23 มกราคม 2553 13:23 น.
แก้วประเสริฐ
โธ่ๆรักหนอรัก
ความรักเอยมากมายหลากหลายชนิด
หากมาคิดตรองดูอดสูหลาย
มีทั้งรักไม่รักมักกลับกลาย
ทุรนทุรายหวนไห้อาดูร
สูญเสียเนื้อยังมิเท่าเฝ้ารัก
ที่ประจักษ์ก่อไว้คล้ายรักสูญ
เหลือแต่ความชอกช้ำยากค้ำจุน
เกื้อการุนเท่าไหร่ก็ไม่พอ
เปรียบน้ำผึ้งยาพิษสถิตเนื้อ
ยามจุนเจือขาดไปมักได้ขอ
จนตัวเรายากจนทนตัวงอ
ก็เกิดก่อพิโรธโลดลิ่วไป
แสนเสียดายนวลนางงามยิ่งนัก
ยามหอมจักเชิดชูเอ็นดูไสว
คล้ายสิ่งยวนยิ่งนักมักแกว่งไกว
กระจายไปทั่วแคว้นแสนระอา
ยามอยู่เรือนเอาใจให้ไหลหลง
ช่วยจำนงใส่ใจแล้วไขว่หา
พอละเรือนเหมือนสิ้นจินตนา
หล่อนก็มาคบชู้สู่ใจชาย
ต่อหน้าหนึ่งหลังหนึ่งพึงประจักษ์
มากหน้านักหลากหลายล้วนใฝ่หา
สองสามสี่ไม่พอของกัลยา
นี่แหละหนาว่ารักมักหลอกลวง
บ้างก็ดีเหลือดีแสนที่กล่าว
แต่ชายเจ้าระยำทำเป็นห่วง
เจ้าชู้ประตูดินจนสิ้นกลวง
ว่าทั้งปวงหมั่นไส้ไม่เคียงครอง
อันชายชั่วหญิงชั่วมั่วรสรัก
ก็จะมักอยู่นานผ่านสิ่งสนอง
เล่นกามเกมกลเปรอะเลอะคะนอง
พอผ่านต้องเวลาทำมาอาย
นี่แค่เขียนพักผ่อนสะท้อนจิต
ที่ยามคิดคนเขาเฝ้าหลากหลาย
ว่ารักเอ๋ยเคยรักมักกลับกลาย
มีมากมายยากกล่าวเศร้าอารมณ์
** แก้วประเสริฐ. **
20 มกราคม 2553 20:48 น.
แก้วประเสริฐ
แม่ชีน้อย
สัมมาสัมพุทธะ พุทธวัจนะที่บรรเจิด
มวลธรรมอันล้ำเลิศ ก็บังเกิดธสันดาน
มนุษย์สัตว์แลน้อยใหญ่ รำลึกไปวัฏฏะสาร
ก่อเกิดความพิสดาร กมลมาลย์ก็อ่อนล้า
มุ่งมั่นในธารธรรม ก็เลิศล้ำสุดพรรณนา
ดั่งเด็กไร้เดียงสา เพาะปัญญาแด่เยาว์วัย
ท่องบ่นธรรมพลิกกาย ก็ซึ้งไสวมวลอาศัย
ดินแดนแห่งวิไล สิ่งไฉไลเข้าครอบงำ
ตัดกิเลสทางโลก เข้าบริโภคสิ่งเลิศล้ำ
โลภะโทสะนำ โมหะย้ำจนผิดทาง
สิ้นแล้วในทางก่อ สิ่งลวงล่อมิอาจขวาง
มุ่งมั่นกิเลสจาง เข้าสะสางซึ่งปัญหา
เข้าสู่สาวิกา เป็นสิกขาลัยวาสนา
