16 มีนาคม 2553 00:28 น.
แก้วประเสริฐ
คิดถึงไหม
สิ่งแปรเปลี่ยนเวียนวนในโลกนี้
ทับถมทวีมากมายคล้ายขุนเขา
บ้างก็ใหญ่ดูหนักมากบางเบา
มีสิ่งเศร้าคละคลุ้งปรุงแต่งกาย
มัวแต่มองด้านอื่นระรื่นจิต
แต่หาคิดถึงเราเฝ้าเปลี่ยนสลาย
ฝากคนอื่นหมดสิ้นปลิ้นน้ำลาย
แสนยากกลายไม่คนึงถึงตัวเอง
ว่าการเปลี่ยนแฝงไปในโลกหล้า
ทั่วกายาอนิจจังดุจดังเขนง
มุทะลุผ่านงำปราศย่ำเกรง
ลิดรอนเก่งเผากันสู่บรรลัย
ประดับร่างเสียงามหาความรัก
สร้างประจักษ์ตัวเองซิเปล่งใส
เมื่อแปรเปลี่ยนในสิ่งที่สิงหทัย
สิ่งภายในสังขารอันผันแปลง
ผมขนเล็บฟันหนังมิขังกรอบ
ดูเพียงชอบแต่งไว้มันได้แฝง
สัจจะธรรมสนองไว้ไม่ระแวง
ซึ่งพลิกแพลงหมองมัวชั่วทุกกาล
ครั้นรู้ตัวก็สายจนมลายแล้ว
สิ่งงามแนวหายสิ้นจินต์จักสาน
คิดสู่คืนมุ่งธรรมกลับเนิ่นนาน
เพื่อจะผ่านหวนกลับย่อยยับไป
อันร่างกายคนเราเล่าบอกกล่าว
ความปวดร้าวซ่อนไว้ไม่แจ่มใส
ทราบคนอื่นแม้นตัวปราศกลัวใจ
พล่านภายในสรรค์ออกบอกเวลา
ยามเข้าชรากลับหวนล้วนสิ่งคิด
เพื่อสร้างจิตปรุงแต่งหวังแฝงหา
ผลาญลบล้างมุ่งธรรมนำปัญญา
แต่เกินคว้าแนวทางสร้างสุขใจ.
* แก้วประเสริฐ. *
6 มีนาคม 2553 22:57 น.
แก้วประเสริฐ
การะเกด
๐ยลบุปผาผ่องแผ้ว มิ่งสรวง
เลิศลักษณ์งามดุจพวง พุ่มฟ้า
มณีรัตน์เลิศใยยวง กระจ่าง ป่วนแฮ
พิศยิ่งซาบซึ้งคว้า สั่นพลิ้วปลิวผยอง ฯ
ค้างทาบอาบกิ่งแล้ว แวววาว มวลเฮย
ล้วนทบนวลวับพราว สู่ห้วง
ลมพัดกลิ่นกรุ่นราว ฟุ้งซ่าน จินต์เอย
ยามยิ่งพิศดุจล้วง สิ่งซึ้งตรึงหทัย ฯ
ขาวผ่องทอเพริศพริ้ง แสงจันทร์
ค้างหยาดยลแพรวอนันต์ เปล่งสิ้น
ลมหอบระรื่นอัน เกิดก่อ หอมเอย
สรรสู่ใจแทบปลิ้น จากเนื้อใฝ่ปอง ฯ
ยื่นมือหมายเด็ดเจ้า เชยชม จริงแฮ
ชะงักกลัวขื่นขม พลาดแล้ว
ราตรีคงระบม หมองหม่น ป่วนเฮย
คงสุดสิ้นสิ่งแพร้ว บาดห้วงผ่านสนอง ฯ
การะเกดชื่อนี้ หม่นใจ
รักที่เคยสดใส เพริศพริ้ง
วจีเคยซ่านจากไกล สิ้นสุด ฤดีแฮ
เหลือกลิ่นหอมรอยทิ้ง มอบไว้สิ้นสลาย ฯ
ราตรีเคยซ่านซึ้ง ชวนชม จันทร์เฮย
เพียงชื่อคล้ายภิรมย์ ดุจเจ้า
น้ำค้างหยาดดอกพรม หอมกลิ่น นวลแฮ
เหลือแต่สิ่งทอเคล้า ซุกไว้ห้วงกมล ฯ
ล้ำลึกล่วงตื่นแล้ว จากใจ
สานก่อจากหทัย หมดซึ้ง
วาวแวววับสดใส สิ้นสุด ไกลแฮ
ปราศกลิ่นคงโกรธขึ้ง หมดฟ้าธาตรี ฯ
ขาวพิลาสซ่านแผ้ว บุปผา แม่เฮย
โน้มสิ่งเคยผ่านมา จากแล้ว
หอมกรุ่นกลิ่นมิลา เปรียบดุจ นางเอย
เราคงสิ้นเสียงแจ้ว มอบฟ้าผ่านสรวง. ฯ๐—
* แก้วประเสริฐ. *
3 มีนาคม 2553 20:44 น.
