26 ตุลาคม 2551 15:02 น.
แก้วประเสริฐ
*** พลิ้วรัญจวน ***
สายลมแผ่วพลิ้วหวนรัญจวนหา
สู่กานดาหวั่นไหวสุดให้หมอง
หวานสำเนียงซ่านซึ้งรำพึงปอง
สิ่งเรืองรองแอบแฝงแห่งจิตเงา
สอดแทรกสิ่งอิงไว้ยากไขว่คว้า
วันเวลาเหี่ยวแห้งแฝงสิ่งเศร้า
ดูโดดเด่นเน้นอุราครามึนเมา
อยู่โลมเร้าผ่านห้วงล่วงส่งใจ
ใฝ่สำเนียงพรอดคู่พธูครวญคร่ำ
สิ่งเคยพร่ำหวานซึ้งตรึงสดใส
สุดซ่านหวิวหวั่นไหวพรั่นสู่ใน
ที่ป่วนไว้พลิ้วผ่านซ่านว้างจินต์
พล่านคำนึงเลยล่วงห้วงความคิด
สิ่งวิจิตรแสนหวนชวนใฝ่ถวิล
สำเนียงหวานถ้อยซึ้งตรึงชีวิน
มาพรากสิ้นจากไปให้อาวรณ์
สะท้อนถ้อยอรรถรสหมดจดแผ่ว
โอ้เจื่อนแจ้วน้ำเสียงเยี่ยงสังหรณ์
สร้างฝากหทัยปั่นป่วนล้วนอาทร
พลันจากจรม่านฟ้ายามคราเยือน
สวรรค์ลำเอียงฝากไว้ใคร่ให้ถอน
ขอวิงวอนผ่านฟ้าอย่ามาเฉือน
แล้วคืนกลับหวนหาที่มาเลือน
แม้นแปรเปื้อนรักไว้ยังใฝ่ปอง
ม่านเมฆหมอกปิดบังยังฝากไว้
ด้วยดวงใจหมกมุ่นกรุ่นสนอง
สิ่งหมายหวังเคียงข้างดั่งละออง
สู่แสงทองลาล่วงแห่งดวงตะวัน
ยากยิ่งนักจักคว้าสู่อ้อมกอด
สุดอ้อนออดสิ่งหวังครั้งสุขสันต์
เพียงแต่เคล้าเงารักจักนานวัน
ดุจความฝันฝากไว้ในสายลม.
*** แก้วประเสริฐ. ***
23 ตุลาคม 2551 11:51 น.
แก้วประเสริฐ
*** อนิจจังวัฏฏะสังขารา ***
ตะวันลาล่วงลับดุจดับกาล
เปรียบสังขารแปรเปลี่ยนเวียนสนอง
ยามสิ้นแล้วดีชั่วตามครรลอง
บังเกิดผองเวรกรรมเข้าซ้ำเติม
แสนเสียดายเป็นมนุษย์สุดประเสริฐ
ยามมาเกิดเพื่อสร้างทางส่งเสริม
ล้างกรรมชั่วผ่านมาหาเพิ่มเติม
ทำดีเพิ่มลบชั่วร้ายสลายมาร
ประกอบกรรมธรรมส่งดำรงจิต
หมั่นลิขิตพิจารณาฝ่าสังขาร
ที่เกิดแก่เจ็บตายคลายวิญญาณ
คอยเผาผลาญล้างดีที่สร้างมา
ด้วยโลภะโทสะและโมหะ
ตัณหาจะครอบงำย้ำสิ่งหา
เกิดจากขันธ์เวทนามานำพา
เกิดปรารถนาอนิจจังพังทลาย
ไม่หันมองสังขารอันไม่เที่ยง
กลับบ่ายเบี่ยงหลีกเร้นเด่นสลาย
หวังอำนาจบาดใหญ่จนได้กลาย
สิ่งทั้งหลายเกิดแล้วแคล้วจากลา
อันโลงศพใส่ตนยังล้นกว้าง
น้ำตาสร้างรินอาบทาบสิ่งหา
กว่าจะรู้ก็สายเสียดายเวลา
ใยใฝ่มาสู่กว้างมิสร้างธรรม
ยามสิ้นแสงเจิดจ้าเข้ามาขวาง
ความอ้างว้างหดหู่สู่สิ่งถลำ
กรรมที่สร้างเวรก่อท้อระกำ
เข้าแต่งแต้มแย้มซ้ำย่ำหัวใจ
สิ่งนำไปโลกนี้มีสามอย่าง
ที่จะสร้างแต่งเติมเสริมสดใส
คือเวรกรรมวิญญาณพลันนำไป
สู่ภพในกฎกรรมยามก่อนตาย
ความไม่แท้เที่ยงธรรมนำสังขาร
ดุจสสารผสมกันพลันแยกสลาย
หลักชีวะวิทยามาเปลี่ยนกลาย
ก็เหมือนคล้ายกรรมเวรเน้นคนทำ.
