5 มิถุนายน 2551 20:49 น.
แก้วประเสริฐ
** ตะวันยอแสง **
สิ้นแสงสูรย์สายัณห์ตะวันลับ
นภาวับเรืองรองผ่องแดงสี
เมฆาลอยคล้อยเคลื่อนเยือนราตรี
ภาพหลากทวียามแลชะแง้มอง
แปรเปลี่ยนไปอารมณ์ภิรมย์สนอง
ดั่งครรลองชีวิตผลิตใฝ่หมอง
แลเลือนลับดับสิ่งอิงหมายปอง
ยากจะร้องเรียกหามาเพลิดเพลิน
สำเนียงคลื่นม้วนตวัดพัดหาฝั่ง
ดุจระฆังหัวใจพลิกระริกเหิร
ลอยละล่องขอบฟ้ามาปรับเกิน
เหลือสิ่งเมินฝากไว้คล้ายลมโชย
น้ำเสียงแว่วแผ่วพลิ้วปลิวสะบัด
วิวัฒน์จัดสิ่งสนองต้องระโหย
สายใยเยื้อเหลือไว้คล้ายถูกโบย
ระรื่นโรยเปล่าเปลี่ยวเสียวอุรา
ชายหาดนี้เคยเย้าเคล้าคลอคลื่น
แหวกว่ายยื่นสิ่งรักมักสั่นผวา
โอบสายน้ำสาดปลายคล้ายจินดา
แวววับตาตะวันรุ้งพุ่งพลิ้วพราย
ณ ที่เก่าเวลาเดิมเคยเสริมสร้าง
สู่อ้างว้างเปลี่ยวเปล่าเข้ามาสลาย
เหลือละอองของคลื่นระรื่นทราย
แสนเสียดายเหลือเราเฝ้าสายัณห์
แปลบหัวใจคล้ายฝันที่พลันเปลี่ยน
มิอาจเวียนเหมือนคลื่นรื่นสุขสันต์
ปรับความฝันเรืองรองสนองพลัน
แม้นตะวันผันอารมณ์มิสมหทัย
ยามสุรีย์สียอแสงแฝงสิ่งลับ
ดังจะพับความหมายสลายไฉน
เปรียบดั่งคลื่นม้วนพล่านผ่านวิไล
สรรค์สิ่งไปสายัณห์พลันรอนลา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
25 พฤษภาคม 2551 12:59 น.
แก้วประเสริฐ
** ปฐพีเทวี **
กวินตราเทวีมณีรัตน์
งามวิรัชเทพีแม่ศรีสมร
อรชรอ้อนแอ้นเน้นงามงอน
ตะลึงตอนย่างเยื้องเลื่องฤาชา
โพธิจักรอัครเรศประภัสสร
เพริศพริ้งกรพักตร์เนตรเฉดเดียงสา
มวลยาตรตรารุจิเรขเหตุนำพา
ดั่งเหิรฟ้าเสน่หามาเรืองรอง
ณ เวทีไทยแลนด์แดนยูนิเวิร์ส
รวมหญิงเพริศเลิศงามมิมีสอง
จากทั่วแคว้นปฐพีที่ฝันครอง
มุ่งละอองยอดหญิงมิ่งขวัญใจ
เบอร์สิบสามตามฤกษ์เบิกตวัด
เหล่าฝรั่งจัดเศร้าหมองมิครองใส
กลับผันพลิกกวินตราพาสิ่งวิไล
เปลี่ยนสิ่งไปในลักษณ์จากดรุณี
เพริศพริ้งแพร้วสิ่งสวยด้วยงามเลิศ
ประกายเฉิดสิ่งไสววิไลฉวี
กิริยามารยาทมาดเปรมปรีดิ์
สรรค์วจีปฏิภาณผ่านเข้าครอง
กรรมการตลึงแลแผ่ยิ้มวิจิตร
บัญญัติลิขิตพ้นทวีเทวีสนอง
ทนลำบากยากเย็นเน้นสิ่งปอง
สู่เรืองรองระยับประดับดาว
เหนือเวทีลอยเด่นดั่งเพ็ญไสว
สู่เกรียงไกรรูปลักษณ์อนุรักษ์สาว
มงกุฎหญิงมิ่งนารีที่เพริศพราว
สวมเด่นสกาวดุจเดือนเยือนราตรี
ด้วยผลบุญหนุนเนื่องประเทืองอดีต
ผลกรรมผลิตปัจจุบันพลันเฉิดฉวี
ครองความงามเลิศล้ำนำปฐพี
เทพเทวีหญิงไทยไร้เทียบครอง.
