11 กันยายน 2549 14:14 น.
แก้วประเสริฐ
สร้อยฤดี
หญิงว่างามยามหวานปานมธุรส
ยิ่งช้อยชดหยดย้อยดุจพลอยไสว
ระรื่นถ้อยร้อยวจีเปรมปรีดิ์ใจ
พรั่นฤทัยพานพบประสบเจอ
หอมระรินกลิ่นซ่านกระสันผนึก
แฝงสิ่งตรึกนึกไว้หวั่นใจเสมอ
วาบหวามซึ้งพึงพิศจนจิตละเมอ
คิดเคียงเธอเพ้อกรุ่นยากจุนเจือ
เขาว่าหญิงยิงเรือเหนือกว่าสิงห์
ร้ายเสียจริงกว่าสิงห์กระทิงเสือ
ยามโกรธสาดน้ำกรดแล้วรดเกลือ
ยากจะเหลือคืนได้แทบวายปราณ
พอยิ่งพิศคิดรำพึงคนึงวิจิตร
หวั่นไหวจิตวิปริตจนคิดหาญ
ล้วนหลงรูปประทินหอมสู่ย้อมกาล
นั่งเคียงกันหวั่นไหวเข้าในฤดี
โอ้เทพธิดาวรวิหารอันศักดิ์สิทธิ์
ใยประดิษฐ์จิตโน้มถึงโฉมศรี
เปรียบฟ้าดินสิ้นถวิลแม้นยินดี
เหลือวลีปรีดิ์เปรมสุดเอมฤทัย
คงเหลือไว้ในภิกษุณีที่เลอเลิศ
แสนประเสริฐเฉิดฉวีระวีใส
ทองทาบแสงแฝงลงที่ตรงใจ
สิ่งเหลือไว้ให้รำพึงคะนึงครวญ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 กันยายน 2549 11:42 น.
แก้วประเสริฐ
สันถวไมตรี
ทอดสายตามาพบประสบพักตร์
ตระการนักเฉิดฉวีระวีส่อง
พิลาสแสงแห่งโพยมเข้าโน้มรอง
งามผุดผ่องท้องฟ้ายามราตรี
คะนึงนุชวิลาสช่างขลาดเขลา
จิตโน้มน้าวอารมณ์ประสมศรี
ศิโรราบหัวใจสุดใคร่ยินดี
ทั้งเปรมปรีดิ์ทาบลงที่ตรงหทัย
ยิ้มพิสุทธิ์หวานซึ้งเข้าตรึงฉุด
เปรียบประดุจวิรุฬห์แนบหมุนไว้
พันพิลาสพาดลงที่ตรงใจ
สร้างภายในปั่นป่วนหวนรำพึง
สัตยาบันนั้นหวังแต่ครั้งก่อน
ถูกลิดรอนอ่อนไปหวั่นไหวซึ้ง
เกิดก่อสิ่งแปลกใหม่สุดให้คำนึง
ยิ่งตลึงสันถวไมตรีเธอมีมา
กุหลาบขาวพราวเสน่ห์สุดเก๋ไก๋
บรรจงใส่กระเป๋าเคล้านาสา
อบอวลกลิ่นรินรสยิ่งพจนา
ตริตรึงตราหทัยยากใฝ่ปอง
เพียงคิดจิตมิกล้ามาเรียกร้อง
สิ่งเรืองรองหักไว้มิได้สนอง
แม้นเวียนวนอาลัยมิได้ลอง
หวนคิดตรองเพียงหนึ่งที่ซึ้งใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
4 กันยายน 2549 13:53 น.
