29 ธันวาคม 2549 12:14 น.
แก้วประเสริฐ
ระวีส่องละอองสายัณห์
รวีทองผ่องพิลาสสาดแสงส่อง
งามเรืองรองครองวิไลยากไขว่คว้า
พาสีสันต์พลันกลับเหมือนลับลา
ลมหนาวมาคว้าถวิลจวนสิ้นกาล
พลิกแปรเปลี่ยนเวียนคืนต้องฝืนคิด
สรรค์นฤมิตปลิดวารอันไพศาล
กาลเวลามาพรากจากตระการ
วิจิตรพลันคงไว้เพียงในละออง
เสมือนสิ่งอิงโน้มประโลมจิต
หวังเชยชิดลิขิตไว้วิไลสนอง
ลองถวิลจินตนาเพื่อคว้าปอง
เหลือใยครองรองรับยากกลับคืน
ดุจเวลาผันผวนแล้วด่วนจาก
คอยวันพรากห่างกันยากฝันตื่น
ระรื่นรสหมดแล้วจากแถวยืน
ครั้นจะฝืนฟื้นกลับก็ลับตา
ดั่งปีเก่าพราวแพรวแวววาววับ
สิ้นกัลป์กลับลับล่วงทั้งห่วงหา
พาสิ่งเชิดเลิศวิไลมิได้มา
สิ้นเสน่หาพาใหม่ได้เปรมปรีดิ์
เปรียบชีวิตคิดปองหวนลองถวิล
ตะวันสิ้นแลลับเพื่อปรับสี
ชีวีเลิศเชิดล่วงปลายช่วงปี
ผันสิ่งที่เปลี่ยนไว้สู่ในทรวง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
22 ธันวาคม 2549 14:22 น.
แก้วประเสริฐ
“ ลูกหนอลูก ”
วสันต์เปลี่ยนเวียนผันเหมันต์หนาว
พรายพร่างเงาพราวระยิบกระพริบโสม
วิจิตรม่านผ่านหมอกละลอกโพยม
เปลี่ยนผันโน้มโหมฤดีที่ผ่านมา
กองไฟน้อยร้อยอารมณ์เข้าโหมพัด
โบกระบัดมัดแม่เฒ่าเฝ้าหวนหา
คอยลูกน้อยกลอยใจในดวงตา
หนาวนี้หนาแลลับไม่กลับคืน
หนาวอดีตกรีดป่วนรัญจวนโศก
ปลีกผันโยกหันหายคล้ายสะอื้น
แสงริบหรี่นี้สะบัดตัดชื่นมืน
เหมันต์ฟื้นตื่นไว้ในลูกน้อย
ร้อยร้องเห่เว้ว้าคราร่ำร้อง
สะท้านก้องดวงใจให้ละห้อย
น้ำตาย้อยรินหยาดวาดหวังคอย
สิ่งใช้สอยยากหามาคลุมกาย
เปลื้องผ้าน้อยสองเต้าให้เจ้าดื่ม
ทุกสิ่งลืมหมดสิ้นเข้าลิ้มหาย
สายธารขาวพราวพร่างเข้าร่างกาย
เฝ้าห่วงใยดูแลแม้อารมณ์
เฝ้าโบกพัดจัดไว้จนใหญ่ขึ้น
ใจชื่นมืนปกปักหักสิ่งขม
เหลือแต่ลูกปลูกรักมิหักชม
แม้นอกตรมขมขื่นเข้าฝืนใจ
ครั้นมีเย้าเฝ้าเรือนกลับเบือนแม่
สองตาแลคู่ครองฉลองหน้าใส
ยามตกทุกข์ได้ยากมิจากไป
แม่รับได้สู้ถนอมกล่อมทุกคืน
ลมรำเพยพัดผ่านซ่านหนาวเหน็บ
แม่เฒ่าเจ็บสารพางค์สร้างสะอื้น
มือสั่นหยิบผ้าน้อยร้อยชื่นมืน
ผ้าอ้อมผืนคืนเก่าเฝ้าเหลียวมอง
ไฟริบหรี่ดวงใจจะให้ขาด
น้ำตาหยาดแก้มเหี่ยวเสี้ยวทั้งผอง
ทรุดกายนอนข้างไฟไร้หมายปอง
วิญญาณละล่องท่องไปไม่หวนคืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
20 ธันวาคม 2549 12:41 น.
