2 สิงหาคม 2550 17:54 น.

** พิลาสพรรณ **

แก้วประเสริฐ


    **   พิลาสพรรณ   ** 

     นางหนึ่งน้องเทวีศรีแม่สมร
อรชรท่ามกลางระหว่างบุบผา
งามทั้งรูปลักษณ์เฉิดเลิศตรึงตา
วนิดาย่างเยื้องประเทืองภิรมย์

     ดอกมาลีหอมโชยโรยเรือนร่าง
ย้อมสะพรั่งกายาน่าเสพย์สม
ข่มฤทัยหมองช้ำเคยคล้ำตรม
ปิดขื่นขมสู่ห่างร้างเลือนไกล

     ดุจประหนึ่งซึ้งใส่ดวงใจนึก
สิ่งระทึกยอกย้อนซ่อนสิ่งหาย
ก่อนเคยพรากที่รักไปจากหทัย
ผันแปรไปสู่ชื่นระรื่นหรรษา

     โอษฐ์เอมอิ่มรจนาคราส่งเสียง
หวานใกล้เคียงน้ำผึ้งซึ้งเดือนห้า
จับใจจิตตรึงฉ่ำพร่ำพรรณนา
ยามกานดาเบิกบานสราญฤดี

     เริงวิหคร้องขานประสานนัก
ตะวันมักลอดไม้ระบายสุขี
ปรีดิ์เปรมอิ่มนวลเจ้าเฝ้ามาลี
ล้ำเลิศนารีผีเสื้อโบกโบยบิน

     หมู่ภมรผึ้งน้อยคอยบินว่อน
รอบอรชรย้อนผกาเสพย์สินธุ์
ดอกเกสรย้ำหวานผ่านภุมริน
เย้ายวนกลิ่นพฤกษาวนาพรรณ

     งามพริ้มพักตร์ยิ่งนักเจ้าน้องเอ๋ย
ดั่งชดเชยสิ่งหมองครองสิ่งสรรค์
ลืมอดีตวิปโยคโศกนวลอนันต์
พริ้งลาวัณย์หอมบุบผาวนาไพร

     เสมือนต้องมนต์สะกดจรดจ้อง
ทึ่งงามน้องละล่องผุดผ่องใส
กลิ่นมาลีหอมยิ่งแนบอิงหทัย
สุดซ่านใจซาบซึ้งตรึงอารมณ์.

        ***   แก้วประเสริฐ.   ***				
31 กรกฎาคม 2550 08:44 น.

** แสนสวย **

แก้วประเสริฐ


                                    **  แสนสวย  **
     สาวดูน่ารัก               ยวนยั่วแย้มนัก     ยากหักฤดี
แต่งตัวตามวัย               แอบพิศอรทัย       จิตไม่หมองศรี
ใจจิตเปรมปรีดิ์             หวังพึ่งไมตรี         เพื่อสร้างตัวเรา
     มองแล้วหวนกลับ     กลัวเขาไม่รับ        ใจกลับเขินเขา
ปล่อยว่างวางเว้น           แลแม่เนื้อเย็น       ดุจเช่นอับเฉา
ทอดน่องมองเศร้า         เก็บไว้เพียงเงา      ปั่นป่วนรัญจวน.

    ๏ พักตร์ผุดผ่องมักล้วน                           ยลนาง
ยวนยั่วแห่งเรือนร่าง                                   จ่างฟ้า
หัวใจกลับเวิ้งว้าง                                        ยามแม่   มองเฮย
งามสุดจักรักข้า                                           เปรียบได้ใจเรา  ฯ

       มาดแม้นอยากพบเจ้า                           ไมตรี
ช่วยปลอบดวงฤดี                                         แด่ข้า
สุดพาพึ่งยุวดี                                               โลมแก่   ใจแฮ
คงพบทางเหว่ว้า                                           สบร้างห่างหวน  ฯ  

       สาวจ้องคงนึกล้วน                                  อนิจจา
เสมือนดั่งดุจกายา                                         พรากไว้
เราเพียงคิดค้นหา                                          แนบสู่   นางเฮย
เลยพกพาดพิงไร้                                           หมดสิ้นจินต์ตรอง  ฯ

