27 พฤศจิกายน 2549 12:14 น.
แก้วประเสริฐ
โชคชะตาชีวิต
โลกกว้างนี้พลีรักช่างหักสิ้น
ดุจนกบินกลางหาวแล้วเฝ้าขัน
เสียงกึกก้องร้องไปช่างหายพลัน
โลกความฝันผันชีวิตเข้าติดดิน
ดั่งนกน้อยร้อยใจเข้าในฟ้า
วันเวลาพาชีวิตแล้วปลีกสิ้น
เหลือความหวังทิ้งไว้สู่ใยจินต์
กระแสสินธุไหลนองสู่ท้องธารา
วันนี้เปลี่ยนเวียนผันกระชั้นชิด
โลกมันบิดบูดเบี้ยวเข้าเลี้ยวหา
รักมอบไว้ใยสล้างมิจ่างตา
เหลือชะตามอบไว้มิได้เยือน
ด้วยรักชอบมอบรักจึงจักเขียน
เฝ้าวนเวียนร้อนใจโอ้ใครเหมือน
มันร้อนรุ่มนุ่มเนื้อดั่งเกลือเยือน
ช่างซ่อนเงื่อนเป็นปมต้องข่มเอา
แสงวูบวาบทาบหวิวยามพลิ้วไหว
มอดไหม้ในฤทัยสุดให้เหงา
ดุจแสงเทียนเวียนวับระยับเงา
ซุกซ่อนเนาเฝ้าฝันสู่รัญจวน
มองรักรักมองต้องเมินหน้า
โชคชะตาชะตาโชคโศกกำสรวล
พลีชีวิตชีวิตพลีหนีโศกครวญ
สะท้านห้วงห้วงสะท้านหวั่นรักลวง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
21 พฤศจิกายน 2549 17:28 น.
แก้วประเสริฐ
ระรินจางนางหวน
ดั่งฟากฟ้ามาดินเชยสิ้นรส
ระเริงจรดขอบนภาเพื่อหาไศล
ฉวัดเฉวียนเวียนสล้างกระจ่างไป
โบยบินไกลในสวาทวาดเห่อเหิม
ระโรยกลิ่นโชยพฤกษ์ผนึกชาติ
แวดวงวาดมาลีแข่งสีเสริม
เติมสีสันพรรณรายให้เหิมเกริม
แย้มหยาดเยิ้มเติมรสแล้วปลดอาภรณ์
ดังกากีศรีสวาทยามพาดฟ้า
พลิกผันพาเปลี่ยนจิตเหมือนติดเกสร
ชโลมดอกยอกย้อนแล้วซ้อนทำนอง
เฝ้าเคียงครองยอดชู้เข้าสู่รส
วาบหวามหวิวพลิ้วลมสู่ปมกว้าง
ผลิตเรือนร่างกลางคลื่นระรื่นหมด
ทิ้งสิ่งหมายคลายไว้จนให้รันทด
น้ำตาหยดไหลย้อยเมื่อคอยนาง
โอ้ยอดชีวันขวัญชีวานารีเอ๋ย
กลิ่นที่เคยเย้ายวนเมื่อจวนสาง
ประทินหอมย้อมรสใยหมดจาง
ฟ้าสล้างสร้างไว้ใยละเลย
เหลือแต่รูปกลิ่นจางดูร้างสิ้น
กลับโผบินกลับมาเจ้าข้าเอ๋ย
หอมรำเพยด่วนหายคล้ายน้ำเคย
อนงค์เอยเผยเศร้าจะเคล้าคืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
17 พฤศจิกายน 2549 13:49 น.
แก้วประเสริฐ
กลิ่นแก้มนาง
ระรินโรยโชยกลิ่นนลินชาติ
หน่อเนื้อนาถอัมรินสิ้นสงสัย
พิสุทธิ์สวาทหยาดเยิ้มเข้าเสริมหทัย
พระภูวนัยให้เคลิ้มจะเพิ่มรส
งามพักตร์แท้แม่เจ้า จริงเอย
หอมกลิ่นรินชวนเชย ยิ่งแท้
ผุดผาดดั่งจันทร์เขนย เคียงคู่ แลนา
ทรวงพี่แทบขาดแล้ แต่เฝ้าเคียงครอง
ดวงฤทัยวาบหวิวจนพลิ้วสั่น
เพ้อรำพันมั่นหมายหวังใคร่จรด
สองแก้มปลั่งฝังเนื้อยากเหลือลด
นาสิกกดสองแก้มเข้าแซมโลม
กลิ่นชิดใกล้แนบเนื้อ อนงค์
สองปรางค์ประทุมคง สั่นพลิ้ว
ยากจริงยิ่งใฝ่ปลง เคล้าสู่ แม่เฮย
ลมสวาทพาดระลิ่ว กิ่วฟ้าแมนสรวง
สองเราเฝ้าเคล้าคู่บรรจถรณ์
พลิกบทตอนย้อนแย้มดุจแก้มโสม
ผ่องพิลาสวาดชีวันสู่ขวัญโพยม
บทภิรมย์ข่มเทพไท้จนไกลตา
พิรุณพาดสายฟ้า ศึกนอง
เกลือกหมายสิ่งใฝ่ปอง สู่หล้า
แก้มแฝงแห่งผุดผ่อง โชยกลิ่น นางเอย
สองร่างพลางเจิดจ้า เบิ่งฟ้าพาสรวล.
