12 พฤษภาคม 2554 14:55 น.
แก้วประเสริฐ
แม่นางพรายตานี
๐ มองเหม่อฟ้าค่ำแล้ว สนธยา
นกหมู่กาพร่ำหา ร่ำร้อง
ประกายสีแพรวมา ทาบก่อ ม่านแฮ
นางหนึ่งพึงมองจ้อง แนบไม้งามไสวฯ
..........................................
๐ รำพึงหันเหม่อมองฟ้าค่ำแล้ว
เสียงเจื่อนแจ้วร่ำร้องก้องเวหน
ตะวันรอนอ่อนช้อยยากเวียนวน
โหยหวนปนสนธยาฟ้าเลือนลาง
๐ สุคนธ์อวลจากสุดาพาลอยล่อง
ผุดผาดผ่องแสงรวีที่เหินห่าง
พิศเพ่งหนึ่งทรวดทรงเอวองค์นาง
งามกระจ่างกลางไม้ไม่ห่างไกล
๐ กลิ่นบุปผากวินตลบจบนาสิก
สั่นระริกห้วงฤทัยแกว่งไกวไหว
เคียงข้างต้นพฤกษาคราแกว่งไกว
แพรวพราวไสวซ่านฟุ้งผดุงชีวิน
๐ งามหยาดฟ้าแม่นางข้างไม้กล้วย
จิตระทวยสไบน้อยย้อยสร้อยศิลป์
สีเขียวอ่อนคลุมไหล่ไล้หอมริน
ผ่านผ้าซิ่นงามพริ้งอิงขลิบพลู
๐ หันมายิ้มเย้ายวนชวนเคลิ้มฝัน
ห้วงใจสั่นแม่เอยเผยสล้างสู่
มีรอยบุ๋มสองข้างพักตร์โฉมตรู
อยากจะกู่ก้องฟ้าคราพบพาน
๐ เพ็ญจ่างฟ้านวลไสวโลมไล้ลูบ
คิดเคล้าจูบนวลนางวางประสาน
เป็นเนื้อหน่อคลอเคล้าเฝ้าเบิกบาน
นวลแสงผ่านระยิบพริบทาบอนงค์
๐ ยามยื่นมือจับกล้วยช่วยงามเผย
ขาวพราวเย้ยนวลจันทร์สั่นใจสวง
เต่งตึงอวบอูมเปล่งเน้นยากปลง
ยอดปลายตรงซ่านฟุ้งคลุ้งอบอวล
๐ นางหันยิ้มคล้ายชวนรัญจวนสั่น
วาบไหวหวั่นหฤทัยในสิ่งหวน
ทาบสู่จิตวูบวาบอาบเนื้อนวล
สุดปั่นป่วนห้วงใจคล้ายมึนเมา
๐ พลันกวักมือเรียกไว้ในแขนอ่อน
เสียงเห่าหอนระงมข่มใจเขลา
เมฆบดบังแสงจันทร์นั้นเหลือเงา
คิดเคลียเคล้าเดินไปไม่หวั่นเกรง
๐ ครั้นใกล้นางเสียงก้องร้องดังกรี๊ด
คล้ายนกหวีดเป่าให้กระฉับเฉง
พลันหวนคำอาจารย์ผ่านวังเวง
ร่ำคล้ายเพลงโหยหาคราคร่ำครวญ.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
๐ แม่นางพรายตานีเป็นนางไม้ในอีกลักษณะหนึ่งที่อาศัยต้นกล้วยตานี
เป็นที่อยู่อาศัยคล้ายๆกับแม่นางตะเคียน มีรูปร่างสวยงดงามยิ่งนัก
หากต้นกล้วยอวบใหญ่ร่างกายก็จะท้วมแต่งดงาม หากเป็นต้นกล้วยที่
สูงโปร่งรูปร่างก็จะฉลวย มีกลิ่นหอมอ่อนๆตามเนื้อตัว เป็นนางไม้ที่มี
ความซื่อสัตย์หากใครได้เป็นภรรยา แต่นิสัยไม่หึงหวงรักเดียวใจเดียว
ผิดกับพวกนางไม้อื่นที่มักจะเห็นแก่ตัวมาก
หากบอกกล่าวว่าจะมีภรรยาก็จะช่วยเหลือด้วยเห็นว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์
ต่อนาง ช่วยเหลือด้านกิจการต่างๆให้รุ่งเรืองเป็นที่ รักของคนทั้งหลาย
จะออกมาในเวลากลางคืนไปแล้วหลังตะวันลับฟ้า ห่มผ้าสไบเฉียงสี
เขียวอ่อนนุ่งผ้าซิ่นขลิบทองคล้องสร้อยสวยงามยิ่งนัก แต่หากชายใด
ไม่ซื่อสัตย์บอกกล่าวไปหาหญิงอื่น คราวนี้ด้วยความหึงหวงนางจะฆ่า
ชายคนนั้นทันที ในฐานะไม่ซื่อสัตย์ต่อนางนำไปอยู่ด้วยกันทันที
ข้าพเจ้าเคยเขียนเกี่ยวกับแม่นางเนื้อหอม คือ นางกากี มา ก็เลย
เขียนแบบสรุปไว้ไม่ยืดยาว ซึ่งรายละเอียดมีมากมายนัก
เอามาฝากไว้ขอรับท่านทั้งหลาย.....แก้วประเสริฐ.๐
9 พฤษภาคม 2554 14:21 น.