แก้วประเสริฐ
สดใสวิไลร้าง
อารมณ์คู่สู่สมภิรมย์สวาท
งามพิลาสเพริศลักษณ์ประจักษ์สวรรค์
อ้อยอิงแอบแนบชิดวิจิตรตระการ
พริ้มลาวัลย์นันทน์เกษมสุดเปรมปรีดิ์
วิรุฬห์หวานซ่านสุขเข้าคลุกจิต
ระเริงฤทธิ์ผลิตถ้อยร้อยมารศรี
โอบไออุ่นหนุนไว้ผ่านในฤดี
กาลวลีมาลีฉายวิไลครอง
จวบจนสิ้นดินฟ้าวาทศิลป์
ครั้นโบยบินสิ้นวจียากที่ฉลอง
พิไลร้างหมางหม่นปนละออง
สิ่งทั้งผองโรยลับเข้าดับตระการ
เมื่อผันเปลี่ยนเวียนวนระคนหมอง
ซาบซึ้งปองยองใยมิได้ศานต์
ห้วงจำนรรจ์ผันผวนแล้วป่วนกานต์
วิลาวัณย์หันแปรสุดแก้หทัย
สดใสวิไลร้างมิจ่างแล้ว
สิ่งเพริศแพร้วหวนแยกแล้วแตกสลาย
นี่นะหรือคือสิ่งประวิงฤทัย
อันเฉิดฉายมลายร้างเขาห่างลา
เหลือเพียงหลังฝังฝากเป็นฉากชีวิต
ผ่านวิจิตรปลิดเกษมเปรมหรรษา
โอ้อกชายไร้รสช่างหมดราคา
ยากพรรณนาฟ้าเอ๋ยจึงเผยใจ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
19 ธันวาคม 2549 11:30 น.
แก้วประเสริฐ
** นี่นะหรือคือรัก **
ไม่มั่นใจในรัก แต่ก็ชักไม่แน่ใจ
คิดถึงอยู่ร่ำไป เหตุไฉนใจใฝ่เพ้อ
โลดร่ำร้องปองไว้สู่ในห้วง
เกิดเป็นบ่วงผูกพันแก่ฉันเสมอ
นอนยืนนั่งเช้าเย็นใคร่เห็นเธอ
สิ่งพร่ำเพ้อละเมอฝันสุดรัญจวน
ราตรีนี้พิศเพี้ยง เคียงเธอ
ฝันใฝ่ไห่ละเมอ ค่ำเช้า
สมรรักหักอกเพ้อ รัดห่วง จริงนา
ยากยิ่งอิงแนบเข้า ตรึงไว้ในใจฯ
สวาสดิ์สุดผุดผาดไว้ ยอดหญิง
เอมอิ่มสุดระวิง รักเร้า
ปั่นป่วนหวนใจจริง ยากยิ่ง ใฝ่ปอง
สองแขนยากสวมเจ้า เหลือไว้เชยดินฯ
ลมรักหนอพอฝันรำพันสร้าง
มิกระจ่างดั่งใจที่ใฝ่หา
เหลือเพียงจินต์ทบทวนมิหวนมา
ยากไขว่คว้ามาปองสนองเรา
รักนี้หนอพอถวิล ใยสร้างชีวินให้ปั่นป่วน
หวังคอยแม่เนื้อนวล ยากจะหวนเธอกลับมา
สิ้นแล้วหรือสิ่งรัก แต่ใจรักมาใฝ่หา
คงไว้ในเจตนา กาลเวลาไม่รอเรา
พูนเทวษเจตนาสิ้น รัญจวน จริงเอย
ยากยิ่งใฝ่กลับชวน แด่น้อง
สองตามิอาจหวน คืนสู่ สบนา
หวังส่งใจหมายจ้อง ฝากไว้ใฝ่ถวิลฯ
รักนี้ไม่กลับคืน แสนสะอื้นทุกคืนหา