*** แก้วประเสริฐ. **
9 พฤศจิกายน 2549 10:02 น.
แก้วประเสริฐ
รักคลายฤทัยหนาว
ท้องฟ้าเด่นเพ็ญสว่างสู่กลางหาว
รัชนีพราวเคล้าแสงนวลแฝงใส
เย็นยะเยือกเกลือกสลดเข้ารดใจ
เมื่ออรทัยไกลร้างยามห่างตา
ลมพัดโชยโรยกลิ่นประทินหอม
เข้ารดย้อมดวงฤทัยสู่ในนาสา
เคยชวนพร่ำน้ำเสียงแล้วเอียงมา
ประทับหน้าพรมลูบเข้าจูบไล้
สิ่งเย็นซ่านผ่านทรวงเหมือนล้วงจิต
ซาบซึ้งปลิดปลดหายดูคล้ายสลาย
เหลือว้าเหว่เซซบพบสยบกาย
ซังกะตายว่ายเวียนเข้าเปลี่ยนทรวง
บุบผานารีหนีแล้ว ณ แก้วเอ๋ย
สิ่งรำเพยเคยถนอมละย้อมสรวง
เย็นซัดซ่านผ่านหทัยในทั้งปวง
พรากรินล่วงช่วงหนาวเฝ้าอาวรณ์
แสงสว่างกลางหาวช่างเร้าห้วง
สร้างเป็นห่วงล้วงลึกสู่ตรึกย้อน
อกเจียนแยกแตกช่วงเป็นบ่วงตอน
รักสั่นคลอนอ่อนไหวผ่านใส่ตรม
โอ้หนาวนี้ที่รักใยหักจิต
แอบอิงพิศคิดไปช่างให้ขม
เคยแนบชิดติดสร้างกระจ่างอารมณ์
สิ่งเชยชมผ่านสลายช่างให้วังเวง.
*** แก้วประเสริฐ.***
3 พฤศจิกายน 2549 21:44 น.
แก้วประเสริฐ
๐ นุชนาถ ๐
๐ แลนุชสุดหยาดฟ้า จริงเฮย
ยากที่หญิงใดเผย เทียบได้
หอมหวลชวนชิดเชย สบแม่ จริงนา
สุกปลั่งดั่งมณีไล้ บ่มคล้ายไสวสวรรค์ ฯ
๐ อกหนอเฝ้าไขว่คว้า เพียงเงา แม่เฮย
แสนสุดฉุดรักเรา เคียงเคล้า
มิอาจเทียบเปรียบเขา เฝ้าแต่ แลนา
ปั่นป่วนชวนให้เศร้า แด่น้องผนึกหวน ฯ
๐ นึกนึกถึงเนตรน้อง หมองใจ
หวังส่งดวงฤทัย ฝากเจ้า
คงเพียงสิ่งสลาย เงาแม่ จริงแฮ
อกพี่ใยเร่งเร้า ดูเฝ้าปองสรวง ฯ
๐ วาสนามาเคียงฟ้า ถลาดิน แน่เฮย
นวลส่องส่งยุพิน เจิดจ้า
ลบรอยที่ผวนถวิล จินต์คร่ำ ครวญนา
ใจที่มอบของข้า ร่ำไห้ใฝ่ผวน ฯ
๐ รักที่เคยส่งให้ ขอคืน
วังวนที่ข่มขืน ส่งข้า
คงสุขที่ชื่นมึน ฝากแด่ แม่นา
ปั่นป่วนสิ่งในหล้า รับไว้คนเดียว ฯ
๐ อกเอ๋ยอกขาดฟ้า โลมดิน แน่เฮย
เหลือเปลี่ยวเฝ้าหวนถวิล สุดหล้า
แสงจันทร์ส่องชโลมจินต์ หมองผ่อง ใจเอย
ใครเล่าจะมองข้า ยากแท้ใฝ่ถวิล ฯ
๐จำเรียงถ้อยคำร้อย ฝากลม
มิคิดหวังเชยชม ส่งให้
พรรณนาสิ่งภิรมย์ คืนสู่ โคลงแฮ
สิ้นสุดสิ่งรักไว้ ฝากฟ้าแลดิน ๐—
*** แก้วประเสริฐ. ***