วันที่ 04-05 กุมภาพันธ์ 2555 แก้วฯได้รับเชิญให้ไปร่วมงานสัมนา ของสายการบิน ในกลุ่ม Star Alliance ในทริป กรุงเทพฯ-ปาริโอ-Team Building เขาใหญ่ แต่หากดูที่ภาพแล้ว น่าจะเป็นการไปพักผ่อน เที่ยว เสียมากกว่าค่ะ เพราะไม่มีตำรา ไม่มีอะไรที่หนักสมองเลย ทุกคนไปรวมตัวกันที่จุดนัดหมาย ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมค่ะ รสบัส 3 คันเตรียมพร้อม ขนลิง เอ้ย พาทุกคนไปเที่ยว ^_^ แรกก็แปลกใจ เราเป็นบริษัทเล็กๆ ทำไมพักนี้ถูกรับเชิญให้ไป ร่วมกิจกรรมบ่อยๆ เมื่อพบเจ้าหน้าที่ของสายการบินก็ได้รับคำตอบว่า จะพิจารณาจากยอดขายทั้งหมดในแต่ละปี อืม...ไฟไหม้....น้ำท่วม.. ยอดขายมากกว่าเวลาปกติ แต่คิดว่า นั่นคงไม่ใช่ เพราะดูมันเหมือนกับ สวนทางกับความเป็นจริง ส่วนหนึ่งมาจากความมั่นคงของบริษัทเรา ซึ่งเปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี ความเชื่อถือ และราคาที่แสนจะถูก ถูกจริงๆนะคะ ยืนยันรับประกันได้ 08.00 น. ล้อหมุนออกจากสวนลุม บนรถ ก็มีกิจกรรม ต่อคำ สำนวน ที่ทัวร์ส่วนมากนำไปเล่นกัน คือให้ใช้คำว่า " หอย " ไปใส่แทนคำใดคำหนึ่ง ในสำนวนไทย เช่น " ไก่ได้หอย " " ผักชีโรยหอย " อิ 10.30 น. รถมาถึงปาริโอ ซึ่งเขาบอกว่า เป็นอาณาจักรใหม่ของคนเขาใหญ่ ก้าวเท้าลงจากรถ ทีแรกคิดว่าอากาศจะเย็นๆ แดดร้อนเปรี้ยงเลยค่ะ ให้เวลา ประมาณ 45 นาที ลงไปถ่ายรูป เดินตามมุมต่างๆ คิดว่า เพื่อนหลายๆคน คงเคยไปกันมาแล้ว 11.30 ขึ้นรถ ไปรับประทานอาหาร ที่ครัว หญ้าคา จะเหตุผลที่นี่ หรือบนรถ หรือส่วนตัว ก็ไม่ทราบ ท้องเสียอย่างรุนแรง ซึ่งตั้งแต่ไปเที่ยวมา หลายครั้ง หลายปี นับไม่ถ้วน นี่เป็นครั้งแรก ที่อาการรุนแรงที่สุด หน้าห้องน้ำ ก็มีเพื่อนอีก สาม สี่คน อาการเดียวกัน เพลียมากๆ แต่ The show must go on. 14.30 เดินเข้าห้องสัมนา ซึ่งอยู่กับพี่พัก จุลดิส รีสอร์ต เขาใหญ่ ที่ห้องนี้ ทำให้ทุกคน ที่มากันแบบรู้จักกันบ้าง ไม่รู้จักกันเลย แต่ทุกคน ร่วมเล่นกิจกรรมด้วยกัน มือประสานมือ รอยยิ้มส่งถึงกัน เสียงหัวเราะ ที่ดังออกมาจากปอด กังวานดังทั่วห้อง จากนั้นก็พาไปทำกิจกรรม Walk Really ที่ Like Park โดยแบ่งเป็นกลุ่ม เล่นเกมส์ "ทิ้งดิ่ง" "วัดใจ" "สไลเดอร์" แต่เสียดาย ภาพรวมกลุ่ม และภาพหมู่ ยังไม่ถูกส่งมาจาก บริษัททัวร์ที่จัดงานค่ะ 16.30 เสร็จสิ้นกิจกรรม แยกย้ายกันพักผ่อนตามอัยธาศัย แก้วฯได้ห้องพัก ซึ่งเมื่อเปิดม่านออก จะมองเห็นวิว ภูเขา สวยมากๆ อากาศเริ่มเย็นนิดๆ ไม่หนาวค่ะ 18.30 ทุกคนเข้าร่วมงาน " Star Jungle Party " สนุกสนานกับกิจกรรมหน้างาน กับคาสิโน งานนี้ หมดแรง เพราะความเพลีย จากอาการท้องเสีย แม้จะทานยาไปแล้ว ก็ความปั่นป่วน ทำให้พยายามยิ้มสู้ งานจบเมื่อตอนสี่ทุ่มครึ่ง กลับเข้าห้องพักยังไม่วายตั้งกล้องถ่ายรูปกันอีก 05 กุมภาพันธ์ 2555 07.00 ลงมาทานอาหารเช้า ที่ห้องอาหาร แล้วเดินไปที่ ปาริโอ อีกครั้ง ชวนเพื่อนๆไปกระโดด โลดเต้น ถ่ายภาพอีกครั้ง เอ้อ.. ตอนกระโดด ลืมนึกถึงวัยตนเอง กระโดดไปสี่ครั้ง ปวดเข่าเลยพี่น้อง 555 10.00 ออกจากที่พัก เดินทางไปบริจาคสิ่งของและเงินที่โรงเรียน วัดห้วยจระเข้ อำเภอวังน้อย อยุธยาค่ะ 12.00 ทานอาหารที่ ภัตตาคาร ครัวน่านน้ำ บรรยากาศดีมากๆ ข้างๆมีน้ำตก น้ำตกจริงๆนะคะ ไม่ใช่ ซกเล็ก อิ แถมการันตีโดยนักชิมมืออาชีพ อย่างแก้วฯอาหารอร่อยทุกอย่าง ไม่มีที่ติ ยกนิ้วให้เลย หากใครไปปากช่อง แนะนำร้านนี้เลยนะคะ ขากลับแวะ Outlet Village เลือกซื้อสินค้า แบรนเนม แก้วฯได้น้ำหอมซึ่งทำมาจากรากหญ้าแฝก..