13 ธันวาคม 2553 14:22 น.
แก้วประเสริฐ
๐ โคลงเคลงเน้อ ๐
๐ ตามตำรากล่าวไว้ ในโคลง
เอกเจ็ดโทสี่โยง เชื่อมไว้
ผันพลิกดั่งตอกโลง สี่เหลี่ยม เกิดแฮ
ฉันทลักษณ์แนบคล้าย หยิกเนื้อเรียมสงวนฯ
๐ กกกดกบสื่อนั้น คำตาย แทนนอ
บ่ผิดดั่งดื่มไวท์ ร่วมใช้
รสชาติมิกลับกลาย เสียงเอก นาแม่
หอมจูบกลิ่นแก้มไซร้ แนบเจ้าเคล้าสนองฯ
๐ คำเป็นเด่นชัดแล้ว จงจำ
ปั่นป่วนจนมากขำ แน่แท้
ซึมแทรกซ่านดุจยำ หมุนก่อ ป่วนแฮ
ผสมผิดดั่งจักแร้ หมกไว้กลิ่นโชยฯ
๐ เสียงโทอย่ายุ่งเคล้า ที่เดิม เชียวนา
รู้สิ่งนั้นห้ามเสริม แม่เจ้า
ระวังสิ่งเพิ่มเติม สอดแทรก ซ่อนนา
ไวท์ดื่มแล้วคลอเคล้า นวลเนื้อสู่สวรรค์ฯ
๐ คำเป็นมักเด่นล้ำ อักษรา
กงกอบกมเกยมา ซ่อนแล้ว
กนวอว่ายเพียรหา เกยวอยู่ จริงนอ
อำส่งพวกไอแคล้ว ยากลี้เอาสนองฯ
๐ ผสมสานกันกอดน้อง นางนวล ไสวเอย
นั้นนอกดุจตายชวน- เอกไว้
หลบคำหลีกอบอวล พยอมกลิ่น โชยแฮ
จงพร่ำคำเป็นไซร้ สิ่งนี้ดุจสรวงฯ
๐ ดุจดื่มไวท์ชุ่มชื้น หอมถวิล
จำมากสมองโรยริน เสื่อมสิ้น
ล้วนปั่นป่วนจักกวิน เวียนก่อ อ๊วกเฮย
โคลงเลี่ยงหลบหลีกลิ้น รสสิ้นขับขานฯ
๐ สำนวนคำเล่นแล้ว ปวดใจ จริงนอ
วนก่อยากผ่องไสว แน่แท้
แนวกลอนแปดอำไพ พลิ้วอ่อน งามเฮย
ชุ่มชื่นหวานหอมแล้ จูบเจ้าซ่านสวรรค์๚ะ๛
* แก้วประเสริฐ. *
10 ธันวาคม 2553 18:43 น.