*** แก้วประเสริฐ. ***
19 ตุลาคม 2551 13:47 น.
แก้วประเสริฐ
*** ราหูอมจันทร์ **
โอ้แสงสูรย์ประดับจวนลับแสง
แขรอนแรมพลิ้วเพริศเฉิดแสงฉาย
ประกายส่องเจิดจ้าฟ้าพรรณราย
ใยประกายหมองหม่นยลแลเลือน
เสมือนหนึ่งตรึงพสุธาหาบรรเจิด
ร่าเริงเลิศกลับกลายคล้ายปาดเฉือน
ความปวดร้าวดาวรายไม่อาจเยือน
ล้วนกลาดเกลื่อนเมฆาราหูหมู่วิไล
โถแปรผันเปลี่ยนแปลงแฝงสิ่งเศร้า
แสนคลุกเคล้าแผ่นหล้าผ่านฟ้าใส
มวลแนวผองปองแผ่วสิ้นครองไป
ซ่านฤทัยใฝ่มลายสิ้นจินต์เรืองรอง
อสูรร่ายร้ายเหลิงเพลิงพิศวาส
เพลิงอำนาจฤทธามากราดสนอง
สู่พสุธาคร่ำครวญล้วนหมดปอง
สิ้นนวลทองผ่องพลิ้วปลิวดวงใจ
ดวงหฤทัยสิ้นสุดรุดความหวัง
มวลแห่งพลังหมดแล้วแนวผ่องใส
ความดำมืดครอบงำชอกย้ำกระไร
หวังยองใยหมดแล้วแผ่วหวังจินต์
ต่อไปนี้ใครเล่าสร้างเฝ้าช่วย
กลัวอำนวยล้างอสูรสูญหมดสิ้น
คอยเกาะกินเล็มแขแปรดวงจินต์
กามฉันท์รินสู่สนองครองวุ่นวาย
ความผิดชอบชั่วดีนี้แสนสิ้น
เหลือแผ่นดินหมองคล้ำย้ำสลาย
ความผุดผ่องแสงยวนนวลใจกาย
เปลี่ยนละลายหมายผดุงกรุงวิไล
ได้แต่หวังเคาะไม้เพื่อใคร่สนอง
หวังราหูครองจันทร์หวั่นสั่นไหว
สวรรค์ป่วนล้วนพลิกฝันผันอำไพ
สูญสิ้นไปสลายความหวังยังพสุธา.
*** แก้วประเสริฐ. ***
13 ตุลาคม 2551 16:07 น.
