16 มีนาคม 2547 19:00 น.
แก้วประเสริฐ
อันความรักซาบซึ้งตรึงในดวงจิต
ทำชีวิตผันผวนหวนไห้อาลัยหา
แม้นกาลเวลาผ่านไปยังคิดนำพา
ทำชีวาเราหมองหม่นสุดอาลัย
โศกเอยโศกใดมิเท่าใจเราโศก
แสนวิปโยคโศกสลดหมดความหมาย
ต่างทอดทิ้งฉันหนีไปให้สุดเดียวดาย
ไร้ความหมายไร้พึ่งพิงมิเหลียวแล
และสิ้นแล้วความรักในชาตินี้
ทั้งชีวีมีแต่ให้เขาอยู่แน่แท้
ยังหันหวนรักไปจนผันแปร
ยากแก้ปมใจให้คลายอารมณ์
สมใจแล้วเราเขาที่เฝ้าคอยรัก
จึงหันกลับย้อนปมให้ได้สม
เปลี่ยนชีวิตหันกลับที่เศร้าตรม
เปลี่ยนอารมณ์ให้สุขสนานสำราญใจ
โศกเอยโศกลาแล้วแม่ดอกโศก
ความวิปโยคคงหมดซึ่งความหมาย
ต่อแต่นี้ฉันหันเหไปเพื่อให้ใจสบาย
ด้วยฉันจะคลายโศกสิ้นมิเหลียวแล
กระแสร์รักจะฝากไว้ตามโอกาส
แม้จะพลาดอีกครั้งคงไม่ตายแน่
ด้วยเหตุนั้นฉันชาชินในรักแท้
ที่จริงแน่มองหารักอีกสักคน..
แก้วประเสริฐ.
15 มีนาคม 2547 13:33 น.
แก้วประเสริฐ
ยามหนุ่มสาว
ยามประหวัดครุ่นคิดจิตโหยหวน
แสนรัญจวนหวนให้อาลัยหา
วันคืนผ่านพ้นสุดจะกลับมา
ใจหวนหาใฝ่คำนึงนึกถึงกาล
ประโลมเล้ากรกอดรัดแนบอุระ
อีกซบพักตร์เคล้าคลอบอกคำขาน
สัญญารักฝากไว้กันชั่วนิรันดร์นาน
สิ้นกาลเวลาหายลับยากจะกลับคืน
หัวใจน้อยลอยละล่องสู่ท้องฟ้า
มวลดาราเป็นเพื่อนเตือนใจฝืน
ระลึกคืนชื่นฉ่ำยากกลับมาฟื้น
ถึงวันคืนชื่นในรักกันและกัน
ความไม่ซาบซึ้งตรึงใจในชีวิต
ด้วยความคิดซื่อเกินไปในตัวฉัน
ชีวิตเราจึงมอดไหม้คล้ายจากกัน
นึกถึงวันฉันได้พบประสบเธอ
เดินก้มหน้ามองพสุธาฟ้าหนีจาก
ฉันไม่อยากมองสูงไปหัวใจเพ้อ
ถึงหวนหาใจฉันเศร้าแสนละเมอ
คิดถึงเธอไม่อยากพรากจากอาวรณ์
โอ้สวรรค์มีเหตุให้ได้กลั่นแกล้ง
ชีวิตแล้งฉันโรยรายากจะอ้อน
จึงร่ายรักให้เป็นด้วยบทกลอน
เพื่อจะสอนตัวเราไว้ให้จดจำ.
แก้วประเสริฐ.
15 มีนาคม 2547
7 มีนาคม 2547 13:47 น.
แก้วประเสริฐ
นั่งเหม่อมองย้อนจิตคิดซึ้งในอดีต
เปิดเวปฯงคิดพิศมองลองค้นหา
เพื่อหาสิ่งที่หมายไว้ในแฟ้มมา
รวบรวมหานิราศฉันท์กาพย์กลอน
พลันได้พบเพชรเม็ดงามสุดเหลือ
เกี่ยวกับเรือเป็นกาพย์ร่ายอักษร
ไพเราะเลิศเพริศพริ้งเชิงกาพย์กร
จึงได้วอนเจ้าของกาพย์นำลงแฟ้มตัว
เธอยอดยอดหญิงมิ่งกลอนแก้ว
ร่ายเธอแพร้วหมดจดงดงามมิได้มั่ว
ดังเช่นผมเล่นกลอนเพราะเมามัว
บางครั้งซั่วจนมิอาจร่ายซ้ำระกำใจ
แต่ความรักในกลอนฝังลงในจิต
แม้นจะผิดแต่ขอกระทำและจดไว้
เอาในกลอนของเขาเป็นครูสอนใจ
หมั่นฝึกไว้ขออย่างหน่ายช่วยเอ็นดู.