แก้วประเสริฐ
๐ ชะตาชีวิต ๐
๐ โชคชะตาชีวิตลิขิตศิลป์
จึงโบยบินวงล้อมสู่อ้อมเขา
หลงในหมู่เวียนวนทนแม้เงา
หยอกยวนเย้าใฝ่ปองหมองอุรา
๐ ก่อนจะเข้ามานั้นแม้หวั่นจิต
คำนึงคิดเพียรมองทดลองหา
หวังแค่เพียงผ่านพ้นด้นวันมา
ใฝ่ศึกษาเฝ้าถามตามครรลอง
๐ เมื่อก่อนนั้นร่ำเรียนเฝ้าเขียนอ่าน
แต่เนิ่นนานหลายปีมิได้สนอง
ลืมกฏเกณฑ์ทำงานมิสานปอง
สิ่งทั้งผองคืนกลับจนลับไป
๐ ครั้นผ่านพ้นงานแล้วต้องแจวจาก
หาสิ่งฝากขัดเกลาเคล้าสดใส
มิได้คิดหวังเด่นเช่นใครใคร
เพื่อจะได้ใช้สมองมิหมองเลย
๐ ทั้งผิดถูกสร้างสิ่งมิอิงลอก
กลัวเขาบอกอายคนทนนิ่งเฉย
พยายามนึกสิ่งเรียนเขียนที่เคย
มองสิ่งเผยของเขาลองเฝ้าทำ
๐ ศิลป์บางสิ่งอ่อนไหวดุจสายฝน
ชโลมจนซึมซาบฉาบชื่นฉ่ำ
อีกแนวหนึ่งกระด้างวางสิ่งนำ
แต่เลิศล้ำแนวทางกลางวงเวียน
๐ พลางถามใจตัวเองบรรเลงไหน
ต้องคว้าไขว่ทดลองหมองสิ่งเขียน
นึกถึงงานผ่านกาลเคล้าเฝ้าเยียน
ผันแปรเปลี่ยนเวลาหาสิ่งครอง
๐ เฝ้าศึกษาตำรามาค้นสร้าง
ฉันทลักษณ์แค่วางมิสร้างสนอง
ข้อปลีกย่อยมากมายเป็นก่ายกอง
เพียงเฝ้ามองงงงวยด้วยมิเคย
๐ จึงไขว่คว้าหาวางหนทางใหม่
กระจ่างไซร้บรมครูผู้เปิดเผย
สุนทรภู่จำแนกแยกสิ่งเลย
ศิลป์ผ่านเฉยด้วยใจไหลวนเวียน
๐ การจะเล่นให้ดีต้องที่สร้าง
โดยจัดวางแม่บทจรดขีดเขียน
อย่าผสมปนเปเหแนบเนียน
อักษรเปลี่ยนมิคล้องต้องหมองใจ
๐ จึงยึดแนวแห่งนี้เป็นที่เล่น
มิหวังเด่นสอดคล้องจิตผ่องใส
เล่นคนเดียวสนุกสนานผ่านสู่ใน
หากหวังไว้หมองหม่นจนใจเอง
๐ เพียงระบายอารมณ์ผสมผสาน
สิ่งวันวานผ่านนี้ที่ตรงเผง
คำนึงคิดสิ่งย่อยค่อยบรรเลง
ผ่านวังเวงร่วมวงตรงสนธยา.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
4 พฤษภาคม 2554 20:24 น.
