28 มิถุนายน 2552 00:44 น.
แก้วประเสริฐ
*** เขากระโจม ***
นึกถึงวันเวลาพาใจสั่น
ยิ่งใกล้วันรำพึงคำนึงหวน
โอ้ทิวทัศน์รัญจวนล้วนชักชวน
แสนปั่นป่วนกายเราซิเศร้าหทัย
มองภาพถ่ายลำธารอันเลอเลิศ
งามพริ้งเพริศซาบซ่านผ่านสดใส
สู่แนวโค้งผ่านทางกลางพฤกษ์ไพร
พล่านไฉไลกลิ่นผกาฝากมาเปรย
ธารน้ำตกนามเคล้าเก้ากระโจน
คงต้องโหนเถาวัลย์สั่นพรั่นเฉลย
หกบวกสามงามแน่แม่ทรามเชย
ยากผ่านเฉยตกธารซ่านเยือกเย็น
ลดเลี้ยวเลาะล่องลอยพลอยหลงใหล
ท่องเที่ยวไปสายน้ำตามความเห็น
หรือมีฝนพร่างพรายคล้ายลำเค็ญ
ผ่านสิ่งเป็นที่สนานสราญซ่านฤดี
อีกสะพานแกว่งไกวสายลมโบก
แล้วไหวโยกเย้เย้าเคล้ามารศรี
เบื้องล่างนั้นผ่านผาซาบซ่านดี
สุดเปรมปรีดิ์ทัศนามาเพลิดเพลิน
ฟังเขาว่าเที่ยวป่าผ่านพนาสณฑ์
พฤกษาล้นพืชพันธ์ขาสั่นเขิน
เรานั้นเฒ่าเหนุ่มสาวเขาคงเมิน
เป็นส่วนเกินฝากไว้ให้ติดตาม
ยิ่งมองสิ่งภาพต่างสร้างพลังจิต
ธรรมชาติคิดฝากฝังรั้งเกรงขาม
เขาวิหารผ่านเขมรเป็นลือนาม
ร่างกายยามหมายเด่นเน้นธงชัย
แต่เป็นอดีตกาลเก่าเจ้าข้าเอ๋ย
หลายปีเลยมาแล้วแผ่วสงสัย
หกสิบเจ็ดล่วงมาพาแกว่งไกว
โอ้ช่างไสวเลิศพราวเขากระโจม.
*** แก้วประเสริฐ. ***
23 มิถุนายน 2552 17:12 น.
แก้วประเสริฐ
*** สงสารรัก ***
มอบความรักถูกหักด้วยหัวเข่า
รู้หรือเปล่าใจฉันใครนั้นเหมือน
หวานเคยซึ้งตรึงฤดีหนีลับเลือน
สิ่งแปดเปื้อนปวดร้าวเศร้าเหลือเกิน
นี่นะหรือปากคนปนคำหวาน
ช่างแสนซ่านดวงกมลจนเกิดเขิน
ทุ่มทุกอย่างวางใจกรายทางเดิน
ทั้งแสนเพลินสิ้นแล้วแนวคิดจำ
ถูกปล่อยเหงาวิปโยคโศกซึ้ง
สิ่งตราตรึงในครั้งยังแทบขำ
ผ่านพบเจอเธอร้องพร่ำงึมงำ
โอ้บอกร่ำรักเสมอเธอผู้เดียว
แต่มาแล้วกลับคลายหายไปลับ
มิหวนกลับคอยไปจนใจเฉลียว
ผ่านเดือนปีกี่ครั้งดังป่านเกลียว
ช่างคดเคี้ยวหลบหลีกดังปีกมาร
คิดถึงฉันบ้างไหมยามได้รัก
ฤาประจักษ์เพียงชมสายลมผ่าน
ฝันวาบหวามปลิวหายสลายกาล
ฝากความซ่านเคยพร่ำป่วนร่ำฤดี
มันเป็นความผูกพันกระสันแรก
กลับมาแยกหักกลางระหว่างฉวี
ไหนบอกพร่ำสวยนักรักปานชีวี
ผ่านเปรมปรีดิ์กลับมล้างห่างไป
สงสารรักครั้งแรกแบกสิ่งฝัน
ความผูกพันมั่นคงอยู่ตรงไหน
บอกฉันหน่อยที่รักยามจากไกล
เสน่ห์อาลัยเหลือบ้างสร้างยังดี
ฉันมองฟ้าที่หม่นปนความเศร้า
มันโรมเร้าห้วงใจอายศักดิ์ศรี
นี่แหละหนาสิ่งหวานซ่านฤดี
เขาเปลี่ยนสีลึกล้ำพร่ำข้างใน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
20 มิถุนายน 2552 18:09 น.