แก้วประเสริฐ.
เห็นเป็นกาพย์ที่ยากนักหนา นอกจากผู้ที่มีความสามารถจริงๆ ขออนุญาตแล้วต่อเจ้าของกาพย์ คือ คุณอัลมิตรา จึงนำมาเผยแพร่แก่เพื่อนๆ อีกครั้งครับ.
กาพย์เห่เรือ กระบวนพยุหยาตราชลมารค
อัลมิตรา.
๏ นารายณ์จำหลักล้ำ...........เลออง- อาจเฮย
ครุฑยุดนาคทรวดทรง..........สง่าแท้
ลายทองล่องชาดผจง............กระจกแต่ง
ฉัตรพู่ดูเลื่อมแล้..................เลิศริ้วปลิวงาม ๚
๏ นารายณ์หมายเทียบไท้-....สยามินทร์
ทรงครุฑดุจเสด็จดิน-............ถิ่นแคว้น
พระเกียรติแห่งพระจักริน.......ขจัดทุกข์- เข็ญนา
ทวยราษฎร์ปราศยากแค้น......เนื่องด้วยพระบา- รมีเอย ๚ะ๛
๏ เรือเอยเรืองามแท้...........ล้วนเลื่อมแล้ทิวแถวงาม
ลอยเด่นกลางชลตาม.........หลากลักษณ์ล้ำแลเริงใจ
๏ เรือทองขวานฟ้าเลิศ....ช่างบรรเจิดนำหน้าไป
เรือทองบ้าบิ่น ไกล........ฝีพายแกร่งแรงมากมี
๏ เรือเสือทะยานชล ......เสือคำรนสินธุ์นาวี
เคียงข้างดั่งเสนี.................เรือดั้งปรี่มีสองลำ
๏ ตรงกลางเรืออีเหลือง....ดูปราดเปรื่องสมน้ำคำ
ฝีพายชายกำยำ.................ต่างเร่งจ้วงท่วงช่ำชอง
๏ เรือดั้งสามและสี่...........แล่นเร็วรี่มีครรลอง
น้ำเชี่ยวต่างเหลียวจ้อง........แหวกธารล่องแคล่วคล่องเกิน
๏ เรือดั้งห้าและหก..........หากสาธกคงเพลิดเพลิน
สายน้ำดั่งคำเชิญ...............ให้ลอยคว้างอย่างยรรยง
๏ เรือตำรวจนอกลิ่ว.........หลากแพรพริ้วอีกทิวธง
เรือดั้งเจ็ดแปดคง.............ลอยเคียงคู่อยู่ครบครัน
๏ เรือดั้งเก้าอยู่ซ้าย..........ลำเลื่อมลายวิไลวรรณ
เรืออสุรปักษีสัณ-..............ฐานเฉิดฉันครั้นเมียงมอง
๏ เรือตำรวจในเคียง........ดุจลำเลียงทัพนายกอง
อีกลำงามผุดผ่อง................นามเกียรติก้องมานมนาน
๏ อสุรวายุภักษ์...............แจ้งประจักษ์เลื่องชลยาน
เรือดั้งสิบแหวกธาร..........ดูท่วงท่าน่าชมเชียว
๏ เรือดั้งสิบเอ็ดตาม.........ยังคงความเปรื่องปราดเปรียว
เรือดั้งสิบสองเพรียว.........ท่องสายชลจนเฉลียวใจ
๏ กระบี่ราญรอนราพณ์....กระบี่ปราบเมืองมารใด-
คำชมดูสมให้.....................ยกคำเปรียบเทียบความงาม
๏ เรือดั้งสิบห้าล่อง..........น้ำเจิ่งนองต้องเพ่งตาม
สุครีพครองเมืองงาม........รอยจำหลักมากลวดลาย
๏ พาลีรั้งทวีป.................ไม่เร่งรีบดุจกรีดกราย
ลอยเด่นเห็นเลื่อมพราย......มีปืนใหญ่ใช้ป้องกัน
๏ เรือหนึ่งซึ่งเกินเปรียบ......เค้นคำเทียบนำเสกสรรค์
เรือพระที่นั่งอัน..................แสนวิจิตรตระการตา
