20 เมษายน 2547 14:29 น.
แก้วประเสริฐ
แกร๊งๆๆ..แกร๊งๆๆๆ..แกร๊ง เสียงระฆังสะท้านสำเนียงวังเวงแว่ว
นักเรียนรีบเรียงหน้าพามาเข้าแถว เสียงเจือนแจ้วเพลงชาติประทับใจ
สวัสดีครับสวัสดีค่ะคุณครูครับค่ะ จ๊ะนักเรียนทุกคนด้วยหน้าอันผ่องใส
ยิ้มระรื่นชื่นบานกันทุกคนไป แสนชื่นใจหน้าบานกันทุกคน
ร่างระหงส์องค์เอวน้อยของครูสาว เธอเริ่มขานชื่อนักเรียนที่ได้สน
หาได้มีนักเรียนขาดไปไม่พากล เพราะทุกคนล้วนขยันและรักครู
กอเอ๋ยกอไก่ขอไข่อยู่ในเล้า สำเนียงแจ๋วประสานไพเราะหู
เด็กทุกคนดูขยันท่องตามคุณครู เพื่อเชิดบ้านเมืองแลวงศ์ตระกูล
บัดนี้เติบใหญ่วัยขึ้นแก่กล้า ได้วิชาความรู้ครูสาวสั่งมิได้สูญ
แต่ครูกลับเสื่อมชราไปให้อาดูร โอ้บุญคุณครูเหลือล้นพ้นคณา
น้ำตารินไหลหลั่งลงอาบแก้ม ด้วยครูแสนรักจากไปไม่หวนหา
มอบวิชาความรู้ให้แล้วไม่กลับมา โอ้ครูจ๋าฉันพลิกฟื้นถึงความจำ
ครูนั้นเล่าเฝ้าสอนให้ได้คิด สุจิปุริจำไว้อย่าลืมนะพ่องามขำ
หมั่นท่องเอาแล้วเจ้าจงจดจำ ปฏิบัติตามครูไว้ให้พองาม
ปากเป็นเอกเฉกเช่นหางเสือแล่น สู่แนวแคว้นพ้นภัยอย่าได้ขาม
จงอ่อนน้อมถ่อมจิตใจให้งดงาม แล้วคิดตามให้เหมือนเลขที่เป็นโท
หนังสือเล่าเฝ้าหมั่นอ่านขยันท่อง ดุจแผนที่ทองอย่าวางไว้ให้ดูโก้
จะร่ำรวยยากจนเป็นคนที่ใหญ่โต มิใช่โม้ครูจัดเอาไว้ให้เป็นตรี
อันผิดถูกชั่วดีนั้นมีไว้เจ้าคงคิด หากแม้นจิตฝึกเอาไว้ให้เป็นศรี
ควรกระทำในเรื่องราวแค่พอดี อันชั่วดีครูจึงจัดเอาไว้ให้เป็นตรา
สิ้นครูแล้วเจ้าจงหมั่นขยันเพิ่ม เสริมความรู้เข้าไว้ให้มากหนา
ความรู้ครูสิ้นแล้วเพียงแค่ตำรา วันข้างหน้าโลกกว้างยังห่างไกล
ก้มลงกราบบนพื้นพสุธาผวาจิต แต่ยังคิดถึงคุณครูเล่าเฝ้าสั่งไว้
หมั่นศึกษาวิชาเพิ่มเสริมเติมขึ้นไป โดยใช้ตำราครูเล่าเฝ้าเลี้ยงตัวเอง
จึงขอฝากเพื่อนพ้องและน้องพี่ คิดให้ดีก่อนจะทำคงตรงเผง
ผมแต่งกลอนนี้ขึ้นเพราะยำเกรง ตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนั้นระแวง
หากผิดพลาดพลั้งไปในความคิด แก้วประเสริฐซิรับไว้ไม่คิดแย้ง
หากกลอนดีพอขอช่วยกันเป็นแรง กระจายแหล่งให้เจิดจ้านภาลัย
อันความดีมอบไว้แด่คุณครูผู้สั่งสอน ที่ท่านจรจากฉันไปตามอายุขัย
ขอบังเกิดบนสวรรค์ฟากฟ้านภาลัย ลูกศิษย์ไซร้กราบไหว้บุญคุณครูชั่วสิ้นลม.
แก้วประเสริฐ.
19 เมษายน 2547 17:58 น.
