้ำ
นำส่งสู่มิเฉลย..................................ใยพราก จากแฮ
หมกมุ่นเกริกไกรค้ำ........................นำฟ้าพาสนาน.๚๛
*** แก้วประเสริฐ. ***
27 มิถุนายน 2549 16:59 น.
แก้วประเสริฐ
ภูมิปัญญาพาพ้น
ดูกรภราดรสัทธานุสารี
ผู้ที่มีปัญญาพาแตกฉาน
ก้าวลงสู่สัมมัตตนิยามญาน
สัปปุริสภูมิสถานอันเกรียงไกร
ทั้งล่วงรู้ภูมิปุถุชนค้นหาเหตุ
กำหนดเขตกรอบกั้นอันผิดวิสัย
เพื่อแจ้งโสดาปัตติผลจนวิไล
ปัญโญไซร้ให้ฝึกตรึกทุกกาล
ด้วยการเพ่งปัญญาหาประมาณ
ทั้งตำนานนั้นสัปบุรุษที่กล่าวขาน
เป็นธัมมานุสารีที่เบิกบาน
จนชำนาญพลันพ้นสี่อบายภูมิ
อะไรเล่าสาเหตุปริเฉทสร้าง
พิจารณาวางจักษุคุกรุ่นกลุ้ม
ทั้งหูจมูกลิ้นกายภายในรุม
เข้าสุมทุมรุมทุกข์ปลุกใจเหลิง
มีรูปธรรมนามธรรมนำประดิษฐ์
สิ่งถูกผิดติดใจจนได้เถลิง
โผฏฐัพพรูปเสียงกลิ่นรสระเริง
ธรรมารมณ์กระเจิงเพลิงเผาเฝ้าตรอมตรม
สติตั้งข้างสัมปชัญญะหาสาเหตุ
นรกเขตด้วยกรรมอย่านำสะสม
หลีกพ้นห่างวางไกลจะไม่ระทม
แล้วสร้างปมด้วยธรรมนำปัญญา
นี่แหละหนอกงเกวียนเวียนธรรมะ
ใช้ชำระจิตไว้จนได้หรรษา
เป็นหนทางวางไว้ให้ลือชา
ก้าวเดินหน้าผ่ามรรคจักนิพาน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
27 มิถุนายน 2549 00:43 น.
แก้วประเสริฐ
พรากยังจำ
งามจริงเจ้าเฝ้าคิดพิศสมร
ช่างอรชรอ่อนไหวคล้ายปุยนุ่น
พะเยิบพะยาบวาบหวิวพลิ้วละมุน
แฝงไออุ่นกรุ่นหทัยในสกนธ์
สวยซาบซ่านพลันวุ่นหมกมุ่นจิต
สิ่งน้อยนิดปิดป้องต้องสับสน
ลมโชยกลิ่นหอมเอื้อจนเหลือทน
โอ้ช่างล้นหนุนยวงช่วงไหวตาม
งามจริงหนอล้อภุมรินชินเกสร
ซ่อนออดอ้อนผ่อนเชิงเพลิงวาบวาม
เผยสิ่งปองต้องหวั่นพรั่นนงราม
เย้ายวนหวามหยามหทัยให้ใฝ่คิด
วิกฤติพ้องลองใจให้วาบหวิว
ก้านกิ่งหลิวปลิวพล่านสะท้านจิต
พลิ้วไหวโปรยโหยหาทีละนิด
เหลือเยื้อติดปลายใบไหลโรยริน
พริ้งเพริศพิศจิตยวบรวบไหวหวั่น
สิ่งกำนัลนั้นใหญ่ไปเสียสิ้น
จินต์แทบขาดจากห้วงล้วงชีวิน
ครั้นได้ยินเสมือนกลองร้องลั่นรบ
วกวนเวียนเพียรสร้างระหว่างขอ
เพียงแค่รอพอเพียงเลี่ยงบรรจบ
วูบวาบหวั่นสั่นฤทัยหากได้พบ
วิกาลตลบกลบสิ่งยากยิ่งจำ
มิจากไปใจขาดเสียแล้วเอ๋ย
สุดเฉลยเผยสิ่งให้คงได้ช้ำ
วีรกรรมซ้ำเติมหากเสริมทำ
ต้องระกำมิพรากจากดวงใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
25 มิถุนายน 2549 11:32 น.