๏ อนันตนาคราช............ล้ำพิลาศคราทัศนา
ลือเลื่องเฟื่องโลกา...............สุดพรรณาคราร่ายชม
๏ เรือดั้งสิบหกคล้อย........พลเรือคอยจ้วงพายจม
งัดน้ำยามต้องลม...............เป็นฟองแตกแปลกตาไป
๏ เห็นเรือดั้งสิบเจ็ด.........เรือครุฑเตร็ดไตรจักรไกร
เกริกกล้าเรืองวิไล...............ลอยลำใกล้เรือแตงโม
๏ เรือครุฑเหิรเห็จห้าว.....เรือดั้งกร้าวสิบแปดโบ-
ราณท่านใช้ฝ่าโต้..............ทัพข้าศึกทั้งฝึกปรือ
๏ เรือดั้งสิบเก้าแกร่ง........มากเรี่ยวแรงไม่รามือ
พายงัดองอาจถือ................สมเกียรติกล้าทหารไทย
๏ เรือดั้งยี่สิบนั้น.............พลมุ่งมั่นกันทันใด
ฮุ้ยเล่ ฮุ้ยขรมไป..............ต่างรวมใจไม่อ่อนแรง
๏ เรือดั้งยี่สิบเอ็ด.............คงถือเคล็ดจึงเปลี่ยนแปลง
จังหวะคราสำแดง...............จ้วงน้ำใสพรายกระเซ็น
๏ เรือดั้งยี่สิบสอง.............แหวกธารท่องล่องลอยเห็น
พลหมู่เสนาเป็น................เช่นเริงร่าคราจ้ำพาย
๏ เรือหนึ่งซึ่งเกินย้ำ...........เรียงถ้อยคำนำบรรยาย
ความห้าวแห่งฝีพาย...........อีกนายท้ายนายกองชาญ
๏ ร่วมแรงและรวมใจ...........เรือเอกชัยหลาวทองปาน-
หลอมจิตพลชลยาน............แกร่งกล้าหาญผลาญไพรี
๏ อีกหนึ่งซึ่งคงเกียรติ์.........ดั่งคำเธียรเปรียบเปรยมี
สวยสง่าไร้ราคี....................แสนเปรมปรีดิ์เกินบรรยาย
๏ เอกชัยเหิรหาวห้าว........ผุดผ่องพราวเปี่ยมประกาย-
แห่งทองอันแพรวพราย........กระหนก*ลายให้ตื่นตา
๏ โอ้เรือพระที่นั่ง................ทองสุกปลั่งดั่งจันทรา
สมเกียรติ์แห่งราชา..............ธ ผ่านฟ้าจอมราชัน
๏ พระผู้ทรงพรั่งพร้อม........ทวยราษฎร์น้อมมอบชีวัน
จงรักภักดีมั่น.....................ตราบอาสัญยังมั่นคง
๏ นารายณ์ทรงสุบรรณ....เกินเสกสรรค์คำดำรงค์
ลายลักษณ์จำหลักบ่ง..........ให้ลุ่มหลงคงเปรมปรีดิ์
๏ นารายณ์สี่กรนั้น............เปรียบ ธ มั่นมากบารมี
เมตตาทั้งปราณี.................ต่อไพร่ฟ้าประชากร
๏ ศึกใหญ่คือภัยแล้ง...........น้ำเหือดแห้งแหล่งดินดอน
ธ โปรดอำนวยพร..............เปลี่ยนทุกข์ร้อนเป็นร่มเย็น
๏ เสกฝนและเสกน้ำ..........ต่างชุ่มฉ่ำไร้ลำเค็ญ
ชี้ทางห่างทุกข์เข็ญ............เช่นคงชีพอย่างพอเพียง
๏ นารายณ์ทรงสุบรรณ ..ดั่ง ธ นั้นเฝ้ามองเมียง
เสด็จไปทั่วไทยเพี้ยง-.........องค์นารายณ์ไล่อาธรรม์
๏ ยอดเขาสุดเขตแดน........ถิ่นยากแค้นแดนใดกัน
ทรงย่างพระบาทพลัน........หมายเปลื้องทุกข์มอบสุขใจ
๏ ทวยราษฎร์ต่างแซ่ซ้อง....ดังกึกก้องทั้งแดนไตร