*** แก้วประเสริฐ. ***
22 พฤษภาคม 2551 11:42 น.
แก้วประเสริฐ
** ยอดหญิง **
งามพริ้งเพริศกว่าใครโลกใบนี้
ตราบเท่าที่ประสบแลพบเห็น
หวานอ่อนช้อยถ้อยคำดั่งน้ำเย็น
ช่างโดดเด่นสวยล้ำสุดกล้ำกลืน
แลเพ็ญพักตร์ประกายฉายแสงส่อง
ดั่งละอองนวลแขแม้ต้องฝืน
ยากไขว่คว้านำมาเฝ้าคลอคืน
จนยั่งยืนเคียงเคล้าเร้าวันวาร
เพียงประทับเงาไว้ในห้วงจิต
แค่ฝันคิดสุขสันต์พันประสาน
ก่อกำเนิดเลิศลักษณ์ล้ำยืนนาน
ช่วงห้วงกาลคนึงซึ้งนวลละออง
แม้นร้อยนางยากยิ่งเพียงหญิงหนึ่ง
แสนตราตรึงประทับกับสมอง
สุดเพ้อพร่ำรำพันหวั่นใจปอง
ด้วยนวลน้องมีชายใคร่คลอเคลีย
เพียงเป็นชู้ทางใจแม้นใฝ่ชั่ว
ป่วนระรัวยากฝืนคืนกลับเสีย
บั่นทอนจิตคิดสร้างหัวใจเพลีย
แสนละเหี่ยหมดแรงแฝงอาวรณ์
สะท้อนลึกตรึกไว้สู่ในอก
หวั่นระทกศีลธรรมย้ำคำสอน
ยิ่งพบเห็นดวงเนตรเฉดวิงวอน
สั่นสะท้อนอารมณ์สุดข่มใจ
โอ้ยอดหญิงสิ่งรักของข้าเอ๋ย
ยากจะเลยสิ่งปองสนองใส
ที่ฝังลึกตรึกห้วงซ่านภายใน
มาฝันใฝ่เพียงพบประสบแล
รำพึงไว้ภายในประกายซึ้ง
ผ่านตราตรึงลึกผ่านปานกระแส
โอบตวัดมัดหัวใจใคร่ดวงแด
ยากจะแผ่สิ่งสนองครองภิรมย์.
*** แก้วประเสริฐ. ***
13 พฤษภาคม 2551 20:42 น.