แก้วประเสริฐ
หยาดรุ้งงามราวดวงดาวรุ่งจิต
รุ่งความโศภิตรุ่งชีวิตชายแม้เงา
ดวงตาคมซื้งซึ้งดังเพชรวาว
เนตรงามอค้าวหยาดรุ้งราวหยดน้ำริน
ยินเสียงเพลงแว่วหวานสำราญจิต
ให้ครุ่นคิดถึงเพลงรักดุจกระแสร์สินธุ์
เหมือนหยาดฟ้าหลั่งไหลมาชโลมดิน
ทำให้สิ้นทุกข์มลายสิ้นหายไป
ให้คิดถึงสาวนางหนึ่งพึงโศภิต
ทั้งจริตกิริยาท่าทางงามแจ่มใส
อรชรอ้อนแอ้นสวยสดแสนวิไล
เธอแต่งกายชุดขาวงามล้ำอลังการ
เธอประสานไว้ด้วยหมวกอันสีขาว
แถบดำวาวขาวตัดครอบไว้บนเกศา
ใบหน้าแย้มยิ้มพริ้มพรายยามเจรจา
แสนเสน่หาแก่ปวงชนจนหลงลืม
ความเจ็บป่วยได้ไข้แทบหายขาด
เธอช่างฉลาดเจรจาเข้ามาเสริม
มธุรสอันอ่อนหวานนำมาช่วยเติม
พอเธอเริ่มเจรจาพาไข้แทบคลาย
เธอบากบั่นต่อสู้งานด้วยชีวิต
โดยมิคิดว่าชีพเจ้าจะสูญสลาย
ในแนวรบมากนักมิกลับกลาย
แม้แต่ชายบางคนมิกล้าเข้าต่อกร
คุณแห่งความดีที่พวกเธอได้รับ
คือเครื่องประดับสีขาวเป็นอนุสรณ์
ขาวพิสุทธิ์ผุดผาดไว้เป็นเครื่องอาภรณ์
เพื่อจะวอนโลกให้จดจำคำว่าพยาบาล.
แก้วประเสริฐ.
18 เมษายน 2547 16:39 น.
แก้วประเสริฐ
เสียงเกลียวคลื่นซัดผ่านเข้าหาฝั่ง ดั่งดนตรีทิพย์บรรเลงเพลงสวรรค์
ลมโชยพัดผ่านวารีระริกพลัน สายน้ำนั้นรวมตัวเข้าด้วยกัน
วันเวลาผ่านไปใจหวนคิด รักสนิทฝังซึ้งตรึงใจฉัน
สู้บากบั่นถนอมกล่อมเลี้ยงมัน หัวใจนั้นมิได้เศร้าเคล้าน้ำตา
ดีนะดีมีน้องอยู่ข้างเคียงจิต เป็นน้องมิตรแน่แท้ที่ห่วงหา
ชื่นในทรวงหวงจิตคิดทุกเวลา หล่อเลี้ยงมาด้วยหัวใจที่เธอมี
นามดาหวันมีใจแสนบริสุทธิ์ ดุจผุดจากสวรรค์เจิดจรัสรัศมี
เธอพร้อมมูลอรรถรสที่พึงมี ดูเป็นศรีพึงสง่าแก่ตัวของเรา
ด้วยรักเราทั้งสองประคองจิต ส่งเสริมชีวิตของเรามิให้เศร้า
บำรุงรักใฝ่ปองทั้งสองเรา เสริมรักเราให้โชติช่วงชัชวาล
ถึงแม้นกาลผ่านมาเป็นปีแล้ว รักยังแน่วแนบซึ้งตรึงไพศาล
ขอให้น้องพี่มีสุขดุจวันวาน คงมีสักวันพี่บากบั่นมาหาเธอ
จะทำการสิ่งใดขอได้พยายามคิด ว่าพี่มีจิตห่วงใยในตัวเธอเสมอ
จะเจ็บไข้ได้ป่วยยากจะบำเรอ อย่าเผอเรอมัวสนุกทุกอารมณ์
ยุคสมัยนี้มีภัยได้ทุกสถานที่ หมั่นตรวจตราให้ดีตามเหมาะสม
หากพลั้งพลาดไปใจคงจะระทม แสนขื่นขมอกพี่แหลกแตกตามไป
พระพายพัดใบสนต้องสู่หน้า ฉันผวาตื่นจากความฝันอันสดใส
โอ้นี่ฉันฝันกลางวันจริงเจียวไซร้ เพราะเหตุได้รักเพื่อนเตือนจิตจำ
มันช่างซาบซึ้งตรึงหทัยสุดใดเหมือน นี่เป็นเพื่อนยังนึกรักจนใจระส่ำ
หากได้เคล้าคู่เคียงครองต้องไม่ระกำ กลับความช้ำเคยผ่านมาระอาใจ
พลันเดินหน้าหาหาดวักน้ำคลื่น จิตระรื่นยังคิดรอยฝันอันสดใส
ล้างหน้าพลางอธิษฐานสิ่งในหัวใจ พระแม่คงคาจงช่วยให้รักได้สมอุรา
ตะวันลับขอบฟ้านภาแดงฉาน หมู่นกน้ำร้องก้องลั่นบนเวหา
หันหลังกลับเดินเพื่อพักซึ่งกายา โบกมือลาวันหน้าจะมาฝันอันรัญจวน.
