หลายคนคงเดาว่า ที่คือชายหาดที่มีต้นมะพร้าวที่ไหนสักแห่ง แต่เปล่าเลยค่ะ ที่คือบ้านแก้วฯเองค่ะ ตาลต้นนี้ จำได้ว่า เคยเห็นตั้งแต่เด็กๆ แต่เขาก็ยังมีลูกให้พวกเราได้กินอยู่ค่ะ มองเห็นรู ที่ชาวบ้านมาขุดหาปู หรือกบกัน น่าจะขุดไม่เกินวันหรือสองวันไปแล้ว สังเกตที่ดินเพิ่งแห้งไม่นาน เดินไปดูบ่อเลี้ยงปลา เห็นปลากระโดด เดี๋ยวผลุบ เดี๋ยวโผล่ อยากหม่ำปลาเผา แต่ไม่สามารถเอาขึ้นมาได้ค่ะ กอไผ่ สี่สิบปีผ่านมา เขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม รอหน้าฝนก็ได้กินหน่อไผ่ค่ะ แม่บอกว่า ใบนี้กินได้ แต่ว่าเราเคยเห็นเขาเอามาปลูกในกระถาง เป็นไม้ประดับนี่นา... เจ้าไก่พวกนี้แหละค่ะ ที่ขันปลุกเราให้ตื่น แต่นี่น่าขำก็คือ พอใครสักคนเปิดไฟเข้าห้องน้ำ เธอจะขันรับทันทีค่ะ ต้นเตยหอม ที่ปลูกไว้เอาไว้ทำขนมและต้มน้ำดื่มค่ะ ใครที่ชอบปลูกต้นไม้ คงต้องหลงเสน่ห์ เจ้าโป๊ยเซียนพวกนี้แน่นอนค่ะ แต่ละต้น มีสีสวยแตกต่างกันค่ะ ไว้พรุ่งนี้นำภาพมาให้ชมกันต่อนะคะ อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนเสียล่ะ อิ
เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมาข้าพเจ้าได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดอุบลฯ โดยรถไฟ ตู้นอน เป็นสิ่งที่แปลกตามากค่ะ เพราะตู้นอนกลับไม่เหมือนทุกครั้งที่เคยไป พอไปถามได้ความว่า ทางประเทศญี่ปุ่น เขาให้ตู้ที่เขาไม่ได้ใช้มาค่ะ เลยถึงบางอ้อ ครั้งแรกข้าพเจ้ารู้สึก ไม่ชอบสักเท่าไหร่ เนื่องจากที่วางของ เขาติดไว้สูงมากๆ อีกทั้งดูน่ากลัวตรงที่เราไม่สามารถรู้ได้ว่า จะเป็นหญิง หรือ ชาย ที่มานอนในบล๊อกเดียวกับเรา แต่ยอมรับว่า ตู้นอนที่ข้าพเจ้าได้นั้น เตียงเขาใหม่และนุ่ม ลักษณะคล้ายโซฟา มีที่พิงหลัง เตียงก็ยาว กว้าง และแอร์เย็นกว่าตู้นอนของบ้านเราเยอะเลยค่ะ บล๊อกที่เรานอนกันมีสี่เตียง ด้านล่าง 2 เตียงและด้านบนอีก 2 เตียง เราไปกันสองคนกับพี่ นอนเตียงล่าง ส่วนคนที่นอนเตียงบน เป็นผู้หญิง เราคุยทักทายกัน ก่อนเวลารถไฟจะออก 20.30 น. พี่คนสวยเล่าให้เราฟังว่า เขาไปญีปุ่นบ่อย เพื่อไปหาซื้อของใช้มือสอง เพื่อเอามาขายที่เมืองไทย ประมาณว่า พี่ญุ่นทิ้ง พี่ไทยไปเก็บหรือซื้อ มาขายที่ตลาดเชียงกงบ้านเรา เขาบอกว่า