15 ธันวาคม 2549 12:11 น.
แก้วประเสริฐ
ตู่เอ๋ยตุ๊ดตู่
ตู่เอ๋ยตุ๊ดตู่......
เจ้ารอบรู้บินว่อนร่อนเวหน
ทะยานกายหมายรักชักเวียนวน
ดอกไม้หล่นปนเศร้าเคล้าน้ำตา
หวังอิงน้องปองสนิทเข้าชิดเชื้อ
สายใยเจือพรรณรายสดใสหนา
มณีแก้วแพรวสะท้อนย้อนอุรา
บินเดี่ยวมาคว้ารักช่างหนักใจ
วายุโหมโน้มสะบัดมัดอิมไว้
ตะเกียกตะกายไขว่คว้าหาสดใส
พอสิ้นลมจมห้วงล่วงลงไป
ดวงฤทัยให้ละห้อยน้อยใจจำ
หวังเอ๋ยหวังรัก.....
โดนประตักปักฤทัยใยจึงช้ำ
จำเนียรถ้อยร้อยวจีที่ลำนำ
สาวเจ้าทำพร่ำเพ้อละเมอครวญ
ป่วนฤดีที่สร้อยร้อยกุหลาบ
นอนพังพาบพสุธาพากำสรวล
ล้วนความหวังรั้งเงาเคล้ารัญจวน
ยากจะชวนโผผินบินโพยม
โน้มรำลึกถึงอดีตหวังขีดเส้น
ชอบหลีกเร้นเด่นนภาเพื่อหาโสม
ลมรำเพยเผยกลิ่นเข้ารินโลม
ใยจึงโหมหัวใจสู่ในระทม.
*** แก้วประเสริฐ. ***
13 ธันวาคม 2549 13:42 น.
แก้วประเสริฐ
รักเดียวเปลี่ยวอารมณ์
ฟ้าคืนค่ำน้ำหยาดเหมือนสาดกรด
ไหลรินรดผ่านสิ้นในจินต์เขลา
รักหอมหวลวิจิตรผันปลิดเงา
โลดแล่นเร้าสู่ห้วงผ่านดวงแด
ราตรีนี้มีจันทร์นั้นงามผ่อง
สิ่งหมายปองหลุดล่วงจากบ่วงแห
ที่ทอดผ่านจากใจขาดไร้แล
หลงชะแง้ดุจดาวที่เฝ้าเดือน
มีรักเดียวเปลี่ยวฤทัยสุดให้เหงา
มั่นคงเฝ้าห่วงหาเข้ามาเฉือน
เหลือเพียงหยาดน้ำหยดเข้ารดเยือน
ให้แปดเปื้อนเฉือนอารมณ์สู้ข่มใจ
โอ้คืนนี้มีใครเข้าใจเอ๋ย
ลมรำเพยเชยถวิลกลิ่นสดใส
วิจิตรซ่านผ่านห้วงยามล่วงไป
ทั้งนอกในยืนเดี่ยวช่างเปลี่ยวอุรา
ต่อนี้ไปใครว่าจะบ้ารัก
มิฟูมฟักจักถนอมเมื่อล้อมหา
หั่นในรักหักสิ้นตามจินตนา
ประชดฟ้าดินไว้ไม่ยำเกรง
ขอเอาน้ำในวลีเป็นที่ตั้ง
รูปลักษณ์รั้งฤทัยไม่เครียดเคร่ง
ชีวิตผ่านปริศนามาละเลง
นำบทเพลงพิศสวาทพาดราตรี.
*** แก้วประเสริฐ. ***
11 ธันวาคม 2549 09:12 น.