แก้วประเสริฐ
ฤทธิ์แรงใจ
๐ คิดถึงความรักนั้น เวียนยอก จริงเฮย
ล้วนเล่ห์กลช้ำชอก ฝากล้น
วงเล็กใหญ่ยากบอก สิ่งก่อ ก่อนนา
เชยชิดยากหลีกพ้น กลัดกลุ้มหมองฤดี.๐
๐ ความรักนั้นย้อนยอกหลอกร้อยเล่ห์
ล้วนอุปเท่ห์พลิกผันแปรสั่นไหว
ขยายวงเล็กใหญ่ยากฝากข้างใน
แล้วผวนไปในสิ่งแอบอิงวน
๐ การบังคับหนทางยากวางได้
สิ่งลูบไล้คณานับยากจับสน
ประหนึ่งลิงมินิ่งวิ่งปะปน
อวลระคนห้วงใจที่ได้เชย
๐ กลิ่นกุหลาบซ่อนไว้ในสิ่งแหลม
เย้ายวนแย้มซ่อนลึกผนึกเฉย
ลักษณ์รูปทรงผึ่งผายใครนึกเลย
ภายในเผยสิ่งใดใครรู้จริง
๐ ร้อนลุ่มลึกแห่งห้วงดวงใจรัก
จึงจมปักมืดสนิทติดใจสิ่ง
ผ่องสดชื่นรูปงามยามเข้าอิง
อวลระวิงก็สายปานวายชนม์
๐ สากกับครกคู่กันฉันท์พี่น้อง
เขาประคองช่วยกันนั้นมิสน
ทุกข์หรือสุขปรึกษาหาสิ่งวน
มิร้อนรนสิ่งสองต้องช่วยเจือ
๐ ก่อนจะซึ้งคำนึงถึงหลายหลาก
คำนึกพรากใส่ใจภายหน้าเผื่อ
ฤทธิ์แรงใจซ่อนสิ่งอิงเหลือเฟือ
ล้วนกอบเกื้อคำนึงถึงสากครก
๐ คำพูดหนึ่งใจอย่างดูฝากหวัง
สร้างประดังจัดไว้คล้ายงูฉก
สิ่งสวยสดหมกไว้ในวิตก
ที่คลุมปกละเอียดเบียดระทม.
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
29 เมษายน 2554 17:57 น.
แก้วประเสริฐ
๐ หยาดน้ำตา ๐
..๏ สูงสุดแล้วหยั่งซึ้ง เด่นผอง ไขว่แฮ
ซุกซ่อนหวังใฝ่ปอง มากคว้า
ไพร่ดินสู่เรืองรอง ลืมหมด ต่ำนา
ใจจิตหวังเทียบฟ้า แผ่สร้างเรืองสนองฯ
..๏ แสงโชนลุกเผาไหม้ แดนดิน ท่วมนา
หวังเพื่อสร้างใหญ่จินต์ สุดสล้าง
มิมองเผ่าหยาดริน หยดก่อ พล่านเฮย
เดือนมืดตะวันร้าง เลือดล้นแผ่สยาม๚ะ๛
..๏ สูงสุดแล้วหยั่งซึ้งไผปองชน
ซ่อนซึ้งปนอาจเอื้อมเหลื่อมสนอง
กาดำคิดสู่หงส์ลืมพงศ์ครอง
สิ่งทั้งผองหวังเทียบเปรียบแมนฯ
..๏ ซ่อนซุกหวังไขว่คว้าเรืองรอง
สู่ลำยองสิ้นชายคล้ายหวงแหน
ลืมสิ้นจากดินใต้จากในแดน
สู่พลิกแกนไขว่คว้าหาสิ่งหมายฯ
..๏ ชาติเชื้อลืมเผ่าพงศ์หวังหงส์ไว้
ดำรงในพลิกแพลงแฝงผึ่งผาย
ดำรงศักดิ์ซ่อนร่างพลางเร้นกาย
อำนาจขยายหมกเน้นเด่นสู่ปองฯ
..๏ หลงกลมนต์เสน่หาพาเพลิดไหว
เหล่าข้าทาสพลิกไกวในสิ่งสนอง