สำนักชีเมตตา พุทธศาสนาก็ชื่นบาน
มุ่งมั่นในทางธรรม ปัญญาล้ำก็หฤหรรษ์
ตัดแล้วกิเลสพลัน ด้วยจิตมั่นแม้เยาว์วัย
สร้างสรรค์พุทธศาสน์ ผ้าขาวสอาดบ่งบอกไว้
ครองจิตอันวิไล มิให้สลายปัญญาเกิด
ตรวจสอบแล้วละวาง มุ่งลดล้างกายงามเลิศ
ลดเลิกสิ่งบรรเจิด หวังกำเนิดทางนิพพาน
อริยสัจจ์สี่สร้าง เป็นหนทางแห่งสืบสาน
หฤทัยก็เบิกบาน เข้าประสานแห่งปัญญา
รอบรู้กิเลสทุกข์ ที่คอยปลุกแห่งกายา
ลิดรอนสิ่งกังขา พบทางหาเข้ามาขยาย
มรรคแปดชี้บ่งบอก ที่ล่อหลอกให้กระจาย
ลบล้างให้สิ้นสลาย ศีลลูบไล้ด้วยกฎเกณฑ์
สมาธิเข้าวางละ สร้างพุทธะแห่งปัญญา
ก็ลบกิเลสหนา เข้ามรรคาโสดาบัน
ทุกสิ่งวางข้างหลัง ก็เกิดพลังแห่งฌานนั้น
ล่วงลุกายาพลัน ที่แบ่งปันทุกข์ทั้งผอง
ล่วงสู่อนาคามี บานเต็มที่ปัญญาครอง
โลกุตระหมายปอง อรหันต์สนองสิ้นสุดทาง.
** แก้วประเสริฐ. **
20 มกราคม 2553 12:22 น.
แก้วประเสริฐ
น้ำเอ๋ยน้ำใจ.
เปรียบใจคล้ายเรือ บางครั้งเหมือนเสือ
โลดแล่นตามทาง
วกวนเวียนว่าย ร่อนเร่สับส่าย
ฟุ้งซ่านอ้างว้าง
บางครั้งตาขวาง สอดส่ายจับวาง
ดุดันโลดลิ่ว
ดุจดั่งขาดใบ สายลมพัดไป
ระเห็จจนปลิว
ดั่งน้ำใจคน คลุกเคล้าปะปน
จนเกิดความกริ้ว
เผ่นโผนละลิ่ว หน้าย่นเป็นริ้ว
ก่อเรื่องใหญ่โต.
บางคนมักอวดโอ้ เกินตัว จริงนา
ชอบข่มคนระอา แน่แท้
ดั่งเสือชอบเสาะหา เรื่องก่อ มากเฮย
เห็นดุจกวางอ่อนแล้ อวดอ้างข่มเหง ฯ
บัณฑิตย่อมหลีกเร้น คนพาล
เกิดก่อการสืบสาน สิ่งรู้
คนพาลมักประจาน คนอื่น ชอบแฮ
พอจับทำคุดคู้ ซ่อนหน้าหนีอาย ฯ
อนิจจังย่อมมากล้น เปลี่ยนแปร ยิ่งนา
เร้นหลีกหนีบาดแผล ต่อสู้
แฝงไว้ดั่งเสียงแตร บอกกล่าว เล่าเฮย
ปรับเปลี่ยนสิ่งรับรู้ ก่อตั้งหลีกพาล ฯ
ฉันท์ใดคนมากรู้ อ่อนแอ
พบสิ่งย่อมผันแปร เปลี่ยนสร้าง
คนพาลดั่งกระแส ไหลเชี่ยว ชลธี
ชอบก่อเรื่องแฝงสล้าง พลิกไว้คนเกรง.
** แก้วประเสริฐ. **
19 มกราคม 2553 15:14 น.