ย้ำหญ้าแฝก ไม่ใช่หญ้าแพรก ^_^ หลังจากนั้นก็แวะซื้อกะหรี่ปั๊บ แล้วเดินทางกลับกรุงเทพฯ นำภาพมาฝากเพื่อนๆกันค่ะ อย่าว่า สร้างภาพอีกน๊า... ก็คนชอบถ่ายภาพนี่นา เนอะๆ
* ขอเพียงได้แบ่งปันสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ใจฉันก็พองโตอาบอิ่มด้วยความสุข* เวลาของฉันที่เหลืออยู่ อาจจะเหลือเพียงช่วงสั้นๆของชีวิต หรืออาจจะยาวนาน ถูกต่อด้วยบุญ ด้วยการกระทำ ให้มีชีวิตอีกต่อไป หรือจะจบเมื่อไหร่ ก็คือเมื่อนั้น ฝืนสังขารและธรรมชาติไม่ได้ เถอะนะ ...แม้สิ่งที่ฉันนำมอบให้ ดูจะเยอะเกินไป จนบางคนไม่อยากรับ หรือใส่ใจมัน นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเองก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันคือความจริง รัก โลภ โกรธ หลง ชอบ ไม่ชอบ ก็เป็นเรื่องธรรมดาเหมือนกับสังขาร แต่มีสิ่งหนึ่ง ที่ฉันพึงระลึกและพูดกับตนเองเสมอว่า * ฉันจะไม่ทำร้ายใคร * โลกนับวันยิ่งร้อน ระอุ ด้วยภัยธรรมชาติ เราวางใจกันเถอะนะ อย่าให้โลกร้อนมากขึ้นกว่านี้ เพราะภัยร้อนจากจิต ที่มันคุกรุ่น ขอให้เราเรียนรู้ และอยากรู้ในสิ่งที่สร้างสรรค์ ดีกว่าทำลายความสัมพันธ์ ที่นับวันจะบอบบางกันเถอะค่ะ วันที่ 23 ที่ผ่านมา วันหยุดตรุษจีน ได้มีโอกาสเดินทางไปทำบุญ ไหว้พระที่นครปฐม ก็อดไม่ได้ ที่จะถ่ายภาพดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานมาฝากเพื่อนๆ ถ่ายภาพเยอะ จนมีบางใครแซวว่า " คุณ..นั่นดอกมะม่วง ไม่ถ่ายเหรอ อิ " ก็บอกแล้วว่า เราชอบสร้างภาพ ^ _^ เชิญชมกันเลยดีกว่าค่ะ
เพราะความที่ฉันมีพี่ถึง 9 คน และทุกคน ก็มีอายุห่างกับฉันมาก พวกเขาเลี้ยงฉันเหมือนลูกก็ว่าได้ เวลาที่พวกเขาคุยกัน ฉันอยากจะร่วมบทสนทนานั้นด้วย แต่เหมือนงานกร่อย เพราะฉันพูดคนละเรื่องกับพี่ๆ ผู้ใหญ่มักจะคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจ จริงๆนะ นั่นคือเหตุผลทีฉันไม่ค่อยพูดจาตั้งแต่เด็ก มีโลกส่วนตัวมากมาย เล่นขายของ ทำโน่น ทำนี่ ไม่ค่อยมีเพื่อนเล่นในวัยเด็ก เพราะบ้านห่างจากหมู่บ้าน เวลาเจอเพื่อนที ฉันจะดีใจเป็นที่สุด แต่ก็อีกนั่นแหละค่ะ เพื่อนฉันส่วนมากเป็นเพื่อนผู้ชาย เขาเล่นอะไรก็ต้องเล่นด้วย เตะมวย ยิงปืนที่ทำจากไม้ไผ่โดยใช้ลูกหว้าเป็นกระสุน ทอยเหรียญ ฯลฯ เมื่อฉันโตขึ้น เรียนมัธยม ด้วยตัวเล็กกว่าเพื่อนๆ พวกเขาก็ดูแลฉัน เหมือนว่าเป็นน้อง ไม่ใช่เพื่อน นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ฉันเติบโตแต่ตัว แต่นิสัยเป็นเด็ก ชอบเอาแต่ใจกับคนที่เข้าใจฉัน แต่ฉันก็แยกแยะได้เสมอ ระหว่างงาน ระหว่างเพื่อนที่ไม่รู้ใจฉัน หลายครั้งฉันมักจะอิจฉา เวลาเห็นเพื่อนๆคุยกันอย่างออกรส สนุกสนาน ในขณะที่ฉันอยากคุยด้วย แต่พอคุยด้วย ก็เหมือนกับงานกร่อยเช่นวัยเด็ก เพราะฉันคุยไม่เป็น ..ย้ำ คุยไม่เป็นจริงๆค่ะ ความอิจฉาของฉัน มักจะทำให้ฉันชอบเอาชนะตนเอง เมื่อเห็นพี่ๆ หรือเพื่อนทำอะไร ฉันจะชอบทำตาม และก็ได้เรื่องทุกครั้ง เมื่อฉันเห็นเพื่อนหลายคนถักหมวก ถักผ้าพันคอ ฉันก็เริ่มอาการนั้น โรคขี้อิจฉาของฉันมันคืบคลานเข้ามาในสมองหยักข้างซ้ายนิด ขวาหน่อย 05 มกราคม 2555 ที่ห้างเดอะมอลล์ท่าพระ ชั้น 4 ร้านขายไหมพรม " พี่คะ อยากถักหมวกค่ะ ช่วยจัดไหมพรม และอุปกรณ์ให้ด้วยค่ะ เห็นเขาบอกว่าที่นี่สอนฟรีด้วยใช่มั้ยคะ ยังไม่เคยเรียนคะ " ฉันบอกพนักงานขาย เมื่อเลือกสีไหมพรม ชำระเงินเรียบร้อย และเห็นอุปกรณ์ ก็มองๆ ยิ้มๆ " เราจะถักแบบไหนคะ " บางครั้งฉันก็ไม่ค่อยละเอียดกับพวกนี้มากนัก พนักงานขายและเป็นครูคนสอน " ที่นี่สอนถักเฉพาะนิตติ้งค่ะพี่" ฉันทำตาโต " ฮ้า...ถักนิตติ้งเหรอคะ ทำไม่ได้ๆ ทำไม่ได้จริงๆค่ะ พี่สาวเคยสอนตอนเด็ก พวกเขาถนัดขวากันทุกคน แต่เราถนัดซ้าย ครูจะสอนยังไงคะ " ฉันตั้งถามไป คุณนา ..อ้อลืมบอกไปว่า ครูผู้สอนชี่อ นาค่ะ เธอยิ้มและบอกว่า " ทุกคนที่เรียนที่นี่ หลายคนถนัดซ้าย แต่เราจะสอนให้ เหมือนๆกันคือต้องทำมือขวาค่ะ รับรองทำได้แน่นอนค่ะ แรกๆอาจจะช้าหน่อยค่ะ" ฉันครุ่นคิดอย่างกังวลใจ และรู้สึกตำหนิตนเองว่า จะทำอะไรทำไมฉันไม่ถามก่อน ว่าเรียนแบบไหน สุดท้ายฉันก็เปิดใจเรียนรู้กับสิ่งใหม่ที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะทำได้ วันแรก ครูขึ้นห่วงโซ่ให้ แล้วให้ฉันกลับไปหัดถัก นิต เพิล ขึ้นๆ ลงๆ แรกๆด้วยความถนัดซ้าย ฉันนั่งทำแบบหน้าตาซีเรียส ขอย้ำว่า ซีเรียสจริงๆค่ะ อันนี้เจ้ที่บ้านก็บอกค่ะ ฉันกลัวมันจะหลุด แม้จะตั้งใจเพียงใด ตอนเกี่ยวก็หลุดจนได้ หลังเลิกงาน ฉันมีนัดที่กับเดอะมอลส์ เดินเข้าเกือบทุกวัน เพราะเอางานไปให้ครูแก้บ้าง เกี่ยวห่วงอันที่หลุดบ้าง จนรู้สึกเกรงใจคุณนา แต่เธอก็พูดให้กำลังใจ และบอกเอามาให้ดูได้ ไม่ต้องเกรงใจ ครูสอนให้ถักขึ้น 5 เซ็นติเมตร พอถักตามครูสั่ง เอาไปให้ดู ครูดึงด้ายปรื๊ดๆออก จนหมด ฉันร้อง..โห...ครูๆ ดึงทำไมคะ ครูบอกว่า ให้หัดถักให้คล่องมือเท่านั้น ...เอ่อ...ครูขา..... เมื่อเริ่มของจริงๆ แรกๆฉันยังเก้ๆ กังๆอยู่ กลัวห่วงโซ่หลุดอย่างเดียวเลย จากคนที่ไม่มีสมาธิ ชอบหยิบโน่น วางนี่ตลอด ทำให้ฉันหยุดการแช๊ตตอนเย็น หยุดดูละครทีวี หันมาเปิดวิทยุสถานี วิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ฟังเสียงบรรยายธรรมของท่านพระพุทธทาสบ้าง หรือแล้วแต่ทางผู้จัดจะเปิดให้ฟัง การถักนิตติ้งครั้งนี้ ทำให้ฉันได้ข้อคิดเล็กๆมาใช้ นั่นคือ การจะทำอะไร สมาธิเป็นเรื่องสำคัญ และเมื่อฉันมีสมาธิ งานที่ทำก็ราบรื่น ผิดพลาดน้อยลง จากที่ครูให้ฉันถัก แทงลง 3 ครั้ง แทงขึ้น 2 ครั้ง ให้ได้ ความสูง 22 เซ็นติเมตร ฉันนั่งทำอย่างใจเย็น ไม่ผลีผลาม ไม่รีบร้อน ต่างจากวันแรกที่หัด ความกังวลที่มีอยู่ในตัวฉันมันมากเกินจะกล่าวเลยละค่ะ ฉันเองก็ยังนั่งยิ้มให้กับตนเอง เพราะฉันเดินไปให้ครูดึงห่วงโซ่ที่หลุด เพียงสองครั้ง และแล้ว 24 / 01/ 2555 " สวัสดีค่ะ ถักเสร็จตามที่ครูสั่งแล้วค่ะ " ฉันยื่นไหมพรมที่ถักให้คุณนา ครูวัดๆ แล้วบอกว่า "ยังขาดครึ่งแถว ทำต่อค่ะ" อ่า...