แก้วประเสริฐ
รักเอ๋ยน้ำใจ
พอได้หนึ่งพึงคิดประดิษฐ์สอง
เพื่อสนองอารมณ์สะสมไว้
ลืมสิ่งเก่าเคล้าใหม่จนได้ใจ
พอสลายหายวับแล้วกลับเดิม
ช่างเวียนวนปนแปรกระแสจิต
หาวิจิตรเสริมสู่เป็นคู่เสริม
ดังห่วงโซ่พลิกหงายแล้วใส่เติม
สุดเหิมเกริมมิสิ้นอจินไตย
ดุจความรักพักไว้แล้วได้เกิด
พอพริ้งเพริศบรรเจิดแล้วเชิดหาย
หมุนสลับหันเวียนสุดเปลี่ยนไป
บ้างดีร้ายหมกมุ่นเข้าหมุนรอย
ยากจริงแท้แน่ใจในสิ่งนี้
ที่จะหนีพ้นหายแล้วได้ถอย
มักจะหลงพัวพันจนฝันคอย
น้ำตาย้อยเมื่อไหร่ถึงได้คิด
อันมีดคมบั่นเนื้อยอมเถือหนัง
จนเลือดหลั่งมิยอมถนอมจิต
ยังใฝ่ปองสนองไว้สู่ในนฤมิต
ยากจะปลิดความรักแล้วหักลา
นี่แหละหนอหทัยน้ำใจเอ๋ย
ทุกสิ่งเฉลยฝากลงมิปลงหนา
จึงก่อเกิดวิปโยคหาโชคชะตา
แล้วครวญคร่ำร่ำหาในอารมณ์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
2 กันยายน 2549 17:20 น.
แก้วประเสริฐ
วนวังเชี่ยว
ดูเกลียวคลื่นไหลวนจากชลเชี่ยว
แล้ววกเลี้ยวหมุนกลับจนสับสน
ก่อกำเนิดเป็นวังคล้ายดั่งคน
ที่เวียนวนวกสลับเหมือนกับนที
บ้างแยกแตกสาขาแล้วพาล่อง
วกเวียนท้องธาราเหมือนมาหนี
สงบนิ่งราบเรียบหากเทียบฤดี
เหมือนชีวีใต้น้ำต้องช้ำใจ
ผิวราบเรียบอิงไว้ดุจคล้ายมนุษย์
สร้างพิสุทธิ์ภายนอกดูออกใส
ทั้งอ่อนหวานซ่านรสจรดไฉไล
เพียงฉาบไว้คล้ายแฝงในแอ่งน้ำ
กระแสใจไหลวนระคนก้อง
พร่ำเรียกร้องผองชนดั่งชลล้ำ
เปี่ยมเสน่ห์เล่ห์ร้ายที่ได้ทำ
ชีวิตนำวกใส่เพื่อหมายปอง
วิกฤตเปลี่ยนเวียนวกยังหมกมุ่น
ชุลมุนครุ่นผนึกเสียงกึกก้อง
ไหลวนจนเชี่ยวดุจเกลียวคะนอง
แม้นเรืองรองเพียงวับแล้วลับตา
ปรัชญานี้ผลิตซึ้งกึ่งธรรมชาติ
มองผิวผาดงามงดจรดหรรษา
ถ้าไตร่ตรองลองคิดพึงพิจารณา
สิ่งไขว่คว้ายากแท้ถึงแม้เงา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
31 สิงหาคม 2549 12:42 น.
แก้วประเสริฐ
วิจิตรทัศนา
วงจรมนุษย์สุดแปลกมิแยกไว้
จะเห็นได้เสพย์สรรค์สู่หรรษา
หันเหไว้แต่เรื่องประเทืองกามา
มุ่งมั่นหาใฝ่สนองเพื่อครองฤดี
คลุกเคล้าปนวนจิตติดในสุข
พอเห็นทุกข์ปลุกปั่นจะพลันหนี
สร้างสิ่งหลงในรสปรากฏชีวี
หาแสงสีฉวีวิไลมาใฝ่ครอง
ติดซึ้งตรึงอารมณ์บ่มลงจิต
ผันชีวิตเพียงภาพที่ฉาบสนอง
มุ่งไขว่คว้าสิ่งงามเมื่อยามปอง
มิหันมองรูปกายอยู่ภายใน
จึงเสนอสิ่งนี้ไว้มาให้เห็น
ดุจเช่นอุทาหรณ์ตอนสดใส
สิ่งภายนอกอร่ามงามวิไล
สิ้นสลายดูภายในให้เต็มตา
ความวิจิตรพิสดารนั้นถูกสร้าง
ภายในดั่งรูปกายที่ใฝ่หา
ยามไร้รสหมดสวยในกายา
ยังไขว่คว้ามาหรือจะถือเอา
นี่คือจริงสิ่งแท้มิแปรเปลี่ยน
จะวนเวียนภพชาติหากขลาดเขลา
ยังหลงติดรูปกายไม่บรรเทา
ก็จะเข้าวัฏฏะสารไม่ผันแปร.
*** แก้วประเสริฐ. ***