แก้วประเสริฐ
รำพึงฝัน
จะรจนาถ้อยคำรำพันซึ้ง
สุดตราตรึงซ่อนเร้นปมเน้นฝัน
อวลหวานยลลิ้นซ่านเคล้าผ่านกาล
กลิ่นหอมพล่านคลุกไว้ฝากในทรวง
จะเด็ดทิ้งก็หวงล้ำล่วงลึก
ซึ่งตกผลึกดุจแก้ววาวแววสรวง
กลิ่นหอมหวลทอทาบเข้าฉาบดวง
ร้อยเป็นพวงกรอบฉ่ำเข้าย้ำมาลย์
กอบเป็นเกล็ดนวลนางสว่างแพร้ว
ประทินแผ้วกลิ่นกายสยายขนาน
ประสานถ้อยสำเนียงเผดียงกาล
หวิวซาบซ่านมธุรสผ่านจรดรอย
ถ้อยลำนำคล้ายสร้อยมาร้อยรัด
เข้าผูกมัดปมเด่นแล้วเน้นถ้อย
ฉาบสุคนธ์บุปผามาลากลอย
หยาดมณีน้อยฝังรากสุดจากลา
รวมพิลาสฉาบหอมเข้าย้อมล่วง
ลึกย้ำทรวงจิตไว้มิให้ถลา
ทั้งกิ่งก้านหอมหวลอบอวลลดา
ป้านเสน่หาตอกลึกเข้าผนึกจินต์
รวบเพริศพริ้งพรรณรายขจายไสว
โลมลูบไล้แผ่ขยายมิสลายถวิล
ผูกมัดห้วงเป็นบ่วงยากล่วงกวิน
ซ่านยุพินเป็นเปราะเหมาะเจาะใจ
ก่อกำเนิดภาพฝังประดังลึก
เร้าโรมผนึกสืบสานสำราญไสว
ล้ำเป็นบ่วงผูกจัดล่วงมัดหทัย
ยากหนีไกลวนเวียนมิเปลี่ยนนาง
สิเนหานารียากหนีแล้ว
ซึ้งหวานแผ่วบรรลุค่อยคุสว่าง
เกิดกลิ่นกายมวลสิ่งเข้าอิงวาง
รำพึงสล้างฝันเพ้อละเมออนงค์.
** แก้วประเสริฐ. **
17 มกราคม 2553 18:05 น.
แก้วประเสริฐ
รักดั่งบ่วง
อันบ่วงนี้ซ่อนไว้ภายในจิต
ยากจะปลิดหายไปก็ให้ห่วง
นั่งนอนคิดฟุ้งซ่านจนพล่านทรวง
มิอาจล่วงวนเวียนแทบเจียนตาย
จะลาลับคืนกลับแล้วพับเสีย
แสนละเหี่ยใจน้อยละห้อยหาย
เป็นห่วงหน้าแลหลังแทบฝังกาย
พรากคงสายเสียแล้วเพริศแพร้วใจ
ความอาลัยครั้งนี้ยากที่สนาน
สิ่งฟุ้งซ่านย้ำลึกยากตรึกไสว
จนเดียวดายไร้สิ่งประวิงไกล
ฝากวิไลบทกานท์เคยสานเรา
โอ้ละหนอแก่แล้วจนแผ่วจิต
หวังจะสถิตภิรมย์ซ่อนบ่มเขลา
ความงุ่นง่านโง่เชื้อแสนเบื่อเอา
ดุจดั่งเงาหลอนหลอกถลอกกาย
หวานความฝันรำพึงคำนึงหา
สุดพลิกลาแสนเศร้ามาเย้าสลาย
เจ็บทั้งนอกภายในเจียนใคร่ตาย
พลันทลายพลิกแล้วจนแผ่วจินต์
ต่อไปนี้มีใครที่ไหนอีก
เข้ามาฉีกแยกชิ้นจนสิ้นถวิล
ยามเฒ่าชราสิ้นแล้วจนแผ่วกวิน
ต้องสูญสิ้นความหวังเข้าฝังใจ
เปรียบคนรักเท่าหนังคนชังเสื่อ
น่ารักเหลือใจเปลี่ยนที่เวียนไสว
ซ่านคารมซ่อนเร้นมากเน้นใน
ยามจากไปห่วงหาแสนอาดูร
รักดังบ่วงจำไว้เพียงใคร่กล่าว
ทุกเรื่องราวอย่าเชื่อจะเหลือสูญ
ด้วยตัวเราอย่าเอื้อสลายเกื้อกูน
สร้างสมดุลผ่านหวังหลีกฝังเรา.
** แก้วประเสริฐ. **