แก้วประเสริฐ
*** ดำ ขาว ดำ **
สวยความงามเป็นหญิงอิงใบหน้า
สร้างกริยาท่าทางขวางเหยียดหยาม
หมายตัวเด่นเปรียบหงส์ส่งยวนลาม
จิตใจทรามเล่ห์เหลี่ยมเปี่ยมลวดลาย
หากเป็นชายร่างกายใฝ่ความหล่อ
หลงตัวหนอเกินสิ่งหยิ่งจนฉาย
เหลิงรูปร่างฝากชั่วมั่วมากมาย
เพทุบายป้อนเหยื่อเพื่อฝากกาม
ทุกหยดหยาดซาบซึ้งตรึงชายหญิง
เปรียบดั่งปลิงสูบเลือดเชือดน่าขาม
หวังผันเปลี่ยนชีวิตผลิตกรรมตาม
สุดงดงามมลายสิ้นจินต์คร่ำครวญ
อันดำขาวผิวพรรณนั้นใช่เหตุ
สร้างจากเจตจำนงปลงสิ่งหวน
มิหมายมั่นลักขณานำพาชวน
ทิ้งปั่นป่วนเสียสิ้นถวิลจินต์ดี
มีศักดิ์ศรีสงวนตัวยากชั่วนัก
ด้วยประจักษ์ความดีที่เกษมศรี
ประกอบตัวฝันใฝ่ในทุกกรณีย์
สร้างชีวีเพิ่มพูนหนุนด้วยธรรม
หากเป็นหญิงแม้นดำก็ล้ำเลิศ
แสนประเสริฐกุลสตรีงามขำ
ทำหน้าที่แม่บ้านสร้างสิ่งทำ
เข้าน้อมนำสามีพร้อมพลีใจ
แม้นเป็นชายใจงามนำมาสร้าง
ไม่กีดขวางวางสิ่งแสนอิงใส
ช่วยประกอบกิจการผ่านวิไล
มุ่งหาให้ครอบครัวมิกลัวเกรง
รักปรองดองปรึกษาใฝ่หาคิด
สิ่งใดผิดให้อภัยไม่เอกเขนง
ความรักชอบชั่วดีหนีอลเวง
ปราศอวดเก่งเงียบลงปลงฤดี
ดำหรือขาวความสวยด้วยใจสนอง
ตามครรลองความดีที่ศักดิ์ศรี
บ้านอบอุ่นหนุนฤทัยในเปรมปรีดิ์
ครอบครัวนี้มีสุขปราศทุกข์เอย.
*** แก้วประเสริฐ. ***
10 ตุลาคม 2551 13:57 น.
แก้วประเสริฐ
*** สิ้นหวัง ***
น้ำตารินหมดหวังหลังฝนล่วง
สิ่งที่หวงกลับกลายมลายสิ้น
ฟ้าเคยหยาดลบล้างทั้งธรณิน
เคยฝากถวิลสิ้นหวังฝังหฤทัย
ฝันที่เคยโลกนี้พลีความหวัง
หมดแล้วพลังหายวับลับสู่สลาย
ยุติธรรมหมดแล้วแผ่วกลับกลาย
แปรผันคลายพวกมากลากนำพา
ไร้ขอบเขตเคยหวังเวิ้งว้างจิต
ล้วนประดิษฐ์สิ่งใหม่ให้หรรษา
ต่ำกลายสูงอ้างขาวเฝ้าพรรณนา
ไพรพฤกษาห่อเหี่ยวเหนี่ยวน้ำใจ
รากหญ้าเน่าน้ำหล่อพอเลี้ยงชีพ
ต้องถูกบีบย่อยยับเพื่อขับไส
ดุจชนชั้นขี้ข้าเปรียบว่าจัญไร
อย่าเหนือไว้ก้มหน้าพาซ้ำเติม
อันระบอบปกครองหมองสูญสิ้น
ทั่วแผ่นดินแบ่งแยกแตกสุดเหิม
ด้วยอำนาจบาดใหญ่ได้เหิมเกริม
ก็จะเพิ่มสร้างสนองครองดินแดน
ประวัติศาสน์ย้อนกลับนับแต่นี้
อย่าหมายที่รวมเหล่าเฝ้ายากแสน
หวังแต่เฝ้าคงปองครองเมืองแมน
รวมแว่นแคว้นดุจเก่าแสนเศร้าใจ
ต่อนี้ไปชาติใดหมายแลเหลียว
สู่คดเคี้ยวเหลือแสนแดนสดใส
เศรษฐกิจพังพินาศปราศอำไพ
ความวิไลยิ้มสยามยากยามมอง
สมานฉันท์นั้นมีไว้ในพวกหมู่
พึงหมายอยู่อำนาจวาดสิ่งของ
เพื่อมุ่งมั่นสรรค์ไว้ในสิ่งปอง
น้ำตานองทั่วแคว้นแผ่นดินไทย.
*** แก้วประเสริฐ. ***