7 พฤษภาคม 2551 19:46 น.
แก้วประเสริฐ
** ชวนคนึงหา **
หวนคราใดไฉนเล่าเคล้าคลึงโศก
ช่างวิปโยคห้วงฤทัยคล้ายพึงฝัน
หน่วงน้าวจิตอ่อนล้าครารำพัน
ผ่านช่วงวันซาบซึ้งตรึงกานดา
ซ่านในรสโอษฐ์เอมเปรมสัมผัส
สร้างบ่วงมัดติดคนึงรำพึงหา
แม้นจะผ่านกาลเก่าเศร้าเวลา
ที่ปรารถนายากยิ่งหวังสิ่งคืน
มองวลัยน้อยฝากไว้ในข้อหัตถ์
เหมือนจะมัดห้วงจิตปิดใจฝืน
ดั่งจะผูกบ่วงรัดจัดยั่งยืน
หวานชื่นมืนประทับกับชีวัน
ประกายส่องแวววาวราวย้อนบอก
สิ่งในนอกแพรวพราวเงาจอมขวัญ
งามระยับประดับพลอยอเนกอนันต์
เปรียบจอมขวัญหวนเก่าเศร้าอาวรณ์
สะท้อนแห่งอารมณ์บ่มสิ่งคิด
หวานซึ้งติดห้วงฤดีมิอาจถอน
ยลแยบย้อนซ่อนเงื่อนเลือนลิดรอน
ด้วยสิ่งคลอนซ่อนไว้ในภาพลักษณ์
ยากลบเลือนเบือนสิ่งมาสิงสถิต
มิอาจปลิดรักหวนล้วนใจสลัก
เป็นรอยกรีดบาดฤทัยใยป่วนนัก
สร้างประจักษ์ฝากวลัยไว้รอคอย
งามเพริศแพร้วประทับลับแล้วหรือ
ใยยึดถือหน่วงเหนี่ยวเกี่ยวยากถอย
เปรียบมัดเงื่อนซ้ำเติมเสริมเป็นรอย
หยาดน้ำพลอยพราวแสงแห่งแฝงใจ
หลายหลากสีมณีรัตน์วิรัชแก้ว
โอบล้อมแล้ววิจิตรพิศสดใส
สิ่งเรืองรองผ่องแผ้วมินำไป
มาทิ้งไว้รัญจวนล้วนหวนคนึง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
2 พฤษภาคม 2551 13:58 น.
แก้วประเสริฐ
** ดาวเย้ยเดือน **
มองดูดาวเกี้ยวจันทร์พลันกึ่งเสี้ยว
หลีกลดเลี้ยวหนีปองผุดผ่องไสว
แฝงเปล่งปลั่งระยิบพริบรอบไกล
เฉิดเกรียงไกรละลิ่วพลิ้วลอยตาม
เสมือนสู่ผันแปรเปลี่ยนเวียนลิขิต
ซาบซ่านจิตแนบสนิทมิติดหยาม
เฝ้าเวียนวอนอ้อนหยอดสู่นงราม
ทำความงามดั่งรพีสร้างปรีดิ์เปรม
เพียรใกล้ชิดใฝ่ปองสนองหวัง
ดุจมนต์ขลังคำคมภิรมย์เกษม
แต่งปั้นวจียวนเย้าเคล้าอิ่มเอม
เปลี่ยนฝันเกมส์ชีวิตหากติดพัน
มาดมัวเมาสิ่งหวานปานยาพิษ
เพื่อตีสนิทสู่ครองปองสุขสันต์
มิจำแนกเท็จจริงอิงผสานกัน
แปรหมุนผันสิ่งเฝ้าเคล้าระทม
ดุจดังจันทร์นวลผ่องละอองใส
ความไฉไลเวียนฤทัยซ่านได้ขม
ประกายดาวส่องแสงแฝงภิรมย์
ต้องระบมสู่เสี้ยวยากเหนี่ยวใจ
เปรียบชีวิตหลงเพ้อละเมอพล่าน
ถ้อยคำหวานอภิรมย์บ่มสดใส
มิหวนคนึงสิ่งแฝงแห่งภายใน
ปล่อยกายไปสู่ทางกลางวกวน
ครั้นรู้ตัวหมายยั้งก็พลั้งพลาด
ปิดบังฉลาดสิ่งแถลงแห่งสับสน
จนเลือนรางสิ่งสงวนล้วนปะปน
เสียดายตนยากหวนล้วนกลับคืน
ค่าบทเรียนชีวิตจิตเป็นหลัก
สิ่งฟูมฟักสู่ตรองมองแล้วฝืน
อย่าหลงใหลถ้อยคำล้ำชื่นมืน
หวานปนขื่นที่ใจให้ตรวจตรา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
26 เมษายน 2551 23:46 น.