แก้วประเสริฐ
*** ควันธูปแสงเทียน ***
๏นมัสการยกนอบน้อม พุทธา
สองกรแนบวันทา กราบก้ม
ธรรมะที่แสดงมา ซึ้งซ่าน กมลแฮ
พ้นสิ่งกิเลสโน้ม ฝากไว้ดวงใจ ฯ
ภาวนาให้หลุดพ้น หลักพัน ผูกแฮ
หวังสู่มิขาดกัน เจิดจ้า
รวมเป็นหนึ่งจิตพลัน สรรค์สู่ ธรรมเฮย
เพียรก่อจิตปราศล้า มุ่งไว้คำสอน ฯ
พุทธะองค์มอบไว้ ทุกตอน
เห็นทุกข์เกิดลิดรอน ใฝ่รู้
อริยสัจสี่นำสอน พ้นสิ่ง เกิดแฮ
ขาดต่อวัฏฏะผู้ จัดสร้างเสกสรร ฯ
วิปัสสนาสู่น้อม ฝึกฝน มากนา
พิศเพ่งกายาจน สู่สล้าง
ตัดรอนต่อเปรอะปน ฝังอยู่ ใจเฮย
หนีจากกิเลสสร้าง ซ่อนไว้ลึกหทัย ฯ
จิตเจตสิกย่อมสร้าง เกิดดับ
เวรย่อมเข้าประดับ อ่อนล้า
จนหมกมุ่นติดกับ นำก่อ กรรมแฮ
ดุจดังมีดคมกล้า ขาดแล้วซึ่งคม ฯ
หากเพียรฝึกหลีกพ้น ทุกข์ภัย หนีนา
สุขย่อมเข้าอาศัย สุดพลิ้ว
เกิดมิก่อปราชัย ยวนยั่ว มากนา
ล้างลบกิเลสกริ้ว ผูกขึ้นจองเวร ฯ
อย่าหักโหมเร่งซึ้ง ฉับพลัน
จงหมั่นคอยเสกสรร สู่ไว้
เพียรจิตก่อทุกวาร ผันสู่ ธรรมเฮย
หากเร่งรัดแล้วไซร้ ย่อมสิ้นทางหนี ฯ
พระองค์ตรัสเทิดไว้ จงเพียร มากแฮ
พิศต่อกายหมุนเวียน เปลี่ยนแล้ว
ควันธูปล่องดังเทียน แสงส่อง ไหวเฮย
กายย่อมวางเพริศแพร้ว ลบล้างสิ่งสนอง ๚ะ๛
*** แก้วประเสริฐ. ***
18 มิถุนายน 2552 22:38 น.
แก้วประเสริฐ
*** สิ้นสำเนียงขับเสภา ***
เอยฮะเอ่อเอิ่งเอ้ยฮะเออเอย
จากสำเนียงเสียงขานหวานเสนาะ
สิ้นเสียแล้วทำนองคล้องไพเราะ
พลิกกลับเคาะดวงใจยามได้ยิน
ชายคนหนึ่งพรสวรรค์ที่สรรค์สร้าง
กลับลับร้างจากไปจนไกลสิ้น
เจ็ดสิบหกวารขยับลับโรยริน
สลายชีวินฝากไว้ในพสุธา
เพลงเห่เรือชลมารคเจ้าพระยา
พยุหะตราคงเหงายากเฝ้าหา
มาทดแทนสำเนียงเยี่ยงคนลา
สิบหกมิถุนามาร้างมลาย
จะหาใครใดเล่ามาเห่กล่อม
ที่เข้าย้อมดวงใจคนทั้งหลาย
เหมือนครูแจ้งคล้ายสีทองยากราย
เรือมากมายต่างเฝ้าเคล้าน้ำตา
อีกขุนแผนนิราศต่างสร้างเสนาะ
หวานไพเราะเสภายากเสาะหา
ด้วยสำเนียงเสียงหวานสุดพรรณนา
เหมือนจะลาตามคนที่ปรนเปรอ
ดาวแห่งฟ้าล่วงลับดับเสียแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วลั่นร้องผ่านก้องเสมอ
ท้องสายธารขับกล่อมยากย้อมเจอ
