13 มีนาคม 2551 20:22 น.
แก้วประเสริฐ
** ลองสักครั้ง **
สิ่งเคยเลือนแลลับนับสุดซึ้ง
เหมือนรำพึงที่วนระคนหวน
สายลมยิ่งพลิ้วพัดสะบัดชวน
ฝากรัญจวนเพริศพริ้งสู่อิงวาร
ลั่นทมกลิ่นหอมเย็นเน้นใจชื่น
งามระรื่นดอมดมชมซาบซ่าน
ลานแห่งสุขดอกงามยามฤดูกาล
เสมือนวิมานฝากเงาเฝ้าอาจิณ
ใช่แล้วซิความรักแม้นจักพล่าน
วิจิตรสราญหมุนไปเคยใฝ่ถวิล
ณ ที่เก่าเฝ้าคลอนยอกย้อนชีวิน
เลิกเปลี่ยนสิ้นสิ่งพักต้องหักใจ
ลมคลื่นน้ำกระพริบระยิบแสง
แสนระแวงความหวังครั้งสดใส
คิดจะลองสักครั้งกลัวพลั้งหทัย
ด้านวิลัยวิญญาณพล่านอารมณ์
ดุจเปรียบดังละอองฟองหรือไม่
ความไฉไลส่อเกิดเพริศเสกสม
ดังลั่นทมหอมโชยโปรยรินชม
พึงดอมดมกลิ่นชื่นหรือมึนใจ
นั่งมองแขคลื่นน้ำงามระยิบพลิ้ว
ละอองปลิวสาดร่างเวิ้งว้างไฉน
ใยโลดลิ่วคล้ายคำนึงถึงคนไกล
สร้างจิตไซร้วกเวียนเปลี่ยนฤดี
ทิ้งสงสัยแปรเปลี่ยนเวียนอีกครั้ง
มิพลาดพลั้งเหมือนเก่าเฝ้าโฉมศรี
ใฝ่ปองจิตหวั่นใจหมายเปรมปรีดิ์
กลิ่นราตรีโปรยผ่องละอองแพรว
หากจะลองสักครั้งสร้างสิ่งหวัง
พริ้งเพริศพลังใฝ่ปองมิสนองแผ่ว
สู่โลดแล่นข้างหน้าฝ่าขวางแนว
ที่เพริศแพร้วโฉมฉายมาใฝ่ครอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
11 มีนาคม 2551 14:03 น.
แก้วประเสริฐ
** อาภัพ **
ยามไร้เงินคนหนีเดินลี้ห่าง
สู่อ้างว้างหมองหม่นระคนเหลือ
มองรอบข้างหวังปองสนองเจือ
เพื่อนเคยเผื่อทั้งหลายหายลับตา
สู้โดดเดี่ยวเดียวดายในโลกกว้าง
สิ้นทุกอย่างหวังจรุงใฝ่ผดุงหา
แสนดิ้นรนกอบเกื้อมิเอื้อเวลา
ที่ปรารถนาย่อมกลับอาภัพทน
จะขอสู้โชคชะตาหวังมาสร้าง
ในท่ามกลางร้อนหนาวเฝ้าสับสน
ท่ามกลางฝนสู้ลำบากความยากจน
เพื่อสร้างตนมุ่งหวังครั้งเรืองรอง
สิ่งเพื่อนรักดูถูกเหมือนผูกหนาม
เฝ้าเหยียดหยามทิ่มแทงแต่งสนอง
ล้วนนินทาหาเหตุดุจเปรตคะนอง
โลดแล่นล่องขับขานผลาญทั้งปวง
โอ้อนิจจานี่หรือคือเพื่อนรัก
สมานสมัครผูกพันนั้นแสนหวง
ท่องเที่ยวไปทั่วแคว้นแดนใยยวง
ทั้งเป็นห่วงเจือจุนหนุนครอบครัว
มิหมายคิดเสียดายในสิ่งสนอง
หลงใฝ่ปองในโลกีย์แสงสีสลัว
สมองเพียงความสุขสนุกระรัว
ลืมหมองมัวเงินสิ้นถวิลละลาย
พอความทุกข์เข้าครองสนองแล้ว
สิ่งเพริศแพร้วหนีลับกลับสลาย
เพื่อนเคยรักหลบลี้หนีห่างไกล
แต่เหตุไฉนเปรยเขลาโง่เง่าเอง
เป็นบทเรียนชีวิตติดฝังผลึก
คอยจารึกไว้กระฉับกระเฉง
พอสิ้นทุกข์พบสุขปลุกละเลง
เพื่อนคนเก่งขอกลับหันลับจร.
