28 มีนาคม 2554 14:40 น.
แก้วประเสริฐ
มนต์สิเน่หา
๐ สุรีย์พรมพร่างพลิ้ว ผ่านสกล
เจดีย์ทองระยิบยล บ่มสล้าง
อำไพส่งแสงปน แวววับ มวลเฮย
เสียงละล่องพลิ้วกว้าง ซาบซึ้งตรึงถวิลฯ
๐ แว่วระฆังเจื่อนแจ้ว กังวาน
ละล่องปนประสาน มนต์ล้ำ
แผ่วลอยสิ่งเจือจาน เสียงดุจ สวรรค์แฮ
ซึ้งซ่านลำนำย้ำ ปลุกซึ้งพึงสนองฯ
๐ กอปกังสดาลสะท้าน ผสมกาล
ระริกซึ้งเบิกบาน ดั่งแก้ว
อารมณ์รื่นเจือจาน ใสสว่าง เสียงนอ
สรรพสิ่งจักยึดแล้ว บ่มไว้จิตไสวฯ
๐ พลิ้วพร่างกระจ่างล้ำ สานเสียง
ขจายขจรฝากสำเนียง แผ่วซึ้ง
เคล้าสิ่งซ่านใจเผดียง หวังก่อ ขจัดแฮ
พ้นสิ่งย้อมฝากบึ้ง ซ่อนไว้เลือนหายฯ
๐ ดุจบัวบานผ่านแล้ว หอมถวิล
คลุมกลิ่นเย้าโปรยริน ซ่านเร้น
เกราะแก้วดั่งปกชนินทร์ ภัยหลบ หลีกนา
เอิบอิ่มผิวผ่องเน้น เปล่งพริ้งสุกไสวฯ
๐ พลิ้วล่องลอยผ่านซึ้ง สายลม
เสียงสวดมนต์อารมณ์ ผ่องสล้าง
นัยประหนึ่งล้างปม เกิดก่อ ใจแฮ
มวลจิตมุ่งสานกว้าง ลบสิ้นเวรกรรมฯ
๐ ม่านสุรีย์อ่อนล้า แลลา
ระยับเจดีย์พา หลีกแล้ว
แสงทองยลผ่านมา ทาบสิ่ง เลือนนา
แวววับสงฆ์งามแพร้ว เหลือไว้ในธรรมฯ
๐ อนุโมทนาเพียรไว้ เพื่อบุญ
ยอกรรำลึกคุณ เปล่งสล้าง
จิตเน้นเกิดเอื้อพูน ธรรมก่อ มวลแฮ
สิเน่หามนต์สร้าง ฝากไว้ต่อสรวง๚ะ๛
แก้วประเสริฐ.
25 มีนาคม 2554 19:38 น.
แก้วประเสริฐ
การศึกษา
๐ จงร่ำเรียนไปเถิดจะเกิดผล
ตำราค้นหมั่นอ่านผ่านศึกษา
ยามอ่านไปควรคิดพิจารณา
แล้วนำมาใคร่ครวญทวนถ้อยคำ
๐ ใช่สักว่าอ่านผ่านมาสรรค์สร้าง
จะเกิดร้างไม่สนุกทุกข์ระส่ำ
เมื่อสู่สนามแข่งขันหัวปั่นนำ
ด้วยไม่ย้ำตีความให้เข้าใจ
๐ ทุกตัวอักษรยอกย้อนยิ่งนัก
อย่าพิงพักถ้อยคำพร่ำสดใส
กระบวนสิ่งผูกพันนั้นแฝงใย
วางเรียงไว้คล้ายแมงมุมลุ่มลึก
๐ จงตั้งใจตีความให้แจ่มแจ้ง
สิ่งขัดแย้งยกวางสร้างสิ่งตรึก
ค่อยแก้ไขใจนึกแล้วค่อยผนึก
ขัดข้องปรึกษาไว้อย่าได้ครอง
๐ หากมึนหัวรีบวางอย่าสร้างต่อ
จะเกิดท้อเบื่อหน่ายในสิ่งสนอง
จงออกไปพักผ่อนก่อนมาปอง
สิ่งทั้งผองวางไว้อย่าได้คำนึง
๐ ทางที่ดีออกเล่นการกีฬา
โดดนำพาจนเหงื่อนอกในถึง
สมองจะโปร่งสดใสไร้รำพึง
ทำให้ซึ้งเดินดมชมดอกผกา
๐ พอเหงื่อแห้งอาบน้ำชำระกาย
จิตใจสบายกายเบาเคล้าหรรษา
นั่งพักผ่อนจนว่างกระจ่างอุรา
ก่อนตรึกตราสิ่งขัดจัดผูกนำ
๐ ทานอาหารอย่ามากจะชักง่วง
เกิดเป็นบ่วงแอบแฝงสิ่งถลำ
กลับไปอ่านตำราย้อนซ่อนกัน
ขัดข้องนั้นจะหายสบายวิญญา.