       ดุจเดือนแลเลื่อนฟ้อง                                ลับจร
แสนสุดจะอาวรณ์                                            ห่อนแล้ว
แผ่นดินหมดสิงขร                                           ไม้ป่า   พันธุ์แฮ
แม้แต่ใจผ่องแผ้ว                                            ขาดเชื้อเนื้อทอง  ฯ

       ทอดน่องพลางย่างต้อง                              จากไป   
เพียงส่งคิดอาลัย                                              แด่เจ้า
หมดสิ้นจักอาศัย                                              แม้แต่   เงาแฮ
หวนหักใจปวดร้าว                                            สุดสิ้นครรลอง  ฯ

       อกเอ๋ยร้าวโศกน้อง                                 หลงทาง
ต้องจักห่างละวาง                                           แม่นแล้ว
เงายังติดเลือนราง                                          ตามแม่   ไปเฮย
ยากพบทางผ่องแผ้ว                                       หมดสิ้นถิ่นสวรรค์ ๚ะ๛

                               ***  แก้วประเสริฐ.  ***
				
29 กรกฎาคม 2550 12:10 น.

** ฤทัยตรึง **

แก้วประเสริฐ


                     **  ฤทัยตรึง  **
     นกช่างร้องขับขาน     ดุจวิมานที่ฉันสร้าง
ดอกไม้ส่งกลิ่นจาง          จิตบอบบางสร้างตราตรึง
ปลาน้อยลอยแหวกว่าย     งามสดใสให้สุดซึ้ง
เฝ้ามองแสนรำพึง            ใยห่วงหาหญิงคนงาม

     เมฆน้อยลอยผันผวน  สุดรัญจวนฟ้าสีคราม
วิจิตรแสนงดงาม             ใจเกรงขามยามอัปลักษณ์
ปั่นป่วนชวนคำนึง            ช่างหวานซึ้งตราตรึงพักตร์
ตัวเราหวั่นยิ่งนัก              แม่จะมาแลห่างเมิน

     กลิ่นหอมย้อมใจฉัน     ทำไมกันพลันจึงเขิน
หรือว่ามิกล้าเผชิญ            กลัวหมางเมินจึงเหลือบมอง
สองตาเฝ้าแลจ้อง              มิอาจปองสิ่งสนอง
จนผ่านฝันเรืองรอง            ฟ้าผุดผ่องทองอำไพ

     ปลาน้อยหลากหลายสี     ล้วนแต่มีสิ่งสดใส
ตัวเราโอ้ภายใน                  เหตุไฉนไม่สมหวัง
นกน้อยยังเคียงคู่                ช่างอดสูทางเบื้องหลัง
ฤาสิ้นฤทธิ์พลัง                   รักพิไลได้อาดูร

     ตะวันโอบขอบฟ้า           จันทร์ดารากลับพาสูญ
ขาดไปมิเกื้อกูล                  สิ่งเพิ่มพูนล้วนหายไป
ดุจฉันพลันพบรัก                แสนประจักษ์พลันสลาย
มีรักยังสิ้นคลาย                  โอ้เปลี่ยนแปลงแล้งหนอคน

     คนเดียวเปลี่ยวเอกา        วาสนาพาสับสน
เปื้อนเปรอะช่างเวียนวน       ฤทัยตนคนแลเมิน
มีรักเขาสักครั้ง                    สิ้นพลังพังยับเยิน
เหมือนนกเฝ้าบินเหิร            เที่ยวค้นหาฟากฟ้าไกล

     โดดเด่นและเดียวดาย    คนทั้งหลายคล้ายผลักไส
ป่านนี้จะมีใคร                    คงสิ้นไปไร้คนมอง 
อายุผ่านกาลวาร                 หัวใจฉันเฝ้าแลปอง
ดั่งนกขับเสียงร้อง               แว่วโหยหวนล้วนเดียวดาย.

               ***  แก้วประเสริฐ.  ***     
				
28 กรกฎาคม 2550 09:29 น.