*** แก้วประเสริฐ. ***
7 มีนาคม 2551 19:18 น.
แก้วประเสริฐ
** เพื่อเธอคนเดียว **
พิศดาวเดือนล่องลอยคล้อยเวหาส
แสงพิลาสผ่องพรรณประชันโฉม
หฤทัยพรั่นตรึงห้วงดวงโพยม
สิ้นแสงโสมสาดซึ้งคนึงรำพัน
รักแรกพบสูดกลิ่นหอมผกามาศ
แสงโสมคลาดหนีลับมิกลับหัน
ห้วงเสน่หาหลงอาลัยใฝ่ลาวัลย์
ดุจดังฝันหลงชะแง้แลห่วงคอย
ฉันใฝ่ปองเธอคนเดียวเท่านั้น
มิอาจหันสิ่งต้องสนองละห้อย
มาดแม้นฤทัยพินิจจิตเฝ้าลอย
หยดรินย้อยพลีลงตรงอกตรม
ผันอารมณ์ข่มไฉนฝากไขว่ฟ้า
ยากสรรค์มาภิรมย์บ่มเสกสม
สุดอาลัยแม้นงามยามปองชม
ที่ลอยลมยากหาคว้าดาวเดือน
ต่อนี้ไปใครเล่าจะโลมสมร
แม้นอาวรณ์เสน่หาที่มาเฉือน
มาดสุดสิ้นสิ่งรักยากจักเยือน
มิลาเลือนเพื่อเธอเสมอหัวใจ
ดุจดั่งคล้ายดวงแขที่แลลับ
แสงระยับฟากฟ้าดาราใส
บ้างกระพริบอิงไว้ในวิไล
เหมือนสิ่งในอยู่ห้วงดวงฤดี
เพื่อเธอคนเดียวเกี่ยวใจใฝ่ฝัน
มิมีวันเสมือนเก่าเฝ้าโฉมศรี
คงแต่คอยค้นหาน้ำค้างราตรี
สู่เปรมปรีดิ์ดุจเธอเสมอนภา
มาดเสน่หาอาลัยได้เพียงเศร้า
ความว่างเปล่าชีวิตจิตหรรษา
ขอสุขสรรค์ต่อชีวิตอาจปิดลา
ยากที่หาเปรียบได้ดุจคล้ายเธอ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
26 กุมภาพันธ์ 2551 15:42 น.
แก้วประเสริฐ
** อนิจจารัก **
พอตัวเรายากจนแสนหม่นนัก
สร้างความรักอย่างไรก็ไร้ผล
ก่อนมั่งมีเงินทองสนองกมล
ที่เปรอปรนมิห่างหนีร้างไกล
ครั้นสิ้นทรัพย์ชีวิตบิดแปรผัน
ความใฝ่ฝันไร้ทางกลางสดใส
เมื่อบากบั่นเสนอจิตสิ่งติดใจ
แสนวิไลหนีสิ้นจินต์วิญญาณ
พอมาคิดถึงอดีตปิดหมดแล้ว
แม้นผ่านแนวดิ้นรนเฝ้าทนฝาน
คงเหลือเพียงฝากไว้ในปณิธาน
เพื่อสร้างสรรค์สู่ทางสร้างชีวิน
เหลือแต่เพียงเล็กน้อยที่เจิดจ้า
ยากจะมาพร่ำร้องสิ่งปองถวิล
หลอนที่เย้ายอกช้ำเพื่อซ้ำกวิน
คงสิ่งปลิ้นให้มองสนองกลาย
ก่อนรูปกายอัปลักษณ์ยังมาสน
พอยากจนขุ่นแค้นหนีแล่นหาย
เคยร่ำรวยหมดหวังมาพังทลาย
หมดสิ้นสลายหายลับไปกับตา
มิโทษใครเพียงเราใฝ่เฝ้าถวิล
ทั้งทรัพย์สินหมดไปยากใฝ่หา
เพราะความงามเด่นล้ำมานำพา
แสนเสน่หาประเสริฐดีเลิศจาง
เกมส์ชีวิตผ่านไปจากห้วงคิด
หมายลิขิตใฝ่ผดุงมาปรุงขวาง
อำนาจเงินรักสลัดจัดเลือนราง
แสนอ้างว้างสร้างตนคนทำเอง
เป็นบทเรียนสอนใจให้สำนึก
คอยผนึกสลับกระฉับกระเฉง
มีทรัพย์สินเงินตราอย่าละเลง
คิดเราเก่งเพราะรวยมิช่วยเลย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
23 กุมภาพันธ์ 2551 14:15 น.