เราว่าเราวัดแม่นแล้วน๊า แต่อาจจะเป็นเพราะว่า ฉันยังนับแถวไม่เป็น เมื่อถักครบ 22 เซ็นติเมตร ครูก็ให้คล้องสองห่วงแล้วแทงลง 1 รอบ และก็แทงลงอย่างเดียวอีก 2 รอบ และก็ คล้องห่วงแทงลงอีก 1 รอบ จบด้วยตัดไหม สนเข็ม แทงตรงกลางหมวกลง แล้วดึงพอสมควร เก็บซ่อนด้ายด้านใน เก็บซ่อนด้ายตรงชายขอบหมวก และแล้ว.... หมวกใบแรกจากการหัดถักนิตติ้ง ในรอบ 46 ปีของฉันก็สำเร็จ ^ _^ เริ่มหัดถัก ขึ้นๆ ลงๆ ตามครูสั่งค่ะ เริ่มถักจริงๆแล้ว ได้รับคำชมจากพี่ๆที่นั่งถักมานานว่า ฝีมือครั้งแรกของฉันเยี่ยมมาก พวกเขาหยิบไปดู รอบๆ แล้วบอกว่า เก่งมาก ไม่เห็นความผิดพลาด หรือโซ่หลุดเลย ต่างกับเขาที่ถักครั้งแรก ดูไม่ได้เลย อิ ภูมิใจมากๆ จริงๆนะคะ พี่ๆมักจะพูดกับฉันว่า ทำอะไรไม่ได้เรื่อง ไม่เป็นสับปะรดเลย อะ...มาดูๆ ที่ฉันทำเนี่ย มันคือลายสับปะรด เห็นมั้ย ฉันทำสับปะรดเป็นแล้ว โปรดมองที่หมวกฉัน ห้ามหันมองทรีนกา ภาพจริงไร้มายา ไม่แต่งแต้มให้แก้มนวล เฮ้อ....อิจฉาจนได้เรื่องจริงๆค่ะ วันนี้จะหัดถักลายสาน เมื่อมีพื้นฐานจากใบแรกแล้ว คงไม่ยาก ใช่มั้ยคะเพื่อน
17 ธันวาคม 2554 แก้วฯได้ถูกรับเชิญให้ได้ร่วมงานเลี้ยงประจำปี ของสายการบิน Austrian airlines ปีนี้จัดที่โรงแรมดุสิตธานีค่ะ หยิบบัตร ดูเวลา สถานที่ แต่กลับลืมอ่านว่า ให้ใส่ชุดสไตล์ยุโรป red and blue ชุดที่เตรียมไว้ คือสีขาว โชคดีว่า มีโบว์รักสีแดงคาดเอวหน่อย แต่ปัญหาหนักคือ เป็นครั้งแรกที่จะใส่ชุดเกาะอกออกงาน ( มังจะเกาะอยู่ป่าวว้า... มังจะหลุดต่อหน้าแขกในงานหรือป่าว.. แล้วที่เสื้อจะเกาะนะ มังมีอยู่น่อยเดียวเอง 555 " มั่นใจ..เราต้องมั่นใจตัวเอง ... เมื่อไปถึงาน แขกเหรื่อที่มาในงานเยอะมากค่ะ ประเดิมก่อนเข้างาน ด้วยการหยอดกล่องทำบุญ ตามจิตศรัทธา แล้วจับฉลากที่หน้างานรับรางวัล เล่นเกมส์ และก็มีซุ้มต่างๆ ตั้งชื่อตามเมืองที่สายการบินได้ทำการบินไป เช่น ฝรั่งเศส เวียนนา ฯลฯ อาหารสไตล์ยุโรป หลายคนบ่นไม่ถูกปาก อาจจะเพราะรสชาดเลี่ยน ไม่มีเผ็ด เปรี้ยว แซบๆ เหมือนอาหารไทย แต่ส่วนมากไม่เน้นทานกันเท่าไหร่ เดินตามซุ้มต่างๆ ถ่ายรูปกันค่ะ เขาจัดฉากได้สวยงาม เหมือนได้ไปเที่ยว ต่างประเทศเลยละ ปีนี้ พิธีกรรับเชิญ คือคนเดิม เหมือนทุกๆปี คุณเอิร์ท กับ คุณเอกกี้ ส่วนนักร้อง คือ ว่าน " ว่านเหรอ...คนไหนหว่า จำไม่ได้.." แก้วฯถามน้องยุ้ยที่ไปด้วยกัน " โห...เจ้ๆ ว่านออกจะดัง ปีที่ผ่านมา เจ้ยืนถ่ายรูปกับเบน ชลาทิศ เจ้ก็ไม่รู้จักเขา ..5555 " เมื่อว่านขึ้นเวที เสียงกริ๊ด จากสาวๆก็ตามมา เราเดินไปชมติดขอบเทวีกันเลยค่ะ ปรบมือตามจังหวะเพลง ร้องไม่ได้กับเขาหรอกค่ะ แก้วฯก็ทำปากขมุบขมิบเหมือนท่องบทสวดมนต์ คลอไปกับเพื่อนๆ อิ ยอมรับว่า ว่านเสียงดี ชื่นชมตรงที่เขาเอ็นเตอร์เทนแขกได้ดีมาก รับมุกผู้ชมตลอดๆ แต่ขอบอกนะคะ คำพูดว่าน แสบมากกกกก เหมียว..สาวชุดดำหุ่นอวบๆ เดินขึ้นไปแจมบนเวที ให้ว่านร้องเพลง ให้เธอเต้น ว่านร้องเพลง " หมูตัวน้อยๆ .." 