แก้วประเสริฐ
รอยรักรอยฝัน
หยาดสีหมึกน้ำตาลที่ผ่านเขียน
อ่านวนเวียนหมองคล้ำดุจย้ำฝัน
กระดาษเก่าผ่านกาลนับนานวัน
รอยผุนั้นบางแห่งช่างแสลงใจ
บันทึกน้อยรักษาปานยาทิพย์
ดุจกระพริบแสงสีดั่งมณีไสว
ทรงคุณค่าบรรเจิดล้ำเลิศฤทัย
รักษาไว้ปานหนึ่งหวานซึ้งเรา
แม้นเจ้าของจากไปสิ้นไกลแล้ว
สิ่งเพริศแพร้วยังคงดำรงเฉลา
ค่าอักษรสลักดวงล้วนห้วงดาว
สิ่งปวดร้าวหายคืนระรื่นทรวง
เธอจากไปไม่มีวันหวนฟื้น
แต่เธอตื่นแก่ฉันในฝันสรวง
นึกถึงรักมอบให้แทนใจดวง
แสงจันทร์ล่วงจากฟ้าสิ้นราตรี
ระยิบเทียนแสงน้อยระห้อยหา
หยาดน้ำตาดุจเทียนรินเวียนฉวี
ถือกระดาษจูบลงหมายตรงวลี
ที่เปลี่ยนสีหมองคล้ำระกำนาง
หากมาดแม้นเคียงคู่ประตูสวรรค์
ฉอเลาะซ่านน้ำเสียงจนเคียงสาง
ต่างชี้ชวนแสงจันทร์วิศัลย์พลาง
ผ่านท่ามกลางพฤกษาลัดดาวัลย์
บรรจงเด็ดดอกแก้วเสียบแนวผม
พลันหมายชมท้องฟ้าเพื่อหาฝัน
สร้างวิจิตรเพริศแพร้วสู่แววกัน
มุ่งสร้างสรรค์ความรักประจักษ์ใจ
แต่ความรักผ่านเคล้าเพียงเฝ้าฝัน
กระดาษนั้นซ่านอยู่เคียงคู่ไสว
แม้นจะเก่าหมองคล้ำแต่ล้ำใน
ซุกสิ่งไว้แนบทรวงเป็นบ่วงรัก.
* แก้วประเสริฐ. *
23 กุมภาพันธ์ 2553 14:31 น.