ชอบไปแช่ตัวอองเซ็น ครั้งแรกก็ไม่กล้าลง เพราะเขาให้ถอดเสื้อผ้าหมดก่อนลงไปในน้ำ แต่สุดท้ายก็ต้องถอด เพราะทุกคนก็เหมือนๆกัน หลังจากคุยกันพอสมควร ต่างก็แยกย้ายกันไปนอน เราตื่นขึ้นมาตอนตีห้าครึ่ง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดู โอ เมสเสสจากเพื่อนๆ พี่ๆเข้ามา 21 ข้อความ เป็นคำอวยพรทั้งหมด สุขสันต์วันปีใหม่ ข้าพเจ้าถือว่าเป็นวันดีของการเริ่มต้นปีใหม่ ที่มีค่าจริงๆค่ะ พอกลับถึงบ้าน พี่ไม่ได้มารับ เนื่องจากต้องพาแม่ไปทำบุญที่วัด เลยต้องเหมารถกลับบ้านเอง คันแรก เรียกค่าโดยสาร 500 - อะไรจะโหดขนาดนั้น แค่สิบกิโลเอง คันที่สอง ขอเรา 300 - ต้องแบบนี้สิ ถึงจะว่าสมน้ำสมเนื้อกันหน่อย กับระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากนัก รถไปส่งถึงบ้าน 08.30 เข้าไปกราบเท้าแม่ กอด หอมแก้ม แม่ดึงไปหอมตอบ เอาของฝาก พร้อมหนังสือ ที่ร่วมกับป้ากันนา และเพื่อนพี่ในบ้านกลอนทำขึ้นเพื่อหารายได้สร้างห้องสมุด ข้าพเจ้าส่งหนังสือให้แม่ แล้วเขียนข้อความในหนังสือว่า " หนังสือเล่มแรกของลูก มอบให้คุณแม่ที่แสนประเสริฐ" แม่หยิบขึ้นมา พลันน้ำตาก็คลอเบ้า อาจจะเป็นเพราะตื้นตันใจ หรือเป็นเพราะคิดถึงพ่อ อยากให้พ่อมาเห็นผลงานของลูก 02 มกราคม 2553 เอ๊ก อิ เอ๊กๆ เสียงไก่ชนที่พี่เขยนำมาเลี้ยงปลุกให้ตื่นขึ้นมาตอนตี 5 ครึ่ง แม่ยังนอนอยู่ แก้วฯลุกไปแปรงฟัน ล้างหน้า เสร็จแล้วเดินมาที่หน้าบ้าน เพื่อสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปเต็มปอด ออกกำลังกายนิดหน่อย แม่สานต่อเจตนารมณ์ของพ่อ โดยให้พี่ๆ ปลูกผักปลอดสารพิษไว้กินกัน ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้าได้เขียนเรื่องสั้น "หน้าต่างสามบาน"ไว้ ในวันนี้ ข้าพเจ้าหันหน้าไปทางถนน มองไปที่ทุ่งนาอีกฝั่งหนึ่ง ภาพที่เห็นคือหมอกลง ดวงอาทิตย์กำลังโพล้เพล้ ค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นอย่างช้าๆ ไม่ว่าจะมองไปทิศใด ภาพที่เห็น ก็ยังสวยงามเหมือนเดิม ข้าพเจ้าเดินกลับเข้าบ้านเพื่อไปหยิบกล้อง และเดินไปถ่ายภาพมาให้ฝากเพื่อนๆ เรามาชมภาพกันดีมั้ยคะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภาพที่นำมาฝากทุกท่าน คงทำให้พวกเรามีความสุข ไม่มากก็น้อยค่ะ มาชมกันเลยค่ะ ภาพพระจันทร์ ตอนเวลา ตีห้าครึ่งค่ะ ขณะที่เดินออกกำลังกาย มองไปอีกฟากของถนน ว้าว หมอกลงสวยมากๆ ดวงอาทิตย์กำลังเคลื่อนตัว เพื่อต้อนรับกับวันใหม่ค่ะ ดอกอะไร จำชื่อไม่ได้ สวยๆ กองฟาง หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จ ก็ต้องเก็บฟางไว้ใช้ประโยชน์ ทั้งเป็นอาหารวัว ควาย หรือไม่ก็เอามาปกคลุมต้นผักที่ปลูกเพื่อให้ดินชุ่มชื้น มะพร้าว ต้นเตี้ยนิดเดียวแต่มีผลให้กินกันแล้วค่ะ มะละกอ โตปุ๊บ ออกผลปั๊บเลย ดอกเฟื่องฟ้า สีชมพูอมขาว ดูแล้วสบายตา สาวน้อยกำลังจูงควายไปกินหญ้าค่ะ ลุงกว้างใจดีคนนี้แหละค่ะ ที่ปลูกข้าวให้พวกเราได้กินกันค่ะ นกกระจิบ และนกเอี้ยง มาอาศัยต้นมะม่วงหน้าบ้านทำรังกันค่ะ แปลงผักที่ปลูกไว้กินในครอบครัวเราค่ะ เราเดินไปดูเจ้าลูกแหง่ ทักทาย ปรากฏว่า แม่เขาหวงลูกทำท่าจะขวิดเอา เลยบอกลูกควายว่า"ไปละนะ บ๊ายบาย" คุณเชื่อมั้ยคะว่า เขาพยักหน้าตอบกลับมาพร้อมเสียงร้อง"อื่อ" 5555 ไว้ชมภาพสวยๆ มนภาพ2 3 แล้วกันนะคะ ขอตัวทำงานก่อนค่ะ
แทนความรักและสดใสให้ทุกคน แทนความคิดถึง แทนความรักและเอื้ออาทรที่มีต่อกันค่ะ แทนความอบอุ่น ละมุน นุ่นนวล ที่ได้รับจ้า แทนความสงบ ผ่อนคลาย ในวันสบายๆที่ก้าวเข้าบ้านกลอน และได้พบกับทุกคน แทนวันคืน ที่ผันผ่าน แม้ยิ่งนาน ยิ่งผูกพัน แทนรอยยิ้มและมิตรภาพ แทนทุกวันที่มอบความสุขให้กัน แทนคำขอบคุณ แทนคำขอโทษ หากสิ่งใดที่ข้าพเจ้าทำให้ไม่พอใจ ไม่ว่าด้วยคำพูด หรือเล่นมากเกินไป รักบ้านกลอน รักทุกๆคนค่ะ แก้วประภัสสร 22 / 12/ 09
ใกล้จะถึงวันพ่อแล้วสินะ ฉันเห็นผู้คนต่างเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับพ่อกันมากมาย บางเรื่องทำให้รู้สึกแอบยิ้ม กับกิจกรรมต่างๆ ชีวิตประจำวัน ที่ร่วมกระทำกับพ่อ บางเรื่องอ่านแล้วทำให้น้ำตาฉันไหล เพราะการสูญเสีย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคนต่างก็ระลึกถึงบุญคุณของพ่อเช่นกัน วันนี้ฉันรู้สึกแปลกๆ ขณะที่ตื่นขึ้น ลุกไปปิดแอร์ เปิดหน้าต่างเพื่อรับอากาศ ฉันมองออกไปข้างนอก ภาพเก่าๆสมัยเป็นเด็กกลับผุดขึ้นในสมอง ในตอนเช้า พ่อมักตะโกนเรียกฉันทางหน้าต่างบานที่หันไปทางหน้าบ้าน ทุกวัน เพื่อปลุกฉันให้ลุกไปอาบน้ำ แต่งตัวไปโรงเรียน ห้องนอนของฉัน