แก้วประเสริฐ
** ค่าแห่งรัก **
สิ่งผันผวนล้วนใจสู่เวียนหมุน
ความชุลมุนแปรไว้ในสับสน
สร้างกำเนิดดีร้ายคล้ายวกวน
หวานระคนผ่านไว้ให้โศกา
มีบางอย่างสร้างจรุงผดุงชีวิต
สรรค์ลิขิตรอบข้างสร้างปัญหา
หากโชคดีสนุกสนานผ่านเวลา
ล้วนเสน่หาทดสอบกรอบสิ่งทำ
ค่าแห่งรักแปรไปในสิ่งสร้าง
ความอ้างว้างหมุนไว้มิคล้ายขำ
วกวนยอกตอกย้ำชอกช้ำระกำ
ย้อนสู่ล้ำต่ำต้อยคล้อยฝากไป
สิ่งเหล่านี้ป่วนไว้อะไรเล่า
หรือโง่เขลาปิดบังฝังสดใส
หลงความคิดติดพันที่ผันใน
ก่อเหตุให้วกวนแทบลนลาน
ล้วนคำนึงรูปลักษณ์ประจักษ์ไว้
ประกอบให้คำหวานอันประสาน
ดุจความมืดครอบไว้ในดวงมาน
แปรผ่านกาลฝันเฟื่องเปลืองชีวิต
อันความสวยอัปลักษณ์มิใช่เหตุ
แนวโน้มเขตแห่งใจใฝ่ลิขิต
ผูกพันกันสู่ไว้ในความคิด
เข้าใจจิตรวมกันมิผันแปร
ถึงยามทุกข์ยากบากหน้าฝ่าไว้
ต่างเข้าใจซึ้งไว้ในกระแส
ช่วยเหลือกันผูกพันหันมาแล
คือรักแท้ให้เกียรติมิเบียดบัง
ยามมีสุขร่วมสนองมิข้องเกี่ยว
ไม่ลดเลี้ยวเปลี่ยนไปใจแนบฝัง
เป็นหนึ่งเดียวรวมไว้ไม่ชิงชัง
มั่นคงยังซาบซึ้งตรึงตลอดกาล.
*** แก้วประเสริฐ. ***
20 เมษายน 2551 12:38 น.