ขอองค์ พ่อหลวงไทย.......ทรงสำราญนิรันดร
๏ เรือพระที่นั่งทรง............ประหนึ่งองค์ธราธร*
เสกสร้างสถาพร.................ประสิทธิ์ไว้ในโลกา
๏ เนรมิตวิจิตรนัก..............แจ้งประจักษ์ให้ตรึงตรา
รื่นรมย์สมอุรา...................ดุจหงส์ฟ้าสิวาลัย
๏ คือ เรือสุพรรณหงส์.....อันสูงส่งคงคู่ไทย
ล้ำหล้าเกริกเกรียงไกร.........ยากร่ายเทียบหมายเปรียบความ
๏ หงส์ทองล่องสายชล.........น้ำใสจนเห็นแวววาม
ต้องแสงสำแดงภาม*............ชดช้อยตามคำกล่าวชม
๏ พู่ห้อยย้อยระย้า..............ยิ่งโสภาคราต้องลม
เพริศพลิ้วปลิวสวยสม..........พลั้งคารมชื่นชมพลัน
๏ เหล่าหมู่ฝีพายมาก..........แต่งกายหลากหากวาววรรณ
พายงัดยกจ้วงนั้น...............ดูแข็งขันพร้อมเพรียงจริง
๏ จังหวะกาพย์เห่ก้อง.........ท่วงทำนองพ้องอ้างอิง
ถ้อยเสนาะยังเพราะพริ้ง......รับกรับฉิ่งยิ่งกังวาน
๏ เอื้อนอ้างดั่งเวทย์มนต์.....ศักดิ์สิทธิ์ดลให้เบิกบาน
เพราะแท้แต่โบราณ...........เช่นกลอนกานท์ฉันท์กาพย์โคลง
๏ ลอยเด่นเห็นงามสง่า.......ทองเลื่อมตาผ้าแพรโพลง
จำหลักลวดลายโยง-...........คล้ายคงชีพรีบเริงชล
๏ คือเรือพระที่นั่ง..............งามสะพรั่งนภมณฑล
เอนกชาติภุชงค์ ดล......งดงามจนเผลอรำพัน
๏ ฉัตรตั้งตระหง่านงาม......ภูษาวามวิลาวัลย์
แต่งเรือดูครบครัน.............ฝีพายมั่นนั้นพร้อมเพรียง
๏ สวมหมวกกลีบจำปา........สมสง่าคามองเมียง
จ้วงพายได้ยินเสียง............สำเนียงต้องท้องนาวา
๏ เรือแซง เจ็ดลำล่อง......ฝีพายคล่องยามยาตรา
นายท้ายหมู่เสนา...............นุ่งผ้าใหม่ใส่ไหมงาม
๏ แต่งกายลวดลายหลาก.....พลหมู่มากหากมองตาม
เลื่องลือระบือนาม..............ท่วงกำยำยามเอี้ยวกาย
๏ บรรพชนคนกร้าวแกร่ง....มุ่งสำแดงเกียรติกำจาย
ไล่ล่าไพรีพ่าย...................สมชาติชายนายทหารเรือ
๏ เรือตำรวจกรมวัง.........คุมพลหลังดังจุนเจือ
ตรวจตรามาช่วยเหลือ.........หวังเพียงเพื่อความปลอดภัย
๏ นับได้ห้าสิบสอง..............เรือลอยล่องชลาลัย
โอ้แสนอวดศักดิ์ไทย...........อันยิ่งใหญ่ในนาวา
๏ เลิศศิลป์ล้ำศาสตร์สร้าง.....เด่นสล้างอวดศักดา
ยังสุขทุกครั้งครา................ตรึงตราภาพมิลืมเลือน
๏ บุญแท้เกิดเป็นไทย.........แสนสุขใจหาใดเหมือน
มากสุขทุกครัวเรือน............ใต้ร่มหล้าพระบารมี
๏ ขอเทิดทูนบูชา-..............พ่อหลวงฟ้า จอมจักรี
จงรักและภักดี...................ตราบสิ้นฟ้ากว่าสิ้นลม ๚ะ๛
อัลมิตรา.
6 มีนาคม 2547 18:25 น.
