16 พฤศจิกายน 2555 14:39 น.
แก้วประเสริฐ
** แปดฤาไฉน.......แก้วประเสริฐ.**
บูรพาจารย์จารึกตรึกอักษร
หากเล่นกลอนแปดนั้นอันสดใส
อักษราอ่อนพลิ้วลอยลิ่วไป
สัมผัสในนอกไว้ควรใส่กัน
จะมีบ้างบางคำย้ำหลีกเลี่ยง
ทำนองเสียงบังคับนับเสกสรร
คำกล้ำเกินระวังไว้ไม่ผูกพัน
ควรสร้างจารให้เกิดเลิศไฉไล
ฉันท์ลักษณ์หมั่นจำพร่ำมิขาด
ด้วยแบ่งบาทเป็นสี่นี้เฉิดไสว
วรรคที่หนึ่งเรียกสลับประดับไป
คำสุดท้ายสามัญเน้นเต้นจดจำ
วรรคที่สองรองรับท้ายบทแรก
นิยมแจกจัตวาอย่ามาขำ
ห้ามโทตรีสามัญนั้นผูกนำ
อีกมีรูปวรรณยุกต์พร่ำย้ำแจง
หากเขาใช้เสียงตรีนี้เป็นไฉน
ด้วยเหตุได้กลอนส่งบรรจงแฝง
จำต้องปองสนองไว้ให้พลิกแพลง
กลอนมีแรงได้ไพเราะเจาะอารมณ์
วรรคที่สามกลอนรองต้องค้นพบ
จงบรรจบเสียงสามัญครั้นเสพย์สม
ห้ามจัตวาวรรณยุกต์รูปเชยชม
คำตายบ่มเสียงตรีรับกลับมา
วรรคที่สี่กลอนส่งบรรจงสอย
นิยมร้อยสามัญเสียงหรรษา
เว้นคำตายวรรณยุกต์รูปผูกพา
เสียงตรีหนาก็ได้ไม่เป็นไร
สัมผัสนอกในควรมิแอบแฝง
ซึ่งเป็นแหล่งไพเราะเพราะสดใส
จะไหวหวิวพลิ้วเพริศสู่เกรียงไกร
เฉิดไฉไลดังนี้ที่ควรมอง
สัมผัสนอกคำท้ายกลอนได้ส่ง
แล้ววางตรงสองสามสี่ที่วรรคสอง
หรือห้าหกเจ็ดได้ให้ทำนอง
แต่ควรต้องคำสามตามตำรา
สัมผัสในโลมเรียงเคียงห้าเจ็ด
หรือเบ็ดเสร็จสามสี่ก็ดีหนา
หากไม่มีก็ได้ไม่นำพา
เพียงแต่ว่ากระด้างมิสร้างจินต์
อักษรสูงเสียงสูงผดุงจิต
สิบเอ็ดคำนำประดิษฐ์ให้ถวิล
อักษรกลางวางเก้าเฝ้ากวิน
นอกนั้นสิ้นต่ำหมดจรดกาล
กลอนแปดแปดคำพริ้งระวิงแว่ว
จะเพริศแพร้วอย่างไรให้ประสาน
จิตอารมณ์ผสมผสานผ่านเนิ่นนาน
อักษรนั้นสรรค์หาจะพาเพลิน.
*** แก้วประเสริฐ. ***
14 พฤศจิกายน 2555 15:10 น.
แก้วประเสริฐ
* รักเผื่อเลือก *
ฉันมีรักหลายครั้งเพื่อหวังเลือก
มิได้เถือกแถไถในปัญหา
รักแรกนั้นหวานย้ำล้ำรจนา
รักสองมาสวยงามพร่ำวิไล
รักที่สามงามจิตพินิจหมาย
ฉันแทบตายเรี่ยวแรงแข่งสดใส
จนอ่อนเพลียหดหู่อดสูใจ
ด้วยเหตุไฉนยังหวังรั้งพธูงาม
อันแรกรักมักหวานปานน้ำผึ้ง
มิได้คำนึงหน้าหลังยั้งเกรงขาม
พอนานเข้าเห็นหน้ามักว่าความ
โอ้นงรามเหตุใดมิคล้ายคน
ใบหน้าสวยด้วยงามตามศักดิ์ศรี
แต่ปากนี้จัดจ้านผ่านสับสน
คนที่สองปากร้ายใจดีปน
แต่หน้ามลการบ้านมิผ่านเลย
พอเบื่อแล้วเลือกไปได้คนสาม
ใบหน้างามสิวเสี้ยนมันเลี่ยนเผย
จูบไม่ลงปลงใจเพราะได้เคย
ดุจดังเสวยม่วงเน่าเผาใจจินต์
มองหางตาวางไว้ในที่ตั้ง
สองตายังซ้ายขวามองหาถวิล
มาร่วมเรียงเคียงคู่สู่ชีวิน
น้ำตาสามล่วงรินปิ่มขาดใจ
คนที่สี่หันซ้ายย้ายทางขวา
แม่กานดาดั่งเสือเมื่อสดใส
มือถือดาบและปืนยื่นฝากไป
โอ้ยแทบตายเผ่นหนียาหยีตาม
มองซิมองหดหู่ยอดพธูแล้ว
ขอลาแจ้วกลับบ้านผ่านเหยียดหยาม
เมียสามคนถือไม้ไล่คุกคาม
ทั้งประนามจึงบวชสวดโลกีย์
ฉันนี้หามิได้ใฝ่เจ้าชู้
ด้วยอดสูดูหมิ่นหยามศักดิ์ศรี
เที่ยวค้นคว้าหาใหม่ไม่ใยดี
แต่ใจนี้หวังหนึ่งที่พึงครอง.