555 อีกคน.. สาวชุดแดง เธอคงดื่มมาด้วยคะ เต้นอยู่ด้านล่างเวที แล้วเธอก็ป้องปาก ตะโกนพูดกับว่านว่า " ว่าน....เอาเบอร์โทรเราไป.....ว่านนนนนน ..จดนะ.. 081... " ดูเหมือนเธอยืนตัวเอนไปมา หรือว่าแกล้ง ไม่แน่ใจ มาฟังว่านตอบเธอคนนี้ดูค่ะ " เจ้...ผู้หญิงดีๆที่ไหนเขาแจกเบอร์ต่อหน้าสาธารณะชนแบบนี้ ... เขาไม่ทำกันหรอก... อยากแจกไปแจกหลังเวทีโน่น" ฮา..... อีกมุกหนึ่งค่ะ สาวน้อยหยิบแอปเปิ้ลบนโต๊อาหารไปยื่นให้ว่าน แล้วบอกว่า ให้เขากัดกินเลย ว่านตอบว่า " คิดว่าผมจะอยากอายุสั้นเรอะ ยาฆาแมลงทั้งนั้น" 555 อยากให้ทุกท่านได้ชมภาพกันแล้วค่ะ ปีใหม่ปีนี้แก้วฯไม่มีของขวัญพิเศษมอบให้เพื่อนๆ จึงขอมอบภาพเป็นของขวัญแทนคำขอบคุณ แทนความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กันมาตลอด ขอให้ทุกท่านพบแต่สิ่งที่ดี เจริญด้วยปัญญาและสมาธิค่ะ มอบภาพว่านมาร้องนำ แทนถ้อยคำฝากถึงคุณ ปีใหม่ให้อบอุ่น อวลด้วยรักประจักษ์ใจ ๑ แก้วประภัสสร ๑ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ***************************************** ส่งความสุขแด่ทุกคนกับบรรยากาศและภาพต้อนรับปีใหม่ กับสาวสวย (หรือเปล่า .) ++**++ อาหารอิตาเลี่ยน ..( เพื่อนบอกว่า มังเลี่ยนดีจัง อิ ) พิธีกรขึ้นเวที ตามด้วยการแสดงโชว์คาบาเร่ย์ ว่านร้องเพลงสร้างความสนุกและครึกครื้นในงาน นี่แหละค่ะ เหมียวสาวชุดดำ ที่ขึ้นไปแจมกับนักร้อง คุณว่ามั้ย ไม่เมาเธอไม่ทำ 5555 พูดตามว่านคราบบบ ********************* "ว่าน...นายหยุดจักหน่อยแหน่...ข้อยอยากได้รูปไปฝากเพื่อนข้อย" พูดเองในใจ อิ ว่านบอกว่า เอ้า...นั่งมันตรงนี้แหละ ใครอยากถ่ายมา.. จบแล่ว..สุข สดชื่นตลอดไปนะคะ
23 พฤศจิกายน 2554 ตัดสินใจออกตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางไปหาคุณแม่ที่จังหวัดอุบลฯ ถึงแม้จะเป็นราคาพิเศษ แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว เงินเกือบห้าพันก็ยังมากเกินไปอยู่ดี เอาเงินไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมาย หากรถไฟยังใช้บริการได้ตามปกติ ก็คงประหยัดได้เยอะทีเดียว น้ำท่วมถึงจะดีกว่าฝนแล้ง แต่สำหรับข้าพเจ้าแล้ว น้ำแห้งเสียยังดีกว่า ไม่มีน้ำก็ค่อยไปผันน้ำจากโครงการกักเก็บน้ำที่ในหลวงทรงรับสั่งให้ทำมาใช้ได้ หลังจากออกตั๋วเครื่องบินเสร็จ สักพักพี่สาวโทรมาหา " ออกตั๋วหรือยังจ๊ะ" เสียงใสๆ คุณนั้นคือใครดวงใจฉันถามหา....อิ พี่เราเอง " เพิ่งออกเสร็จเมื่อสักพักนี่เองคะเจ้ จะไปด้วยเหรอ ซื้อเพิ่มให้ได้ " รีบบอกพี่ไป " ยกเลิกทันมั้ย " พี่สาวเอ่ยปากถาม " ฮ้า..ให้เค้ายกเลิกแล้วจะกลับไปยังไงอะ รถทัวร์ไม่ไปๆ ไม่ชอบ " " ป่าว..พี่เขยเธอจะเอารถไป จะได้ประหยัด กลับพร้อมกันเลย " พี่สาว " แน่นอนปะเจ้ เปลี่ยนใจไม่ได้นะ เดี๋ยวเค้าหาตั๋วกลับบ้านไม่ได้แย่เลย " เริ่มไม่แน่ใจว่าพี่ๆ จะติดงานอะไรอีกมั้ย " แน่นอนสิ ว่าแต่เราเถอะ ยกเลิกตั๋วต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรมั้ย " พี่ถามมา " .