เหลือไว้เพียงน้ำตา กาลเวลาหวังมาครอง
จิตต์เราเฝ้าฝันหา หยาดน้ำตากลับมาสนอง
คงไว้ในใจปอง ยากสนองเสียแล้วเรา
สิ้นรักยามขลาดเขลา ดุจดังเต่าเฝ้ารอหวน
กระต่ายน้อยน้ำตาล่วง แต่ยังหวงดวงจันทรา
อกหนออกอกเราเฝ้าถวิล
ดวงใจจินต์สิ้นรักแต่มักหวน
หวังเพียงคิดถนอมแม่เนื้อนวล
สร้างปั่นป่วนคงไว้เพียงใยปม
กระแสร์รักหักสวาสดิ์คลาดครานี้
ยังจะมีใครบ้างมาสร้างสม
เห็นจะเหลือเพียงไว้ในโคลนตม
กระแสร์ลมเฉลยไว้ใยล่วงโรย
โอ้อนาถเหลือแล้วแก้วตาเอ๋ย
สิ่งที่เคยพรอดพร่ำกลับร่ำโหย
หนาวนี้หนอสิ้นหายมิได้โปรย
เพียงลมโชยอกอนาถพลาดรักนี้
นี่นะหรือคือรักมักหอมหวน
ใยมาป่วนล้วนพังกระมังนี่
เมื่อก่อนนี้ฝากไว้ไม่รอรี
มาบัดนี้มีใหม่ให้แรมลา
แหงนมองฟ้าคราใดสุดให้เศร้า
เหลือแต่เราเฝ้าถวิลจินต์หวนหา
น้ำค้างหยาดชโลมบ่มน้ำตา
โอ้วาสนามีรักมักแหลกลาญ
เปรียบกระต่ายคอยโสมโน้มใจหลั่ง
ต้องมาพังดั่งสิ้นจินต์ถูกผลาญ
คอยชะแง้แลหาทุกวันวาร
จวบจนกาลแปรเปลี่ยนมิเวียนคืน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
18 ธันวาคม 2549 14:49 น.
แก้วประเสริฐ
ลมหนาวเคล้าฤทัย
ลมหนาวโชยโปรยรินกลิ่นแนบเนื้อ
หอมจุนเจือเอื้อละมุลกรุ่นไอสาว
อิงแอบเสลาเคล้าซ่านผ่านดวงดาว
งามพร่างพราวสกาวเดือนเยือนราตรี
เด่นพิไลให้ระทึกตรึกสิ่งซ่าน
เย็นฉ่ำรานเนื้อแนบแอบโฉมศรี
อุ่นไอรักคลั่กคลุ้งฟุ้งเปรมปรีดิ์
ดอกสินีโชยระบัดจัดรัญจวน
ค่ำคืนนี้มีจันทร์นั้นงามผ่อง
ลมละอองเย็นซ่านหวานสิ่งหวน
กลิ่นราตรีนี้โยกกวัดมัดสิ่งชวน
ล้วนอบอวลป่วนฤทัยสร้างไว้จำ
สินีนาถผาดวิจิตรสร้างติดป่วน
ลอยทบทวนล้วนตลึงถึงหวานล้ำ
งามสิเน่หาราตรีอ้อนซ่อนย้อนนำ
อุ่นงามขำลำนำรักเคยตักชม
ดาวระยิบพริบล้อหมายง้อโสม
หันหวนโน้มโลมตรึกนึกสิ่งสม
เหมันต์นี้ปล่อยค้างระหว่างอารมณ์
เปล่าเปลี่ยวตรมหวังชมรักที่จักคืน
ภูทับเบิกนี้หนอเคยพะนอรัก
จนใจนักความหลังที่หวังชื่น
มองดาวล่างกลางนภาหาชื่นมึน
เย็นระรื่นยืนเดี่ยวเปลี่ยวเอกา.
*** แก้วประเสริฐ. ***