อ่อนพลิ้วเสมอขับขานสุดซ่านจินต์
ต่อนี้ไปใครเล่ามาเฝ้าสนอง
เข้ากลั่นกรองเสภาใฝ่หาถวิล
ฝากสำเนียงหวานแจ้วแนวแผ่นดิน
ยากยลยินซ่านซึ้งผ่านตรึงกมล
โอ้สิ้นแล้วเสภาเจ้าข้าเอ๋ย
ที่จะเอ่ยขับขานสุดซ่านฉงน
ชัดเจนถ้อยร้อยรัดมัดใจคน
ไพเราะจนลือลั่นสนั่นโลกา
ศิลปินแจ้งแห่งชาติประกาศไว้
หวานซึ้งในท่วงท่ามาใฝ่หา
ยามขับร้องคลายกลับขยับกายา
เป็นท่วงท่าสุดท้ายในพยุหะตรา
สำเนียงซ่านผ่านนรินทร์ชาวต่างชาติ
ยามประพาสชลมารคให้โหยหา
ลือเรืองลั่นสนั่นท้องผองธารา
ขอบูชาครูแจ้งคล้ายสีทอง.
(หากท่านที่ผ่านมาอ่านและสามารถขับ
เสภาได้ก็ควรขับร้องตามทำนองเสภาด้วย
ก็จะบังเกิดความซาบซึ้ง ข้าพเจ้าเขียนไว้
ในแนวทำนองเสภาเพื่อครูแจ้งโดยเฉพาะ
โดยอาศัยกลอนแปดของบรมครูสุนทรภู่
ส่วนภาพคุณครูแจ้งนั้น ข้าพเจ้าขอใช้ภาพของ
คุณ อรุโณทัย ประกอบด้วยหาภาพยากครับ
ผิดพลาดประการใดขอน้อมรับทุกประการ)
*** แก้วประเสริฐ. ***
17 มิถุนายน 2552 19:26 น.
แก้วประเสริฐ
*** รักแค่ฝัน ***
สุดไขว่คว้าบรรเลงเพลงแห่งรัก
แสนยากนักคำนึงรำพึงสนอง
โอ้กาลนั้นเลิศยิ่งสร้างสิ่งปอง
เคยเรืองรองมธุรสจรดตราตรึง
วันคืนจรผ่านไปใยซาบซ่าน
ดวงใจพล่านล้ำหวานผ่านสุดซึ้ง
กลิ่นปทุมมาศเบ่งบานครั้นคำนึง
หอมหวานพึ่งเกสรน้อยคอยถวัลย์
ภมรเจ้าบินล้อมขาวที่พราวสล้าง
มุ่งสรรค์สร้างหวังสิ่งอิงเสพย์สันต์
รัญจวนจิตพิชิตคนึงตลึงอนันต์
ระริกกลั่นหอมผวาผกาลำพอง
สู่อิงแอบสรวงสวรรค์มิพรั่นจิต
รสหวานสนิทติดซึ้งรำพึงสนอง
คลุกเคล้าชมเกสรร่อนคะนอง
แนบอิงสองมิอาจขาดจากกัน
หิมะขาวละลายมิคลายเคลื่อน
ปราศบิดเบือนหนีห่างร้างถวัลย์
สนานสนุกปลุกเกษมเปรมลาวัณย์
งามพริ้งอนันต์สุดห้วงแห่งดวงใจ
ภมรเล่าเฝ้าคลอร่วมสวมมิพราก
มิอาจจากหอมหวนชวนสดใส
เคล้าเกสรจนแยกแตกห่างไกล
พลิ้วฝากไว้ปลิวล่องต้องสายลม
เกสรสลายขยายกลีบประทุมมาศ
ที่ดารดาษเกษมศานต์ผ่านสุขสม
สู่เพริศแพร้วแนวสนุกปลุกภิรมย์
สุดซ่านพรมเสพย์สุขปลุกรัญจวน
งามวิจิตรติดตรึงสราญผ่านฝัน
อเนกอนันต์กาลลับมิกลับหวน
บ่มความรักฝากไว้ยากใครชวน
อกปั่นป่วนความหลังครั้งเยาว์วัย.
*** แก้วประเสริฐ. ***