แก้วประเสริฐ
** วิมานชมพู **
สุรีย์ลับหวนพรากจากสิ่งรัก
หทัยจักมอบไว้มลายสูญ
เหลือแค่หนึ่งซึ้งไว้ในอาดูร
สุดเกื้อกูนหมุนเวียนเปลี่ยนน้ำใจ
ยืนมองน้ำซาดเซาะเลาะแก่งหิน
แว่วได้ยินวิหคร้องก้องเสียงใส
ลมโชยแผ่วพัดผ่านซ่านภายใน
ก่อนเคยได้เคียงครองปองภิรมย์
เบื้องหลังภาพชมพูเข้าสู่หมอง
ช่วยหมายตรองประดิษฐ์คิดสู่สม
เป็นเรือนรักประจักษ์ไว้ในอารมณ์
เพื่อหมายชมทะเลหวานสู่รัญจวน
ด้านข้างเป็นภูผาพนาสณฑ์
ผกาหล่นเรียงรายคล้ายกำสรวล
บ้างชูช่อหอมกลิ่นโรยรินชวน
สร้างอบอวลใฝ่จินต์ถวิลนาง
เสียงวิหคโผผินยินเสียงร้อง
แผ่วทำนองสู่สมภิรมย์ขจ่าง
เสียงล่วงรินน้ำไหลในข้างทาง
แสงสว่างระยิบพรายสลายเงา
ใบหน้าหนึ่งผุดลอยคล้อยความคิด
ผ่านห้วงจิตล่วงลอยคล้อยอับเฉา
หวานระรื่นชื่นยิ้มพริ้มพักตร์เพรา
แนบทรวงเนาหวานซึ้งตรึงดวงจินต์
เหลือแค่เพียงความจำย้ำผ่านซ่าน
มองน้ำผ่านเซาะแก่งแห่งถวิล
คงเหลือไว้แต่เพียงน้ำใจกวิน
ดั่งนรินทร์สิ้นหวังบัลลังก์ทอง
เหลือบแลบ้านหลังน้อยกลอยสวาท
วิมานวาดชมพูเคียงคู่สอง
เธอมาม้วยทิ้งไว้ในเรืองรอง
เหลือเงาน้องฝากไว้ให้คะนึง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
18 เมษายน 2551 19:57 น.
แก้วประเสริฐ
** อำลาอาลัย **
สลักฤทัยฝากไว้ในห้วงจิต
เสมือนลิขิตหฤทัยให้ผ่องใส
ก่อนจากมาฟ้าผ่องลำยองใย
แสนอำไพเจิดฟ้าคราก่อนกาล
เสียงคีร์เคาะสัญญาณสั่นระริก
สำเนียงพลิกผันผวนล้วนประสาน
ต้องเรียงร้อยสูงต่ำย้ำดวงมาน
สู่ตำนานแปลถ้อยร้อยอักษรา
คือซิกแนลเก่าก่อนอันย้อนยุค
เข้าประยุกต์เป็นเสียงเยี่ยงภาษา
ถอดเป็นคำสัญญาณที่ผ่านมา
เพื่อนำพาข่าวสารผ่านผองชน
เขาเรียกว่าโทรเลขเอนกประสงค์
ผ่านดำรงตรึกตรองกรองสับสน
รวดเร็วกว่าจดหมายไม่ประปน
ใฝ่ปองระคนก้าวหน้าฟ้าอำไพ
ครั้นต่อมาโลกาวิวัฒน์เปลี่ยน
โทรพิมพ์เวียนสื่อสารผ่านสดใส
ทั้งเทเล็กซ์แพร่หลายสิ่งไฉไล
สู่เปลี่ยนไปโทรภาพฉาบเรืองรอง
รุดก้าวหน้าดาวเทียมที่เยี่ยมยุทธ์
มือถือผุดสัญญาณสรรค์สนอง
ผ่านโลกไปโทรเลขไร้คนมอง
สิ่งเคยปองเวียนวนระคนกลาย
หวนคำนึงตรึกไปย้อนในอดีต
ล้วนผันสถิตย์ผลิตเก่งเหลือหลาย
เป็นใหญ่โตมโหฬารพลันละลาย
จวบสิ้นสลายสถานเก่าเฝ้าโรยลา
สามสิบเมษานี้เป็นที่กำหนด
โทรเลขกลางหมดเวลามารักษา
เคยสื่อสารรุ่งเรืองประเทืองมา
สิ้นวาสนาสนองผองชาวไทย
น้ำตารินหยาดล่วงล้นทรวงอก
เคยวิตกสิ่งสล้างกลางสดใส
สถานที่เก่าฝากชีวิตจิตอำไพ
ผ่านวิไลสู่เกษียณจิตเวียนวน
ต่อนี้ไปโทรเลขกลางไร้ชื่อแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วสัญญาณผ่านสับสน
ประวัติศาสตร์สื่อสารผ่านผองชน
สิ้นสุดจนหมดสภาพตราบนิรันดร์.
*** แก้วประเสริฐ. ***