แก้วประเสริฐ
ดั่งโคลนตม
ความผูกพันสัณฐานสรรค์สิ่งสร้าง
สิ่งกระจ่างวาวแววแพรวสดใส
ความอ้างว้างกลางวิจิตรติดไฉไล
ล่วงเลยไปในอุทาหรณ์สอนให้จำ
หยาดน้ำใสน้อยนิดหวังคิดสู่
สิ่งเลิศหรูเจิดหล้าดุจฟ้าร่ำ
ระโรยรินกลิ่นหอมเข้าย้อมนำ
ปรุงความล้ำนำมาต้องพาครวญ
กว่าจะผุดฉุดชีวิตแล้วติดแฉก
เป็นรอยแยกแตกทางพลางกลับสวน
รสหวานขมปมปริศนามาชักชวน
มิทบทวนหวนชโลมดั่งตมโคลน
ความพิสุทธิ์ดุจเทียนเข้าเวียนส่อง
ไร้สิ่งสนองต้องพินิจดังชีวิตโขน
ส่ายระบำลิงยักษ์มักถูกโยน
ต้องห้อยโหนโยนทะยานเข้าบั่นทอน
ความมีสุขคลุกเคล้าเข้าพร่ำพรอด
สิ่งอ้อนออดอ่อนหวานปานหลอกหลอน
สะท้อนห้วงล้วงไว้ยามได้นอน
สร้างอาวรณ์ผ่อนอารมณ์แล้วบ่มทุกข์
เกิดเป็นมนุษย์รุกข์ชาติธาตุทั้งสี่
ย้อมชีวีมีอะไรที่ให้สุข
เกิดจากดินสิ้นแล้วพร้อมแนวรุก
ต้องเคล้าคลุกปลุกผีนั่งระวังตน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
6 ธันวาคม 2549 11:56 น.
แก้วประเสริฐ
งามพิลาศรัก
กระแสร์สินธุ์รินล่วงยามช่วงรัก
พิลาสนักชักห้วงสู่บ่วงหา
สิ่งสนองปองสนิทก่อนนิทรา
พาดเสน่หาพาฝันสร้างรัญจวน
ตะลึงแลแม่ชม้อยถ้อยคำเอ่ย
ยามแม่เผยสิ่งสล้างยิ่งสร้างหวน
ล้วนระทึกตรึกพิลาสมาพาดชวน
สร้างปั่นป่วนล้วนผนึกรำลึกจำ
กัลยานารีพักตร์ประจักษ์พริ้ม
งามจิ้มลิ้มพริ้มพรายกรายเลิศล้ำ
ยามปทุมพุ่มสวาทพาดครอบงำ
เสมือนร่ำย้ำฤทัยไหวโคลงเคลง
ปานประหนึ่งพึงศิวะจะมาเคล้า
โลมาเจ้าเฝ้าคะนองต้องรีบเร่ง
ผ่านกระแสร์แผ่กระสินธุ์ระรินเกรง
ห้อยโตงเตงเกร็งผวาพาไขว่คว้า
พายุพัดจัดไว้สู่ในกระแสร์
โหมประแดแผ่ซ่านผ่านหรรษา
งามพิลาสพาดวิจิตรพินิจสุดา
ช่างโหยหาพาฝนหล่นโปรยปราย
ช่วงทำนองกลองทิพย์ระยิบพาด
ระเนระนาดพฤกษามาสิ้นสลาย
วายุหวานผ่านห้วงดวงใจคลาย
ห้วงฤทัยให้อาวรณ์รอนใจจำ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
29 พฤศจิกายน 2549 12:23 น.
แก้วประเสริฐ
** กบเจ้าเอ๋ย **
ฟังกบร้องก้องพฤกษาพนาสณฑ์
อลวนสำเนียงก้องเข้าร้องประสาน
บ้างเรียกคู่มาด่าแล้วว่าประจาน
สนุกสนานขันต่อเข้าคลอเคลีย
ฝ่ายผู้นำขำขันพลันเต้นร่า
ฮุลาฮูบเข้ามาเพื่อพาเฉลี่ย
เป็นทำนองยวนยั่วบ้างกลัวเมีย
ปากยังเสียร้องนินทาแล้วว่าเอา
บ้างซึมเซาเฝ้ามองแล้วร้องเฮ้ย
มึงอย่าเฉยจงดูแล้วขู่เขา
ก่อนนี้แหกแรกกระเชอว่าปัญญาเบา
ใยซึมเศร้าเฝ้ามองสองตาแล
เมื่อก่อนเก่งอวดหาญว่าชาญฉลาด
คำนวณมิพลาดชาญเชี่ยวเข้าเลี้ยวกระแส
วกวนเวียนไหลหลั่งเพื่อฝังดวงแด
กบที่แก่แม้แต่สาวเฝ้ารำพัน
บัดนี้เล่าเฝ้าอ้อนวอนเทพไท้
ขอจงได้ช่วยปกปักรักษาฉัน
ให้พ้นช่วงบ่วงร้ายเพื่อคลายพลัน
มองหน้ากันเงียบกริบกระพริบตา
สัตว์น้อยใหญ่นั่งมองร้องหัวร่อ
นี่แหละหนอเลือกนักมักได้กระสา
กระแสโลกโบกผันตามวันเวลา
หวังวาสนาได้ดีมีสุขเอย.
*** แก้วประเสริฐ. ***