19 กรกฎาคม 2554 15:44 น.
แก้วประภัสสร
เมื่อก้าวเท้าลงบันใด จุดหมายคือบ้านพี่สาว เพื่อพบปะ ระหว่างญาติพี่น้อง
อาทิตย์นี้ เรามีแขกพิเศษมาร่วมโต๊ะอาหารและวงสนทนาเพิ่มขึ้น สองท่าน
เพื่อมาคุยเรื่องงานแต่งงานของหลานชาย
เมื่อทั้งสองฝ่ายแนะนำตัวกันเรียบร้อย พวกเราให้เกียรติสำหรับแขกผู้มาเยือน
ซึ่งอีกไม่นานก็จะมาเกี่ยวดองกัน เป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
แรกๆ การคุยเหมือนยังเกรงๆ ไว้เชิงกัน เนื่องจากเป็นการพบปะญาติฝ่ายหญิงครั้งแรก
เมื่อการสนทนาเริ่มขึ้น ความเป็นกันเองก็ทำให้อีกฝ่ายหนึ่ง รู้สึกสัมผัสได้ว่า เขาและเราไว้ใจและเชื่อใจกัน
หลังจากคุยเวลาและสถานที่ หาฤกษ์หายามแต่งงานเรียบร้อย
คุณแม่ของว่าที่หลานสะไภ้ก็ได้เล่าย้อนประวัติของตนเองให้ทุกคนๆฟัง
ชีวิตของเธอ ไม่ต่างกับนิยาย หรือละครหลายเรื่องที่เราๆ ท่านๆได้ชมกัน
จากหญิงสาว ที่มีชีวิตอยู่ในรั้ว ในวัง เป็นลูกหลานข้าราชการบริวารมาก่อน
เธอเล่าว่า ชีวิตที่ผ่านมา หาโรยด้วยกลีบกุหลาบ ต้องทำงานทุกอย่าง
ไม่ต่างกับคนรับใช้ มีช่วงหนึ่งที่เธอเล่าพร้อมน้ำตา ว่าจะไปงานเลี้ยงแต่ไม่มีชุดสวยๆใส่ ลูกสาวของญาติให้เธอยืมชุด เธอสวมชุดนั้นอย่างมีความสุข
แต่ความสุขก็อยู่กับเธอได้ไม่นานนัก เมื่อแม่ของญาติที่ให้เธอยืมชุดใส่มาเห็นเข้า และสั่งให้เธอถอดชุดนั้นออก
เธอเล่าพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา ..ฉันหยิบกระดาษทิชชู่ให้เธอแล้วบอกว่า พวกเรายินดีรับฟังทุกอย่างที่เธออยากจะเล่า
" หนูคิดว่าพี่รับสัมผัสพวกเราได้ พี่ระบายออกมาเถอะค่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียว " ฉันยื่นมือไปจับมือของเธอ มือที่ยังเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาอยู่
เธอเคยเดินทางด้วยเท้าเปล่า เพื่อไปขอพักอาศัยชั่วคราวบ้านญาติ เมื่อคราที่ชีวิตเจอมรสุม เนื่องจากแยกทางกับสามีและลูกยังเล็ก
เธอไม่มีทางออก ถึงขนาดคิดสั้น เอาลูกและตัวเองแขวนคอ หวังลาโลกไปพร้อมกัน
แต่แล้วสติก็ทำให้เธอหยุดคิดสั้น เมื่อมองเห็นรอยยิ้มของเด็กไร้เดียงสา ผู้ที่ขึ้นชื่อว่า"ลูก"
เธอลุกขึ้นมาสู้ชีวิตอีกครั้ง เดินหางานทำจนมีคนเมตตาให้ทำงาน แต่รายได้ก็ไม่พอใช้จ่าย ต้องอาศัยทำงานกลางคืนเพื่อเพิ่มรายได้เลี้ยงลูก
ด้วยการทำงานเป็นพีอาร์เชียร์แขกในร้าน และก็ได้พบกับสามีคนปัจจุบัน
แรกๆทั้งสองก็ต้องทำงานหนักเนื่องจากมีลูกคนที่สอง
เธอเล่าถึงตอนที่ เหลือเงินในกระเป๋าอยู่ห้าบาท ไม่มีเงินซื้ออาหารให้ลูกกิน
เอาเงินห้าบาทนั้นไปซื้อผักคะน้ามาผัด ผัดทั้งน้ำตา เพราะสงสารลูก
เมื่อลูกสาวคนโตพูดกับเธอว่า " คุณแม่ขา อาหารมื้อนี้อร่อยและวิเศษที่สุดเท่าที่ลูกเคยกินมา" เธอและสามีถึงกับอึ้ง และแอบกอดคอกันร้องไห้
คำพูดของลูกทำให้มีกำลังใจมาถึงทุกวันนี้
น้ำตาที่ไหลออกมา ด้วยเธอเก็บไว้มานานหลายปีกับความลับที่เธอบอกว่า ไม่เคยเล่าให้ญาติๆฟังเพราะกลัวการดูถูก เหยียดหยามจากวงค์ตระกูล
น้ำตาของผู้หญิงคนหนึ่ง กับเรื่องเล่าเพียงบางเสี้ยวของชีวิต ทำให้ฉันรู้สึกว่า
หัวใจอ่อนล้าที่ไร้เหตุผลของฉันทุกวันนี้ มันไม่ได้ทุกข์เท่ากับเศษเสี้ยวชีวิตของคนอีกหลายคน
วันนี้เขาและเธอ โชคดีมากค่ะ ที่มีลูกสาวคนละสามี แต่เด็กทั้งสองรักกันมาก เธอยื่นมือไปบีบมือสามีและเอ่ยปากขอบคุณเขา
ขอบคุณที่ให้ชีวิตใหม่เธอกับลูกสาว ขอบคุณที่ให้ลูกสาวที่น่ารักอีกคน ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันและคอยเป็นกำลังใจ จากวันที่ไม่มีข้าวกิน
จากวันที่หัวใจอ่อนล้า มาเป็นผู้ญิงที่แข้มแข็งในวันนี้
ฉันฟังเรื่องราวจนจบแล้วลุกขึ้นไปยืนมองท้องฟ้าในเวลาค่ำคืน
ท้องฟ้าวันนี้ไม่สว่าง เพราะสายฝนกำลังโปรยปรายลงมากระทบหลังคาดังเปาะแปะ
ฉันหันไปมองต้นชวนชมที่กำลังออกดอกบานเต็มต้นในกระถาง
ฉันหันไปมองปลาที่กำลังว่ายอย่างช้าๆอยู่ในสระเล็กๆ
แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง...
วันนี้ท้องฟ้าปิด มองไม่เห็นเดือน และดาว แต่ความสว่างกลับเกิดขึ้นที่ใจฉัน
และเกิดขึ้นกับแขกใหม่ผู้มาเยือนบ้าน ความสว่างที่เกิดขึ้นถึงแม้ต่างเหตุผล
แต่ฉันเชื่อว่า เราต่างเข้าใจความหมายของคำว่า "แบ่งปันความรู้สึก"ได้ดี
ขอขอบคุณ ..จากฉันผู้รับฟัง ..
ขอขอบคุณ..เธอผู้ถ่ายทอดเรื่องราว ...
แก้วประภัสสร
19/07/2011