แก้วประเสริฐ
** หมาขี้เรื้อน **
เป็นคติที่สอนไว้ในเหตุผล
การฝึกตนควรมองตรองศึกษา
มีหลายอย่างประวิงกาลผ่านมา
ทุกเวลาควรมองฝึกครองกมล
ด้วยจิตเราปัจจัยในสาเหตุ
มีขอบเขตมักเปลี่ยนเวียนสับสน
มิได้สิ่งหมายปองสนองเวียนวน
มักปะปนคลุ้งเคล้าเย้ายวนหทัย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
" เป็นของดีที่เพื่อนส่งมาให้อ่านเห็นว่าดีจึงนำมาให้อ่านกันครับ "
ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก
ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน
เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอกจึงบวชอย่างเสียไม่ได้
เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว
ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่งที่วัดป่าแถวภาคอีสาน
พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดีมีแต่ความสุขสบาย
เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน
แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูปพลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆกัน
ปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอาก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด
และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ
วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่าไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน
ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมาก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง
เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้าก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่หาว่าล้าสมัย
ไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่า
ท่านรองเจ้าอาวาสทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา
ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้างก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปทีล้างไปบ่นไป
ประเภทตูจบปริญญาโทมาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้
โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ถือดี
ว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น
ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด
มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู
นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจกลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน
นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ
อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่าท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา
ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง
วันๆไม่เห็นท่านทอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ
ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน
การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาสเป็นคน
จัดการไปเสียทุกอย่าง เห็นแล้วเลยนึกร้อนวิชา
เสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัดที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย
รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่งเพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว
ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขาให้คนอื่นเขาดูถูก
อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้นพระใหม่เสนอให้
หลวงพ่อเจ้าอาวาส
มีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น
และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหารไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วยตนเอง
ควรจะกระจายอำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า
เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ
หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทรายด้วย
ท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่านให้พระหนุ่มสามเณรน้อย
ทั้งหลายฟังแต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน
อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตาพลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา
แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่ง
ที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่งจากใต้ต้นอโศกที่อยู่ ใกล้ๆ
เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่ เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน
คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่น ไป มาทั้งวัน
เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้นเดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้
อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม
เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหนมันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ
หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน
สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี
คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน
แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที
เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า
เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่
แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก
พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่า ได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร
สวดมนต์เย็นแล้ว
ขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น
ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบ แต่ในวุ่นวาย
นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู
ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง
นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน
จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่นกลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง
เมื่อออกพรรษาแล้วโยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัวท่านก็ยังไม่ยอมสึก
" อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน
ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคันกับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา "
โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการกราบลาพระลูกชาย
แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถพลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่า
หมาขี้เรื้อน ของพระลูกชายหมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ
ถ้าเรา ยังเป็น โรค อยู่ในใจ ไม่ว่าเราย้ายงาน ไปที่ไหน
เราก็บ่นว่าสถานที่เหล่านั้น สกปรก สิ้นดี
จากคุณ nidnoi ครับ
*** แก้วประเสริฐ. ***