** แสนอาวรณ์(โคลงเคลง) **

แก้วประเสริฐ


              **  แสนอาวรณ์  **

    ๏ ใจหายวับยามน้อง          จากจร
เสมือนดั่งหทัยกร่อน              ชอกช้ำ
วิจิตรป่วนบั่นทอน                  ยามแม่   ไกลแฮ
แปรเปลี่ยนดุจดั่งน้ำ               ตอกย้ำฤทัย ฯ

     ๏ อกเอ๋ยใยไห่ข้า              ใฝ่หวน   มากนา
ฤาหลงเสน่หายวน                   ป่วนไว้
เปรียบดุจดั่งโซ่ตรวน               แข็งแกร่ง   มัดแฮ
แพ้พ่ายด้วยยากไร้                   ห่อนให้มลายตน ฯ
 
     ๏ จันทร์เจ้าเฝ้าส่องจ้า         ธรณี
แสงดาวกระพริบทวี                  แจ่มฟ้า
ประดุจดั่งเพชรมณี                   ยามส่อง   หวนแม่
แม้นางอยู่เคียงข้า                     ค่ำนี้ดุจสวรรค์ ฯ

     ๏ ละเมอเผลอพร่ำไว้            คนเดียว   อกเอย
เฉลยแต่รักเกาะเกี่ยว                สู่น้อง
สุดให้หม่นใจเสี้ยว                     ตรึงแด่  แม่นา
หากแต่เกียรติ์ยศก้อง                 ซาบซึ้งตรึงสงวน  ฯ

      ๏ เหลือไว้เพียงนกร้อง          คร่ำครวญ
เป็นเพื่อนเฝ้ารัญจวน                  ห่วงเจ้า
มาดแม้นยังคิดหวน                     ล้วนแต่   นางแฮ
แม้แต่เงาชวนเคล้า                     คงไว้เพียงดิน  ฯ

      ๏ ถวิลหวนล้วนป่วนเกื้อ           แส่หา   แม่เอย
เกยที่เคยนำมา                            ไป่เอื้อ
เหลือเพียงแต่พสุธา                      มอบแก่   ตัวแฮ
แม้แต่ไม้สร้างเชื้อ                        บ่มไว้มลายสนอง  ๚ะ๛

                      ***   แก้วประเสริฐ.  *** 
				
27 กรกฎาคม 2550 10:22 น.

** แท้จริงหรือ **

แก้วประเสริฐ


          **  แท้จริงหรือ  **

     มนุษย์เอ๋ยเจ้าเคยคิดถึงบ้างไหม
ว่าร่างกายเราไฉนถึงแปรผัน
จากวัยเด็กเปลี่ยนไปผู้ใหญ่พลัน
เหตุใดนั้นเปลี่ยนแปลงแสลงฤทัย

     แล้วก็แก่เจ็บไข้จนได้ปวด
ช่างร้าวรวดเร็วสั้นพลันสลาย
มัวแต่หลงมืนเมาเฝ้าเดียวดาย
ประดุจคล้ายเมฆบางที่จางจร

     คิดแต่เฝ้าปรุงแต่งแฝงเรือนร่าง
ให้งามสะพรั่งดุจดาวเฝ้าสลอน
เปลี่ยนแปรผันมิคิดจิตอาวรณ์
คิดจะซ่อนแต่งเติมเสริมกายา

     ใจถูกแบ่งแห่งปัญญาผลักไส
จิตผูกในเสียงรูปรสกลิ่นนาสา
สิ่งแวดล้อมผูกไว้อยู่ในสัญญา
คิดเพียงว่าตัวเราเฝ้าสวยงาม

     พอรูปเปลี่ยนเวียนไปสุดเศร้าสร้อย
ความหยดย้อยหมดไปให้เกรงขาม
เกิดโทสะคละคลุ้งพุ่งรวนลาม
เหตุมองข้ามเป็นจริงสิ่งในกาย

     รูปเรานั้นเกิดได้ในธาตุสี่
ไฟน้ำมีดินลมบ่มอาศัย
ช่วยยึดรั้งสร้างลงตรงหทัย
เกิดนามไซร้ใช้เรียกเปรียบสมมุติ

     กาลเวลาหมุนเวียนเพียรสึกหรอ
เคยเคล้าคลอหนีหายในที่สุด
แบ่งแยกดันมิสัมพันธ์กันยุด
ก็เลยฉุดหนีคลายกลายแปรผัน

     เกิดเป็นแก่เจ็บตายมลายหนอ
เหลือเพียงรอหายใจสลายนั่น
พอสิ้นสุดชีวันกระสันพลัน
ร่างกายนั้นคงไว้ในเวรกรรม.

     ***  แก้วประเสริฐ.  ***
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟแก้วประเสริฐ
Lovings  แก้วประเสริฐ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงแก้วประเสริฐ