๐ แก้วประเสริฐ.
20 มีนาคม 2554 16:41 น.
แก้วประเสริฐ
พระจันทร์สีแดง
เธอรู้ไหมสิบเก้ามีนานี้
คืนที่มีดวงจันทร์นั้นแสงสี
ปกตินวลผ่องจนเปรมปรีด์
แปลกตรงที่ใหญ่โตโอ้สีแดง
หรือเป็นเหตุแจ้งภัยให้ชาวโลก
จักราโยกราศรีที่แอบแฝง
โบราณว่าเหตุร้ายอันรุนแรง
เทพจึงแจ้งเตือนไว้ให้ระวัง
ฉันปกติชอบมองบนท้องฟ้า
เดือนดารางามเด่นเช่นมนต์ขลัง
สร้างปัญญากำเนิดจนเกิดพลัง
เพื่อเสริมหวังมวลถ้อยร้อยภิรมย์
โอ้วคืนนี้กลางดึกนึกขึ้นได้
จึงออกไปเฝ้ามองผ่องเสพย์สม
สร้างตกใจพระจันทร์ที่เคยชม
ใหญ่โตบ่มสีแดงเรื่อเอื้อตำรา
คำโบราณกล่าวไว้จึงให้คิด
ไม่เคยผิดทำนายผ่านค้นหา
หากพระจันทร์สีแดงตามเข้ามา
หมายความว่ากลียุคเกิดแดนดิน
ท่านจะเห็นดังฉันบ้างหรือเปล่า?
ฉันมองเฝ้าตั้งนานจนผ่านสิ้น
ฟ้าดินบอกเหตุร้ายสลายชีวิน
หรือสูญสิ้นสิ่งหนึ่งพึงตามมา
พอกลับมาทบทวนหวนคำกล่าว
แล้วสืบสาวเหตุการณ์ผ่านสรรหา
ให้สะท้อนใจจิตต้องปิดตำรา
โอ้วาสนากรรมเคราะห์เพราอะไร?
หรือแผ่นดินไทยจะเกิดเศร้าหมอง
ด้วยละอองวุ่นวายกลายเหตุไฉน
เขาแบ่งฝ่ายพรรคพวกล้วนม่านใจ
ฟากฟ้าได้เตือนไว้ควรไตร่ตรอง.
แก้วประเสริฐ.
18 มีนาคม 2554 14:46 น.
แก้วประเสริฐ
ดั่งธารทิพย์
๐ เช้าเย็นค่ำแว่วพลิ้ว สวดมนต์
สุริเยศทอทาบสกล ผ่องแผ้ว
เอิบซ่านสาธุชน มุ่งก่อ
ชื่นฉ่ำระเด่นแพร้ว อิ่มซึ้งใฝ่สนองฯ
๐ เสียงเย็นเช้าย่ำ แว่วสวดมนต์นำ ร่าเริงเบิกบาน
เอมอิ่มสุขใจ เย็นเยือกภายใน ซ่านล้ำประสาน
ฉ่ำชื่นจิตสราญ ห้วงใจตลอดกาล หฤหรรษ์เปรมปรีดิ์
บูชารัตน์ฉ่ำ วาบซึ้งซ่านย้ำ สุขสันต์เกษมศรี
ยอกรน้อมไหว้ เสียงพร่ำมนต์ไว้ ใฝ่ผันชินสีห์
ปราศทุกข์ราวี ดั่งดุจแสงรพี ขจัดร้ายภัยร้างฯ
๐ เสียงสวดเช้าค่ำสร้าง เบิกบาน จริงนอ
เย็นเยือกมิร้าวราน เด่นซึ้ง
ล้วนฉ่ำชื่นจากจาร สานก่อ
เอมอิ่มสุดใฝ่ขึ้ง ก่อล้ำหทัยฯ
๐ บูชารัตน์นอบไว้ เพียงเกศ
ยกยอย้ายกิเลส ห่างร้าง
หวังก่อสิ่งกั้นเขต วางขอบ หทัยแฮ
กรยกขึ้นไหว้สร้าง ซาบซึ้งธรรมสนองฯ
๐ อิ่มเอมใจยิ่งแล้ว สวดมนต์
กิเลสเฝ้าคลุกปน หลบลี้
ดุจดั่งไล่อลวน แตกพ่าย
สิ่งหม่นภายในนี้ เหลือไว้ว่างอวลฯ
๐ ชนใดพร่ำสวดแล้ว รุ่งโรจน์ มากนา
จิตผ่องดุจมณีโชติ จ่างฟ้า
ปราศสร้างสิ่งโกรธ รอนลิด แน่เฮย
ดังหนึ่งทุกข์อ่อนล้า สุขเคล้าเคียงครอง๚ะ๛
แก้วประเสริฐ.