ไม่มีปัญหาค่ะ ยกเลิกภายในวันเดียวกัน ได้ๆ สบายจังเรา สบายกระเป๋าด้วย อิ " 03 ธันวาคม / 2554 ด้วยคืนวันที่ 2 ธันวาคม หลานๆ หิ้วเบียร์พร้อมกับแกล้มไปที่บ้านพี่สาว กว่าจะนอนก็เที่ยงคืน ทำให้ตื่นสาย ล้อหมุนออกจากบ้าน เจ็ดโมงครึ่งค่ะ ระหว่างที่นั่งรถไป เสบียงบนรถเตรียมพร้อม ทั้งของฝากแม่ อาหาร การกิน ขณะอยู่บนรถ พอหยุดคุย แต่ปากรู้สึกไม่ได้หยุดทำงานเลยค่ะ ทานตลอดๆ ผ่านเส้นทางที่ยังพอมองเห็นน้ำท่วม แถวๆ วิภาวดี จนไปถึง คลองสามวา โชคดีว่า รถไม่ติด เราเดินทางไปถึงอุบลฯ บ่ายสามโมงครี่ง แวะตลาดซื้ออาหารเตรียมไปทำ ให้แม่ทานกัน ได้ฟัก ปลา ผลไม้ แต่ที่เหมือนเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนก็ตอน ที่เราซื้อผักกลับบ้านไปมากมาย ด้วยความที่เห็นผักสดๆ และเป็นผักพื้นบ้าน หากินที่กรุงเทพฯได้ยาก ลืมคิดไปว่า ที่บ้านปลูกผักเยอะแยะ อิ ถึงบ้าน ..แม่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้าน ..ลงรถเข้าไปกราบเท้าแม่ กอดๆๆ แม่ดึงไปหอมแก้ม กอดยังไงก็ไม่หายคิดถึงท่านหรอกค่ะ อาหารมื้อแรกที่ได้นั่งทานข้าวกับแม่ คืออาหารพื้นบ้านจริงๆ ที่ท่านตั้งใจเตรียมไว้ให้ ห่อหมกเขียดตัวน้อย ยำวุ้นเส้นใส่ผักเม็ก ปลาช่อนเผา แจ่วบอง อีกหลายอย่าง ที่ขาดไม่ได้คือผักสด อยากทานอะไรมีครบค่ะ ส่วนผักที่ซื้อไป ไม่ได้ทานเลยค่ะ เพราะผักที่บ้านมั่นใจกว่า ปลอดสารพิษ ใช้น้ำหมักชีวภาพรดผัก หลังจากอิ่มหนำสำราญ ก็นั่งคุยกันตามประสา พี่ๆน้อง ได้เวลาก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ คืนนี้ข้าพเจ้าขอนอนกับแม่แทนพี่ๆค่ะ ได้ยินเสียงแม่นอนท่องบทสวดมนต์ และบทสวดอีกหลายๆบท โดยไม่ได้เปิดหนังสือ ข้าพเจ้าพอจำได้ว่า รวมทั้งคาถาชัยมงคล คาถาชินบัญชร ฯลฯ ไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง บทไหนพอจะสวดได้ ข้าพเจ้าก็สวดตามแม่ แถมท่องแบบเสียงดังกว่าแม่ อิ นี่คือสิ่งที่ทำให้แม่อายุยืน และมีความจำเป็นเลิศ เพราะการสวดมนต์ นอกจากจะทำให้มีสมาธิแล้ว ยังทำให้เป็นมงคลกับชีวิตของผู้ได้ยิน ได้ฟังไปด้วยค่ะ แม่ชอบอ่านหนังสือมาก ข้าพเจ้าจะโทรถามแม่เสมอๆ หนังสืออ่านหมดหรือยัง อยากอ่านเล่มไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า ล่าสุดข้าพเจ้านำหนังสือ"มหาบพิตร"และอีกหลายๆเล่มไปฝากแม่ 04 ธันวาคม 2554 ตื่นเช้า เก็บใบกระเพาแถวบ้าน มาผัดใส่หมูสับ พี่สาวทำข้าวต้ม น้ำพริกปลาทู ปลาบึกนึ่งผักสด ปลาส้มจากปลาตะเพียนทอด ฯลฯ หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย ได้เดินทางไปเยี่ยมพี่สาวที่ราชธานี สันติอโศก อำเภอพิบูลมังสาหาร เนื่องจากเมื่อไม่นาน ที่นั่นน้ำท่วมเหมือนๆกับกรุงเทพ ฯ ทำให้พี่สาวลื่น หกล้ม ข้อมือหัก เราไปกันถึง บ้านน้ำลดแล้ว ก็เลยสวมวิญญาณจิตอาสา ช่วยยกของจากที่แขวนไว้ ปัดกวาด ทำความสะอาดบ้านให้พี่ น้ำท่วมบ้านถึงชั้นสองเลยค่ะ หลังจากจัดการเรียบร้อย ก็เดินทางกลับมาบ้าน .....