* แก้วประเสริฐ.*
6 พฤศจิกายน 2555 13:51 น.
แก้วประเสริฐ
* เจ็ดราศี *
วันอาทิตย์ใจจิตง่าย ทำบุญใครไฟตกน้ำ
สร้างสิ่งอิงระกำ เหมือนตอกย้ำตะปูโลง
วันจันทร์นั้นเสน่หา นึกแก้วตามาเป็นโขยง
ชายหญิงอัศจรรย์โยง ช่างปลอดโปร่งในมรรคา
วันอังคารผ่านเจ้าชู้ เปิดประตูสู่ไขว่หา
ไม่กลัวสิ่งตามมา ทั้งรบราและฆ่าฟัน
วันพุธกุดหัวท้าย ทำสิ่งไรมักเหหัน
เวรกรรมนำสิ่งพลัน ราหูนั้นสรรอับจน
วันพฤหัสจัดเป็นปราชญ์ รอบรู้ศาสตร์ทุกแห่งหน
นิ่งขรึมประพฤติตน ชอบเป็นคนไม่โวยวาย
วันศุกร์สุขใจยิ่ง ได้ทุกสิ่งมิขนขวาย
ขี้เกียจจนวอดวาย พอจะตายให้ทำงาน
วันเสาร์เผาทุกสิ่ง นักเลงจริงใจจิตซ่านส์
ทุกอย่างขวางรำคาญ ต้องพลิกผันดันตนเอง.
* แก้วประเสริฐ.*
5 พฤศจิกายน 2555 17:15 น.
แก้วประเสริฐ
* แม่ฟ้าหลวง *
ศิระเกล้าน้อมประนตกร ธ อมรแด่แม่ฟ้าหลวง
พระบุกเบิกหัตถศิลป์จินต์ปวง วรล่วงสู่ถิ่นเขตคาม
ดุจคุณครูอบรมสอน ประชากรแห่งชาวสยาม
พระโสทกอุทกตาม พระมิคร้ามถิ่นแดนไกล
หัตถกรรมบางไทรอยุธเยศ ธ เลื่องเขตต่างแคว้นแดนสมัย
ทรงสอนสั่งวิชาผ้าไหมไทย งามไฉไลทั่วฟ้าธานี
พระแนะสั่งยังพฤกษา ชาวประชาปลูกป่าขมันขมี
อีกแหล่งน้ำป้องภัยย่ำยี ใต้ธุลีเบิกบานสราญหทัย
อีกภัยไข้เจ็บพระมิท้อ ธ ทรงก่อแนวทางไสว
อนามัยสู่ถิ่นแดนไกล พระทรงชัยจัดวางอย่างถาวร
ทรงประสาทหัตศิลป์ แนะนำจินต์ไพร่ฟ้าสโมสร
พระมิย่อจัดไว้ทุกขั้นตอน ดุจครูสอนจงทรงพระเจริญ.
* แก้วประเสริฐ.*
30 ตุลาคม 2555 16:06 น.
แก้วประเสริฐ
* รำพึง *
สิ่งเอื้อยากห่มเนื้อ.........ฝากกาย
ทิวาผ่านห้วงใน..............ซ่อนไว้
วิเวกแว่วนกพราย...........ขับสู่
รัตติกาลลูบไล้................กลิ่นเจ้ากำจายฯ
มืดคลึ้มสลับผ่องแผ้ว......นวลจาง
จันทร์ประดับลับวาง.... ....จากห้วง
มหรรณพวับแววพลาง......ก่อไสว
ป่านฉะนี้ยากล้วง...............มณีคว้ามาครองฯ
บุปผาส่งกลิ่นพลิ้ว.............กำจาย
อุตพิศห่มค้างกาย...............คละคลุ้ง
หยดมณีหยาดพลิกคาย.....ใบก่อ
หล่นสู่หล้าเคว้งฟุ้ง.............ห่มเจ้าดวงสมรฯ
หนาวในหุ้มห่อไว้..............ปลายฝน
แต่กลิ่นเคล้าปะปน............อวลเนื้อ
ยากสุดที่นฤมล...................ผันสู่
ผองยากชวนก่อเกื้อ...........ไขว่คว้าเดียวดายฯ
อุทุมพรสลับแล้ว................เบิ่งมาลย์
ทิวารัตติกาล........................ลบแพร้ว
ผ่องพิศจวบเนิ่นนาน............ลาก่อ
ใยป่วนห้วงใจแคล้ว..............สูญสิ้นไห่ครองฯ
โบราณเอ่ยสร้างไว้.............นารี
ดุจดั่งสองคมมี......................สลับแล้ว
หนึ่งใฝ่รักนวลฉวี..................ยากสู่
สองปองไว้ให้แพร้ว..............อวดอ้างนพคุณฯ
เรียงเรียงไว้ไป่คว้า..............เมินชม
แสร้งเสไว้ก่อปม...................เพริดพลิ้ว
ดั่งยาบ่มขื่นขม......................ฝากสู่
แม้นมาดนารีกริ้ว...................ล่วงไว้ใจหวังฯ
มองผองให้นึกไว้..............รายเรียง
อ้อนสุดไว้จะเคียง...............แนบเนื้อ
แม้นจะเปล่งสุดเสียง..........ยากก่อ
ลี้ลับกลับจันทร์เอื้อ..............หนีเร้นเผ่นครอง.
* แก้วประเสริฐ.*