แก้วประเสริฐ
** ยากหยั่งถึง **
..๏ ทุกคนสุดหยั่งรู้ จิตใจ จริงแฮ
แม้แต่ทราบภายใน แม่นแท้
ยังหลากเล่ห์เฉไฉ มากยิ่ง จริงนา
สุดที่จะมอบแม้ สิ่งซึ้งตรึงหทัย ๚
..๏ ปากกับใจบ่ได้ ตรงกัน
หน้ากากที่สวมพลัน กลั่นแกล้ง
เพียงหวังสิ่งผูกพัน ขันต่อ มากนา
สร้างลบจนแห้งแล้ง ฝากลี้หนีหาย ๚
..๏ มาดแม้นจะมอบแม้ ความจริง
หวังเพื่อได้แอบอิง คู่ฟ้า
พบเล่ห์หลอกวจีสิง สอดแทรก หลงแฮ
คงพบแต่ความเหว่ว้า สู่ไว้ตรอมตรม ๚
..๏ รักลวงหลงฝากไว้ เสมอกัน จริงนอ
ใคร่มักจะผูกพัน สู่ไว้
ยากแยะแยกกระสัน ผันคู่ บ่วงแฮ
มิใคร่ครวญแล้วไซร้ บากหน้ามุดดิน ๚
..๏ สิ่งชอบพึงฝากไว้ ไตร่ตรอง ก่อนเฮย
รูปลักษณ์อย่าพึงสนอง ไขว่คว้า
ตรวจสอบสิ่งทั้งผอง ในนอก จิตแฮ
กาลต่อผองมวลหล้า แจ่มแจ้งควรสนอง ๚
..๏ ความรักสรรค์สิ่งไว้ สองคม
หวานฝากกอบสิ่งขม ซ่อนล้ำ
ผันแปรผ่านเชยชม มากเล่ห์ จริงนา
ตรองใคร่ในความย้ำ สบไว้ควรตรอง ๚
..๏ ฝากไว้เพียงใคร่ย้ำ รักลวง มากแฮ
หลงมากเปี่ยมใยยวง เกลื่อนฟ้า
ต่อหน้ากอบเป็นบ่วง จิตผูก ซ่อนแฮ
หลังลบเปลี่ยนสีหน้า พลาดพลั้งคร่ำครวญ ๚
..๏ น้ำใจยากหยั่งไว้ ใจคน
ซ่อนล่อมากสับสน สิ่งสร้าง
ผันแปรสิ่งวกวน หวังฝาก เสน่หา
วนแต่หวังเพียงสล้าง หลบหน้าสรรเสริญ.๚ะ๛
*** แก้วประเสริฐ. ***
8 พฤษภาคม 2551 13:10 น.
แก้วประเสริฐ
** ดั่งพฤกษาชาติ **
..๏ ใบไม้หวิวพลิ้วตวัด ดุจสะบัดจิตใจฉัน
แกว่งไกวฤทัยพลัน กิ่งก้านสั่นหัวใจตรม ๚ะ๛
..๏ พฤกษาชาติสอาดยิ่ง กริ่งเกรงสิ่งสุดขื่นขม
อ้างว้างทุกข์ระทม ดั่งอสุชลนภาโปรย ๚ะ๛
..๏ ใบไม้หวิวพลิ้วตวัดเหมือนมัดจิต
หวนใฝ่คิดซ่านซ่านิจจาเฉลย
สายลมแกว่งใบไม้ครั้นได้เชย
สิ่งงอกเงยดุจก้านผ่านอกตรม ๚
..๏ ยามโชยผ่านก้านกิ่งอิงแนบข้าง
เหลืออ้างว้างฝากไว้ฤทัยขม
กริ่งเกรงสิ่งไขว่คว้ามารื่นรมย์
หลังเชยชมผ่านพลิ้วระลิ่วครวญ ๚
..๏ ดั่งอสุชลนภาลัยในฟากฟ้า
ยามโปรยมาชื่นฉ่ำมิกำสรวล
หลังสิ้นหลั่งหนีพรากจากเนื้อนวล
ปั่นป่วนหวนสิ่งหอมย้อมมิลา ๚
..๏ โอ้ชีวิตใยเป็นถึงเช่นนี้
หวานที่มีซึ้งไว้ใคร่หวนหา
ดุจใบไม้ลมผ่านพลัดจากมา
ช่างเหว่ว้าลอยล่องท้องสายธาร ๚
..๏ ยากจะหวนกลับต้นจนพลั้งพราก
แสนเหนื่อยยากร่วมเรียงเคียงประสาน
สั่นพลิกพลิ้วปลิวสบัดจนลนลาน
คล้ายเหตุการณ์พฤกษาพนาไพร ๚
..๏ อ้างว้างหวนโชยกลิ่นประทินหอม
ยามดมดอมสิ้นพรากมาผลักไส
จะโน้มกิ่งเหลือก้านผ่านสิ่งใน
เหลือหัวใจชอกช้ำพร่ำสายลม. ๚ะ๛
*** แก้วประเสริฐ. ***