แก้วประเสริฐ
ใต้ร่มแก้วพฤกษาพันธุ์หลากหลาย
กระจายไว้ด้วยกุหลาบหลายหลากสี
แองเจลล่าพอร์ตมอญหนูอีกมากมี
เคียงข้างนี้ประดับไว้หลายหลากพันธุ์
พิกุลโรยโปรยดอกรอบเคียงข้าง
การเวกร้างดอกชมนารถออกสีสัน
มะลิหอมชวนกลิ่นหอมมากมีครัน
ส่วนตัวฉันนั่งม้าหินนิ่งคิดผลิอารมณ์
ดมกลิ่นหอมพาใจให้เวิ้งว้าง
สุดสล้างรอบข้างดอกกระจายมิได้สม
ชีวิตรักเหมือนดอกไม้เฝ้าอกระทม
สุดขื่นขมเหมือนเจ้านะดอกไม้งาม
ความงามเจ้าเร้าอารมณ์นะหญิง
รักถูกทิ้งมิเหลียวกลับเหยียดหยาม
ดูประหนึ่งฉันเป็นชายใจสุดทราม
ถูกประนามเหมือนดอกเจ้าโรยรา
โอ้ชีวิตหนาฉันนั้นเลือกเกิดมิได้
ไม่เหมือนในภาพเธอฝันบรรเจิดจ้า
ความรุ่มรวยยากจนสร้างตัวฉันมา
กาลเวลาเธอไม่ให้กำลังใจแก่เรา
แต่ตัวเขาเล่ายกย่องไว้ในที่สูง
คอยพยุงยกยอเยินแต่ตัวเขา
ทุกสิ่งอย่างผิดถูกพูดแค่เบาเบา
เหมือนตัวเขาเป็นเทพเจ้าในใจเธอ
ความเป็นชายใจมานะบากบั่นสู้
แม้นจะรู้ว่าสู้ไม่ได้เพียงแค่เสนอ
น้ำใจเธอฉันรู้แล้วถึงแม้จะละเมอ
เพียงฝันเพ้อเธอสลายฝันในอารมณ์.
เพื่อนชายเอ๋ยโปรดรับรู้ดูอย่างฉัน
แม้บากบั่นอย่างไรก็แพ้แก่เงินเขา
จะมอบรักให้หญิงสักคนนะอย่าหูเบา
เปรียบเขาดุจมาลีหอมกรุ่นสุดเชยชม.
แก้วประเสริฐ.
6 มีนาคม 2547
4 มีนาคม 2547 13:46 น.
แก้วประเสริฐ
๏ หอมเอยเผยกลิ่นคลุ้ง...........จรุงใจ
บานเบ่งเพรงกาลไกล.................ไป่ร้าง
กลีบดอกออกประไพ..................เพรียกหมู่- ภมรฤา
หมายชื่นชระมื่นอ้าง.....................เยี่ยมเย้ายลโฉม ๚
..๏ เผลอใจหมายเหนี่ยวโน้ม........ชมเชย
พลั้งจิตจริตเผย...........................เพลี่ยงพล้ำ
พิศมัยใดใคร่เฉลย.......................ร่ายพจน์ ชมแฮ
หากแต่คำโคลงย้ำ........................ไป่อ้างเสมือนจริง ๚
..๏ เครือเถาราวสร้อยพร่าง............สังวาลย์
งามยิ่งอิงโฉมสคราญ....................กลีบแย้ม
ใบสดงดงามนาน..........................ไสววับ- วาวนอ
เกาะเกี่ยวเพรียวพันแฉล้ม...............สลับล้อเริงลม ๚
..๏ กลีบดอกออกซอกซ้อน..........แซมสลวย
กลิ่นกรุ่นละมุนระรวย....................เฟื่องฟุ้ง
หอมหวลป่วนลมระทวย.................เทียมทิพย์- สุคนธ์นา
หากแต่ดอกคละคลุ้ง.....................มุ่งให้คืนหอม
..๏ เด็ดดอกดังบอกให้..................คงความ
หอมนักหากหลงยาม....................เยี่ยมใกล้
หอมนวลดั่งชวนหวาม..................ไหวติด เสน่ห์ฤๅ
ขอร่ายโคลงชมให้.........................แน่งน้อยคลายเหงา ๚ะ๛
..๏ การเวกเฉกเช่นน้อง...............นวลลออ แม่เอย
แผกแต่การเวกพอ.......................รุ่งเช้า
หอมใดจักกลายชลอ....................จางกลิ่น
หากแม่ยังหอมเย้า........................ชื่นแท้นิจจกาล ๚ะ๛
อัลมิตรา
กลิ่นหอมใดในพฤกษ์..............ไพรวัลย์
บ่เทียบเทียมเอนกอนันต์............มาร์ตี้ กลิ่นได้
เลิศในนอกกลีบพรรณ................ไพรพฤกษ์
หอมกลิ่นจรวยจิตครัน..................เฝ้าครวญ ใหลหลงฯ.
อนงค์นารถสูงเกินกว่า..............สุดคว้า
อสุชลหลากหล้าเยือนหน้า.....................ยากแฮ จริงนอ
ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำล้ำลึก...........................ใจถึง
เอนกอนันต์ร้างจิต................................หมองช้ำ ตัวเราฯ.
แก้วประเสริฐ.