แก้วประเสริฐ
ฤกษ์เสน่หาอาลัย
เหลือบแลสาวคราวรุ่นหวนครุ่นคิด
ย้อนสู่จิตยามหนุ่มชุ่มใจเหลือ
ดำแดงขาวพราวเพริศเลิศสิ่งเจือ
ล้วนหนุนเกื้อเอื้อเสน่หามาปองกาย
โลมไล้เรียงเคียงสมรป้อนสิ่งหวาน
แฝงซาบซ่านผ่านเอื้อนเอ่ยเฉลยไว้
ใฝ่ในรสปลดสิ่งเฝ้าเคล้าลวดลาย
แหวกน้ำใสว่ายดำผุดดุจปลาคะนอง
ฟองแตกผาลผ่านสิ่งปองสนองนัก
เสริมอารมณ์ปลักยักย้ายไม่เป็นสอง
เล่นซ่อนหาพาวนล้นสิ่งปอง
เสียงร้องก้องผองพฤกษาพาสราญ
ชงโคแดงแฝงชมพูดูงามนัก
ยวนประจักษ์ม่วงแดงแฝงสิ่งซ่าน
กลีบหอมกรุ่นละมุนใจในตระการ
ยากผ่านวันสรรค์ฉวีที่ผ่านมา
รสฝากลงตรงหทัยให้ปั่นป่วน
ล้วนแทรกชวนหวนครั้งยังหรรษา
เอิบอิ่มรสหมดเสียสิ้นจินตนา
กาลเวลาซ้ำเติมมิเหิมใจ
หมดเสียสิ้นปิ่นเพชรเกล็ดมณีแก้ว
สิ่งเพริศแพร้วแนวปลักต้องผลักไส
ครั้นแลพบจบสิ้นแล้วแป้วหทัย
เกิดชาติใหม่คงใคร่ไล้โลมเรียน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
23 มิถุนายน 2549 11:24 น.
แก้วประเสริฐ
คำมั่นสัญญา
ยามสายัณห์ตะวันเย็นเด่นกระจ่าง
ท้องฟ้ากว้างลมพัดโชยใบไม้ไหว
แพรชมพูพลิ้วสะบัดจัดแกว่งไกว
ห้วงภายในสุดรำลึกนึกถึงนาง
ก่อนเคยเคล้าเย้าหยอกล้อหลอกเล่น
แสงยามเย็น ณ ริมฝั่งครั้งขนาง
งามเพริศพริ้งกริ่งเกรงแทบวายปาง
สุดจะสร้างสว่างไว้สู่ใจเรา
ระยิบระยับจับศาลม่านไทรย้อย
ผ้าผืนน้อยห้อยสู่ไว้ให้ซึมเศร้า
แฝงผนึกตรึกถึงวันนั้นดั่งเงา
ที่คอยเฝ้าปลุกคำมั่นครั้งสัญญา
วิกฤติกาลผ่านมาพาโศกศัลย์
ฉกาจฉกรรจ์พันผูกถูกเสาะหา
สิ้นความหลังครั้งสร้างไว้ให้โรยลา
ลิดรอนพาคราพบจบสิ้นกัน
แกะผ้าน้อยห้อยศาลพลันสะอื้น
สู่พลิกฟื้นคืนสัญญามาเสกสรร
บรรจงจูบลูบไล้ใจรำพัน
ถึงก่อนกาลฝากไว้ในคำรัก
ต่อนี้ไปจะได้ใกล้เคียงคู่
ยอดพธูชู้ชื่นคืนประจักษ์
ใต้เงาจันทร์ไทรย้อยคอยพิทักษ์
สมานสมัครมิห่างเจ้าเฝ้าคลอเคียง
สะบัดสไบใส่คาคบบรรจบคล้อง
พร้อมเสียงร้องก้องกังวานนั้นสุดเสียง
เพรียกหาเจ้าน้องนางพลางเผดียง
อยู่ข้างเคียงศาลน้อยร้อยดวงใจ
ใต้ร่มไทรในคืนเพ็ญเด่นสว่าง
เงาสองร่างเคล้าคู่ดูผ่องใส
แว่วกระซิกระริกระรี้พี้พิไล
แวดวงไซร้เป็นตำนานคนผ่านจร.
*** แก้วประเสริฐ. ***