ต่อหน้าหนึ่งหลังกลับระยับครอง
เพื่อจับจองดั่งกรดจรดซ่านใยฯ
..๏ เหล่าทาสใดฝากตนระคนสร้าง
เข้าจัดวางยกย้อนพลิกซ่อนไสว
หาเครื่องเซ่นเด่นซึ้งพึงเกรียงไกร
มิห่างไกลเช่นหญิงแต่อิงชายฯ
..๏ ดินแดนเก่าเฝ้าเมินมิเหินกลับ
เหล่าใต้ปรับเชิดสูงผดุงฉาย
เฝ้าดีใจทุกแห่งพลางแฝงกาย
พรรณรายโชติช่วงทุกดวงแดฯ
..๏ ต่างดีใจเหล่าตนเป็นคนใหญ่
เฝ้าเพลินไสวยกย่องครองร่างแห
ครอบคลุมทั่วผ่านดินถิ่นผันแปร
จ้องมัวแผ่หวังไสวใฝ่ความเจริญ
..๏ กาลผ่านไปคล้ายหวังพังพินาศ
สิ่งมุ่งมาดพลันหายกลายหงส์เหิร
ตาเริ่มสว่างบางเหล่ายังเฝ้าเพลิน
แล้วต้องเผชิญน้ำตาคราวอดวาย
..๏ คลุมอำนาจทุกแห่งเพื่อแฝงฟ้า
ไพร่จากกาเป็นหงส์ลืมพงศ์ขยาย
แสร้งหน้ายิ้มปากหนึ่งซึ้งพริ้มพราย
สร้างเฉิดฉายปรับโง่โถเช่นควาย๚ะ๛
๐ แก้วประเสริฐ. ๐
24 เมษายน 2554 14:12 น.
แก้วประเสริฐ
ร้อยเล่ห์กล
๐ ใจจิตเราฟุ้งไปในคละคลุ้ง
ยากจะจรุงเหหันนั้นหวนเห
ร้อยคำพูดหนึ่งไว้มากรวนเร
ล้วนอุปเท่ห์ลวงหลอกเคล้าหยอกใจ
๐ หมั่นตรวจตราติดตามงามจึงทราบ
หันเหทาบไตร่ตรองจึงผ่องใส
รู้จิตเขาเปรียบเราเฝ้าตรองไป
จึงทราบในส่วนลึกตรึกเล่ห์กล
๐ ต่อหน้าหนึ่งหลังกลับนับคนฆ่า
ทั้งวาจาอาบโชลมบ่มสับสน
หวานสุดหวานทอทาบอาบกมล
ภายในปนหยามหมิ่นแล้วนินทา
๐ นี่นะหรือคือคนระคนเล่ห์
ทำตัวเท่ห์ใจจิตมากคิดหา
เอาเปรียบนิดผ่านไว้ใคร่ได้มา
ทำหน้าตาแย้มยิ้มเพื่อลิ้มลอง
๐ พอจับได้รู้ทันนั้นหน้าซื่อ
แสร้งทำบื้อแก้ไปในสิ่งสนอง
โยนความผิดคนอื่นยืนเมียงมอง
หลบตาจ้องหน้าเศร้าเคล้าน้ำตา
๐ การคบคนอ่านใจนั้นให้ออก
ทั้งในนอกสอบสิ่งล้วนอิงผวา
จับถ้อยความแล้วคิดพิจารณา
ไตร่ตรองหาความจริงในสิ่งปน
๐ อันรูปลักษณ์หน้าตาหาใช่เหตุ
อาณาเขตหรูหราอย่าพาสน
ใจทุกคนวอกแว๊กแยกระคน
อย่าหลวมตนเข้าสู่ผู้ป้อยอ
๐ สติปัญญามีไว้ให้ใช้เถิด
ธรรมชาติเชิดสูงสุดผุดไว้หนอ
เพื่อยับยั้งร้อยเล่ห์เหหันพอ
จงอย่าท้อติดตามนิยามไป
จะรอดพ้นจากภัยในวิบัติ
ที่เขาจัดลวงล่อป้อยอใส
นำธรรมะสอดแทรกแยกภายใน
ก็จะได้เหตุผลปนความจริง.
แก้วประเสริฐ.