แก้วประเสริฐ
๐ โอ้ฟ้าเอ๋ย ๐
๐ เหลือบแลสิ่งเรียกร้อง พราวนวล จริงเฮย
แสงสีช่างรัญจวน เสน่ห์ล้ำ
อกสั่นป่วนพลิกหวน ผสานก่อ มากนา
ยิ่งเพ่งพิศห้วงย้ำ ไห่ซึ้งซ่านถวิลฯ
๐ สว่างเอยใยเด่นฟ้า โสมไสว
หวามวาบห้วงฤทัย เพรียกร้อง
พิศเพ่งยิ่งวิไล เกิดก่อ บ่วงนา
ช้ำชอกยากใฝ่คล้อง นวลเจ้ายากเสมือนฯ
๐ ลึกล้นยามสิ่งล้ำ ยามมอบ สราญเอย
ย้ำซ่านผ่านวนขอบ จรดฟ้า
มธุรสส่งเวียนรอบ เหลือสิ่ง ขนานแฮ
ฤาแลพี่เพียงหล้า ยากคว้ามาสนองฯ
๐กังสดาลเสียงสดซึ้ง ลอยลม
ขมขื่นห้วงระบม ซ่านคลุ้ง
สู่ทรวงซ่านอกตรม มากยิ่ง นางเอย
ระริกสั่นใจฟุ้ง ครวญซึ้งทรวงในฯ
๐ รำเพยโชยผ่านไซร้ ราตรี งามแฮ
อวลตลบเปล่งรัศมี เจี่ยนไห้
ม่านระยับบ่มทวี สานก่อ หทัยแฮ
ยากเอ่ยคำคลั่งไคล้ แนบเนื้อใจปองฯ
๐ ผ่านโปรยอบอวลฟ้า กลิ่นพยอม
หวนสิ่งเคยดมดอม ยากแล้ว
อกเอ๋ยอกสุดตรอม หวนนึก นวลแม่
คงเปี่ยมสุขเพริศแพร้ว เบ่งล้ำปทุมมาลย์ฯ
๐ ขาวนวลผ่องแขน้อย เมฆินทร์ บังแฮ
เคียงคลอหวังยุพิน จากฟ้า
เศร้าซึมซ่านโรยริน ผ่านลับ สลายเฮย
ปิดฉากยากไขว่คว้า สุดซึ้งครวญถวิลฯ
๐ หวานคำนึงสู่ไว้ โรยลา
คงสุดสิ้นวาสนา แด่น้อง
พราวระยิบชวนหา วาวส่อง ไสวแฮ
สิ้นสิ่งใจเรียกร้อง แลเจ้าเคล้าโพยม๚ะ๛
* แก้วประเสริฐ. *
6 ธันวาคม 2553 20:17 น.
แก้วประเสริฐ
ดาวเดือน
แลโพยมใฝ่หาโสมบ่มแสงศรี
ดุจอัญมณีเปล่งประกายขจายแสง
ระยิบพราวดาวระยับสลับแดง
ดั่งแก้วแฝงเคลื่อนคล้อยลอยลับลา
ท่องเมฆาใฝ่ปองสนองหวัง
หมอกประดังละลิ่วพลิ้วหวังหา
พระพายชโลมนุ่มเนื้อเมื่อแลมา
สีนวลจ้าพราวพร่างสว่างอารมณ์
กลิ่นดอกโศกพรมพรายกระจายพลิ้ว
ขวัญเอ๋ยปลิวละล่องหมองขื่นขม
คราวเดือนดาวพราวลับดับภิรมย์
เสมือนอกตรมฝากลงตรงตะวัน
น้ำค้างพร่างพรมพลิ้วละลิ่วหมด
ช่างรันทดอนิจจาคราเสกสรร
ดวงใจน้อยคอยเคล้าเฝ้ารำพัน
โถนวลจันทร์มาร้างห่างดวงจินต์
ตกผลึกฝังตะกอนซุกซ่อนไว้
ในห้วงหทัยใยร้างมาสร้างถวิล
ผลาญแหลกยับอับปางขวางชีวิน
มวลดาวสิ้นแสงพร่างกระจ่างตา
สีแสงทองส่องโพยมบ่มแสงไสว
พราวพิไลฝากส่งหลงครวญผวา
นึกถึงเดือนหวนดาวพราวอำลา
โอ้อนิจจาใจคล้ายสลายแหลกราญ
มองปลายฟ้ามวลแสงแห่งพิลาส
พิศดารดาษงามผ่องละอองสนาน
เมฆาฟุ้งจรุงหมอกบอกแพรวพรรณ
สวรรค์เพียงฝันละเมอเพ้อดาวเดือน
แม้นตะวันนั้นงามอร่ามไสว
ยามตกสายร้อนแรงแฝงสิ่งเฉือน
ม่านยากเหมือนราตรีที่ฝากเยือน
แสงดาวเตือนเดือนส่องท้องนภา.
* แก้วประเสริฐ. *