ก่อนเดินทางไปอุบลฯ ข้าพเจ้าได้เข้าไปศึกษาวิธีเพาะเห็ด หลายๆแบบ เลี้ยงกบ เลี้ยงจิ้งหรีด เมื่อได้คุยกับพี่ๆ เราก็เลย ลงแขกเกี่ยวฟางกัน เพื่อนำมาตากแดด ให้แห้ง แล้วจะเพาะเห็ดฟาง กันค่ะ ยังพอมีเวลา พี่พาเข้าไปดูสวนอีกที่หนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก เป็นสวนของพ่อที่ ที่นั่นต้นไม้ของพ่อ ยังคงมีอยู่ แม้หลายๆต้นจะถูกคนมาขโมยตัดไป ต้นลำดวนที่ข้าพเจ้าเคยดึงกิ่งมายื่นให้แม่ตี ก็ยังอยู่ ต้นไผ่ ต้นยางนา และอีกมากมาย เราไม่มีเวลามากนัก ตะวันเริ่มตกดินแล้ว ได้แต่ฝากบอกพี่ๆว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ขออย่าได้ทำลายต้นไม้ของพ่อเป็นอันขาด กว่าท่านจะปลูกและดูแลจนโต พ่อเสียสละเวลาหลังเลิกงาน มืดค่ำ พ่อก็ยังมาดูแลต้นไม้พวกนี้ ขอให้พวกเราลูกๆ รักษ์ป่าผืนนี้เหมือนกับที่พ่อรัก และดูแลไว้ให้พวกเรา เมื่อมีเวลาเราจะมาช่วยกันถากถางหญ้าที่รกร้างออก เอาใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมา กองไว้ตรงโคนต้นไม้ ได้เก็บเห็ดกิน ได้อาศัยใบไม้เป็นปุ๋ย พวกเราต้องช่วยกันปกป้อง และรักษา อย่าทำลาย.... ข้าพเจ้าทราบดีว่า พี่ๆทุกคน ก็รักผืนดินของพ่อเช่นกัน 05 ธันวาคม 2554 ข้าพเจ้าตื่นมาทำผัดฟักใส่ไข่นุ่มๆให้แม่ทาน น้ำพริกปลาช่อนไม่ใส่พริก กับผักนึ่ง ผักสด ต้มก๋วยจั๊บยวน ปลาช่อนย่าง ฯลฯ แม่กลับบอกว่า ไม่ค่อยหิว ให้ลูกๆกินกันก่อน ข้าพเจ้ามองสายตาแม่ รู้ว่า แม่แอบซ่อนความรู้สึกอะไรบางอย่างไว้..เหมือนกำลังคิดว่า อยากให้พ่อมาเห็นภาพลูกๆ นั่งกินข้าว พร้อมเสียงหัวเราะอยู่ข้างๆแม่ นั่นอาจจะเป็นความคิดของข้าพเจ้าเอง เก้าโมงเช้า ได้เวลาต้องออกเดินทางมากรุงเทพฯ ก่อนกลับ แม่เอาด้ายสายสินธ์มาผูกข้อมือ ให้ศีล ให้พร กับลูกๆ ส่วนพี่ที่อยู่ ก็จัดเตรียมเก็บผักสดๆ ให้พี่ น้อง นี่คือวันหยุดกับความสุขภายในครอบครัวค่ะ ข้าพเจ้าขอเรียกว่า บ้านทุ่งแสนสุข เพราะทุกครั้งที่เราพี่น้อง ได้รวมตัวกัน กิจกรรมจะเกิดขึ้น ต่างคนแสดงความคิดเห็น ว่าทำอะไรดี แบบนี้ดีไหม แล้วเราก็เอามาสรุป ว่า โอเค ทำตามแบบนี้ ข้าพเจ้าเชื่อว่า จุดหมายปลายทาง ทุกคนย่อมมี อยู่ในใจ การเตรียมอะไรไว้ล่วงหน้า รองรับกับอนาคต ไม่ใช่เรื่องแปลก หากมีโอกาส ก็ควรจะทำ มะพร้าวเมื่อ สามปีที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ออกลูกให้เห็นทุกต้น หากเราใส่ใจกับมัน ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อม และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า ทุกคนย่อมมีที่ไปกันทุกคน เพียงแต่ว่า ทางที่ไปนั้น ขออย่าเบื่อ และท้อ เพราะหากเบื่อ และท้อ นั่นย่อมหมายถึงว่า แพ้ หากแพ้แล้ว เราคงไม่มีพลังที่จะทำอะไร ก่อนจะถึงปีใหม่ หวังว่าพวกเราทุกคน คงได้ทำอะไรเพื่อพ่อ แม่ เพื่อตนเอง ในทางที่สร้างสรรค์ และทำสิ่งนั้นพร้อมกับรอยยิ้ม นึกถึงรอยยิ้ม ฉันอดที่จะนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ เธอบอกฉันว่า " หนูแก้ว..ยิ้มให้สวยเหมือนแม่ได้มั้ย " วันนี้ฉันอยากจะให้เธอได้เข้ามาอ่านเรื่องสั้นเรื่องนี้เหลือเกิน " คุณมัสคะ ฉันยิ้มแล้วนะ และไม่ได้ยิ้มแบบฝืนความรู้สึก รอยยิ้มของฉัน อาจจะไม่สวยเหมือนแม่ แต่ฉันยิ้มออกมาจากใจ และทุกครั้งที่ฉันยิ้ม ฉันมีความสุขมากจริงๆค่ะ และคนรอบข้างก็ยิ้มตามฉัน" ขอบคุณพ่อ ที่ให้กำเนิด และ เลี้ยงลูกจนเติบโต ขอบคุณแม่ของฉันที่ยิ้มสวยที่สุดในโลก ขอบคุณคำแนะนำ แม้จะเล็กน้อยสำหรับคนอื่น แต่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน...ขอบคุณ คุณมัสลินมากค่ะ -------------------------------- ---------- ดอกลีลาวดี ไร้ใบ แต่ไม่ไร้ดอก ---------------- อาหารมื้อแรกที่ถึงบ้าน -------------- มะละกอ เอาไปปลูกเมื่อปีที่ผ่านมา ผลสุกหวานกรอบ ------------------------------------ พี่เขยและหลานชายใช้เวลาว่างหลังจากเลิกงาน มาเลี้ยงไก่ด้วยความชอบเป็นพิเศษ -------------- ว่านรางเงิน กำลังออกดอกเลยค่ะ -------------------- ไปเยี่ยมพี่สาว ที่ราชธานี สันติอโศก ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน กำลังเก็บของ ไปพบภาพวิว พร้อมลายมือสวยๆ อ่านแล้วทำให้ข้อคิด จึงถามพี่สาวว่า ใครเขียน ได้รับคำตอบว่า พี่เป็นคนเขียนเอง เขียนโดย ปีกบุญ ปทุมวัลย์ และอีกหลายบทที่เธอเขียนแล้วให้ฉันดู และได้รับรางวัลจากการประกวด ฉันเพิ่งรู้ว่า ฉันมีอารมณ์ศิลปินอยู่ในสายเลือดแบบแข้มข้นเลยละ อิ ภาพถ่ายจากบริเวณ ราชธานี สันติอโศก เอามาฝากกันค่ะ ------------- หลังจากนั้น ได้เดินทางกลับบ้าน แล้วเข้าไปดูสวนขอพ่อ ที่ฝากไว้ให้ดูแลก่อนจากไป ที่ฉันยืนจับอยู่ คือต้นลำดวน ที่สี่สิบปีที่ผ่านมา ยังจำได้แม่นว่าเคยริดกิ่งเจ้าต้นนี้มายื่นให้แม่ตีก้นฉัน อิ --------------------- ดอกสีขาวๆคือดอกของส้มโอต้นที่พ่อปลูกไว้หลังบ้าน กลิ่นหอมเหมือนกัน ------------- ก่อนกลับบ้าน บอกคุณกิ่งว่า กำลังเข้าไปเวบศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับ การเพาะเห็ด เลี้ยงกบ เลี้ยงจิ้งหรีด เหมือนจะถูกจังหวะ ที่บ้านเพิ่งเกี่ยวข้าวเสร็จเมื่อไม่นาน เมื่อคนหนึ่งอยากทำ คนสอง คนสามก็ร่วมด้วยช่วยกัน ตัดฟางกันค่ะ ตากแดดก่อนจะลงมือเพาะเห็ด พี่เขย หันไปคว้ามะพร้าวมาเฉาะให้น้องๆ หลานๆกิน เนื้ออ่อน น้ำหอม ความสุข หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วค่ะ ------------------ สำหรับคนรักสุนัข เจ้าเพชร ยังคงอยู่ ดูท่านอนร่วมวงสนทนาของเขาสิคะ เขาจะเอาขาขึ้นมาพาดม้าหินอ่อนสองข้าง และอีกสองข้างยืนไว้ ท่านี้เขาทำตั้งแต่เด็กแล้วละ ได้คุยกับหลานว่า ทำไมเพชรดูเศร้าๆจัง หรือว่าเขาแก่ลง หลานชายบอกว่า " แก่ที่ไหนน้า เพชรเพิ่งไปติดสัตว์สาวหลังบ้านมาเมื่อกี้นี่เอง สงสัยจะเพลียจัด " ก้ากกกก 555555 -------------------- บรรยากาศรอบๆบ้าน ที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ ธัญญาหาร ผักบุ้ง ผัดชี ผัดกาดขาว ผักกาดขม เตย ถั่วพลู พริกเครือฟ้า อันนี้ฉันเรียกเอง เพราะว่า ต้นอายุไม่ต่ำกว่าสิบปีแล้วค่ะ มะรุม ตะลิงปิง ฯลฯ สรุป บ้านฉันมีเยอะนะ.. อิ -------------- ขอจบเรื่องสั้นด้วยภาพกระท่อมน้อย ทำจากหญ้าคา เสาและพื้นทำจากไม้และต้นไผ่ที่สวน สร้างด้วยสองมือของพ่อ ขอเก็บภาพที่งดงาม ...ไว้ดูยามที่ท้อถอย กระท่อมพ่อยังรอคอย ให้ลูกรักได้พักกัน ขอบคุณทุกท่านที่เข้าเยี่ยมชมค่ะ แก้วประภัสสร 08 ธันวาคม 2554