แก้วประเสริฐ
สิ้นรักหักใจ
อาดูรเทวษหมดแล้ว เรืองรอง มากเอย
สิ่งซึ่งเคยใฝ่ปอง ผ่านแล้ว
แนวโน้มสุดจะตรอง สิ้นก่อ ทางแฮ
โอ้อกหมดเพริศแพร้ว หลั่งสิ้นจินต์สลาย.ฯ
อาดูรเทวษหมดแล้วเรืองรองเอย
หวามหลั่งเคยเลี้ยงหล่อพอสดใส
ก่อกำเนิดทาบทอวาบอาบใย
ส่วนภายในชอกช้ำระกำทรวง
ร้อยลิขิตคำถ้อยร้อยย้ำพราก
ดุจแหลมปรากแทงทิ่มสุดลิ่มห้วง
ไหมใยฟ้าแซะใจเปรียบใยยวง
ร้อยเป็นบ่วงกัดกร่อนจนร้อนรุม
สิ่งเคยซึ้งใฝ่ปองต้องผ่านแล้ว
สร้างใยแก้วด่างดวงล้วงสุขุม
เกะกะก่อเป็นด่างเหมือนรางดุม
จิตใจกลุ้มยากกล่าวจะเล่าขาน
แนวโน้มสุดจะครองต้องหมองศรี
แสงดวงมณีอับแสงยากแฝงผ่าน
รัศมีเคยพร่างแพร้วแนวเนิ่นนาน
ดับวูบกาลไร้ถวิลจนสิ้นละออง
โอ้อกเอยหมดสิ้นแล้วหลั่งหวน
พลิกปั่นป่วนยากคนึงตรึงสนอง
เหลือเพียงใจฝากลงตรงครรลอง
ยากหมายปองในสินจินดามณี
สิ้นรักหักใจไร้ไม่เหลือเยื้อ
เคยแผ่เผื่อสูญสลายมลายศรี
ตัวคนเดียวยากไร้ในเชิงทวี
แววแสงสีจะสิ้นจินต์ทั้งปวง
อันสิ่งหนึ่งทอทาบอาบซึ้งจิต
เสมือนลิขิตสลัดพรากจากสิ่งหวง
รอวันเฉาลับล่วงห่วงทั้งปวง
แม้นจากสรวงมิหายจากไข้ใจ
จะทิ้งไปให้ตรึกนึกกาลก่อน
อดสะท้อนอารมณ์บ่มนิสัย
นี่ก็รักนั่นก็หวงดวงหทัย
ขอทิ้งไว้ผ่านหักรักแรมลา.
* แก้วประเสริฐ. *
26 มกราคม 2553 19:17 น.
แก้วประเสริฐ
แก้วตาพี่
จากลาแก้วตาพี่ ต่อจากนี้ยากอำลา
บุญที่เคยสร้างมา ต้องผวาจากนวลน้อง
ที่ปองแสนระทม ดุจระบมจากใฝ่ปอง
สุดทางพี่จะครอง ฝากนวลน้องเคล้าระบม
ให้ตรอมตรมจากไกล แสนอาลัยสุดขื่นขม
กลับมาป่วนระทม หัวใจตรมเสียแล้วนี่
มาจากพี่ต้องหมอง ฝันเคยครองฝากชีวี
สิ้นแม่พระธรณี หวนฤดีพี่เจียนขาด
อนาถใจแทบมลาย สิ้นสลายหัวใจพลาด
เปรียบน้องมาพิฆาต แทบใจขาดร้าวขื่นขม
อกเอ๋ยที่ใฝ่ปอง จนพี่หมองใจระทม
รักแล้วต้องมาตรม พิษมาบ่มแทบจะตาย
สิ้นแล้วหวานเคยรัก ล้วนมาหักจนสิ้นสลาย
ดวงฤดีแทบมลาย มาห่างไกลเสียแล้วเรา
ลาก่อนน้องของพี่ ป่วนชีวีเสียจนเขลา
ด้วยเธอช่างใจเบา หนีตามเขาให้พี่ตรม
ค่ำทุกคืนพี่คิด ยากจะปลิดจนขื่นขม
ล่วงยากคิดแนบชม คงหมองตรมเสียแล้วเอย
เหม่อดูฟ้าพร่างพราย เธอจากไปยากมาเฉลย
มัวหมองยากเปรียบเปรย เขาคงเชยแก้มน้องพี่
ปั่นป่วนฤดีพราก ที่ต้องจากร้าวรอนฤดี
อกแทบปริเป็นผี สิ่งเปรมปรีดิ์ต้องร้าวราน
โถใจบอกข้าที ต่อไปนี้ยากสมาน
อกเอ๋ยสุดทรมาน ใครช่วยสานบอกหน่อยที
ฝากฟ้าโลมชีวิน ทั่วแผ่นดินเขาเมินพี่
โอ้แม่พระธรณี ฝากชีวียังพสุธา
หากแม้นสุดจะฝืน กลัวคนอื่นเขานินทา
จึ่งฝากเปื้อนน้ำตา ลอยลมมาหาแม่นาง
ช่างปวดร้าวฤทัย เดินทางไกลพบอ้างว้าง
ฟันฝ่าหนามพงทาง รักที่วางคลายห่างไกล
ขอลาแล้วนางเอย หวานที่เคยสุดสิ้นสลาย
แม้นใจพี่ละลาย มิกลับกลายคงไร้เชียว.
** แก้วประเสริฐ. **