แก้วประเสริฐ.
17 เมษายน 2547 13:52 น.
แก้วประเสริฐ
มองภาพลักษณ์พลันสำนึกจิตระลึก
พินิจตรึกใจมองลองค้นหา
ความแก่นแท้ผ่านไปเวียนมา
เพื่อจะหาความสล้างสร้างอารมณ์
นึกถึงวัยหนุ่มสาวเฝ้าหลงรูป
ที่แสนผูกความใคร่จนไหลหลง
เพน้าพะนอความรักมิได้ปลง
เพราะหลงใหลความงามแม่ทรามเชย
วันและคืนตื่นขึ้นมาผวาจิต
ใจนั้นคิดถึงนวลนางแม่เจ้าเอ๋ย
อรชรอ้อนแอ้นสวยจริงไม่เคยเลย
ที่จะปล่อยตัวสุดเชยให้ได้ชม
แม้นตัวเราก็เถอะแต่งตัวเพื่ออวดโฉม
เพื่อเล้าโลมโฉมอนงค์ตามเหมาะสม
หวีผมเผ้ากระตุกผมย้อยสร้างอารมณ์
เพื่อให้นวลอนงค์หลงเสน่ห์ในตัวเรา
อนิจจาความเปลี่ยนแปรของชีวิต
ที่ลิขิตไปตามธรรมชาติเสียเราเขา
สร้างเปลี่ยนแปลงกาลเวลาไม่ยอมเบา
กำหนดเราให้เกิดเฒ่าชะแลแก่ชรา
ไม่ว่าหญิงชายหนอนัยแห่งชีวิต
ว่าที่คิดสวยสดได้ตามปรารถนา
พอถึงกำหนดกฎเกณฑ์ที่เป็นมา
เหมือนภาพเอามาส่งให้ได้เชยชม
หากยังหลงมัวเมาอยู่ในชีวิต
ยิ่งจะติดพาตัวเราให้ไม่เหมาะสม
มิได้สร้างดำเนินชีวิตเมื่อหมดลม
วิญญาณคงสมสู่อยู่ในอบายภูมิ.
แก้วประเสริฐ.
13 เมษายน 2547 23:05 น.
แก้วประเสริฐ
มาถึงแกลงแห่งระยองถิ่นกลอนแปด
หัวใจแวบนึกถึงบรมครูผู้สั่งสอน
วางบทเรียนเขียนไว้เรื่องบทกลอน
เป็นทำนองไพเราะเสนาะโสตถิดี
พลันเลี้ยวรถซ้ายวับขับตามที่
แล่นตามป้ายมีบอกไว้ไม่ขัดสี
เลี้ยวขวาทีซ้ายทีก็จะถึงซึ่งพอดี
บริเวณที่พำนักแหล่งอาจารย์
บริเวณที่อาจารย์นั่งพักอยู่เนินสูง
หอมจรุงรสสุคนธ์ กลิ่นธูปที่จัดสรร
เขาบูชาสักการะท่านมีให้เห็นรอยควัน
ใต้เนินนั้นแว่วเสียงเพลงปี่พระอภัยมณี
นางเงือกน้อยกลอยใจสุดสวาท
ดารดาษดอกบัวช่องามหลายหลากสี
โบกสะบัดพัดหางเล่นกลางวารี
ข้างๆมียักษ์ร้ายคล้ายกำลังกริ้วโกรธา
ชี้เขม่นงือกน้อยกลอยใจให้ดูขลาด
แสนประหลาดนางไม่สนซึ่งยักษา
จะโกรธาอย่างไรนางไม่เจรจา
แย้มยิ้มพยักหน้ากับพระอภัยมณี
อากาศร้อนพระพายพัดเย็นฉ่ำชื่นจิต
ใจประหวัดจิตคิดถึงวัยเริ่มมีสี
ใช้กลอนท่านร้องขับเกี้ยวนารี
จารจรดอักษรที่ดีท่านเกี้ยวนำพา
บัดนี้เราเฒ่าชะแลแก่ลงแล้ว
คิดถึงแนวเมื่อแรกรักหมั่นไส้หนา
สมัยนี้เขาหมดสิ้นแล้วไม่นำพา
ชักระอาเมื่อเห็นสาวๆพาเศร้าใจ
จึงชักรูปตัวเองไว้เพื่อเป็นที่ระลึก
เมื่อผนึกลงในคอมฯใจให้ผ่องใส
คิดถึงเพื่อนๆในโพเอ็มขึ้นทันใด
ฉันจึงร่ายกลอนอ่อนหัดไว้ให้เพื่อนๆชม.
แก้วประเสริฐ.
13 เมษายน 2547