มีหน้าต่างสามบาน บานแรกหันหน้าไปทางถนน ตอนเช้าจะมองเห็นพระเดินมาบิณฑบาตร แม่กำลังนั่งคุกเข่าใส่บาตรด้วยข้าวเหนียว กับอาหารในถุงวางไว้บนบาตรพระ พระให้พร และสนทนากับแม่ สักพักท่านก็เดินต่อไป แม่ยกกระติ๊บข้าวขึ้นเหนือหัว แล้วกราบพระ ก่อนที่จะเดินข้ามถนนกลับมาบ้าน ในขณะเดียวกัน แสงอาทิตย์ที่เริ่มเคลื่อนตัวเหนือพ้นขอบฟ้า สาดส่องลงมา กระทบกับต้นข้าวที่เขียวขจี แสงระยิบระยับ ทำให้ฉันยืนมองอยู่นานพอสมควร ฉันหันไปเปิดหน้าต่าง ซึ่งตอนกลางคืน เปิดแง้มๆรับลมให้กว้างขึ้น หน้าต่างบานที่สองของฉัน หันหน้าไปทางทุ่งนา ภาพที่เห็นคือทุ่งนาเหลืออร่ามเต็มไปด้วยต้นข้าวออกรวงสีทอง ข้าวที่เมล็ดพันธุ์อ้วน อวบ โน้มตัวลงเกือบถึงพื้นดิน ข้าวที่บอกว่า แก่เต็มที่ ที่ชาวบ้านสามารถจะเก็บเกี่ยวได้แล้ว ฉันเห็นชาวนากำลังช่วยกันลงแขกเกี่ยวข้าว ฉันป้องปากตะโกนออกไปทักทายพวกเขา "น้าๆๆ สวัสดีตอนเช้าค๊า เดี๋ยวหนูกลับจากโรงเรียนจะมาช่วยเกี่ยวนะคะ" ชาวบ้านหันหน้ามาทางฉัน แล้วพวกเขาก็โบกมือทักทาย พร้อมรอยยิ้ม แต่คำตอบฟังไม่ถนัดนัก แต่ฉันก็ได้แต่ยิ้มกลับไป "บ๋อมแบ๋มเอ้ย อาบน้ำยังลูก ทำอะไรอยู่ วันนี้พ่อจะต้องรีบไปนะ ก่อนไปแคมป์ พ่อต้องไปฉีดยาให้ป้าสาย เขาไม่สบาย ลูกเขาปั่นจักรยานมาบอก แต่เช้านะลูก" เสียงพ่อตะโกนขึ้นมาทางหน้าต่างบานที่สาม ฉันผละจากหน้าต่างบานที่สอง หันมาชะโงกหน้าตามเสียงของพ่อ พ่อกำลังยืนรดน้ำต้นไม้ในสวนเล็กๆหน้าบ้าน ที่ท่านปลูกสาระพัดผักไว้กินในครอบครัว ต้นหอม กระเทียมที่เขียวชะอุ่ม เพราะได้ปุ๋ยคอกใส่ กำลังงาม ผักขม สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง ใบแมงลัก มะเขือเทศ ฯลฯ ผักที่พ่อจะปลูกและมีไว้ในแปลงเสมอ คือต้นกะเพรา เพราะท่านรู้ว่าลูกๆชอบกินกัน พ่อหันไปปิดก๊อกน้ำ แล้วเดินออกจากสวน ดึงประตูที่สานจากไม้ไผ่ ด้วยสองมือของพ่อ มาปิดประตูสวน เพื่อกันไม่ให้ไก่เข้าไปคุ้ยเขี่ย แล้วท่านก็ไปอาบน้ำ เตรียมไปส่งฉันที่โรงรียน ในวันที่ฉันกลับบ้าน ฉันเปิดหน้าต่างทั้งสามบาน บานแรกฉันยังมองเห็นพระเดินมาบิณบาตร ดวงอาทิยต์ยังส่องแสงสวยงามเช่นเคย บานที่สอง ชาวนาก็กำลังเกี่ยวข้าวเหมือนทุกปี บานที่สาม ภาพที่ฉันมองเห็นคงเหลือแต่ สวนผักที่พ่อปลูกไว้ให้ลูกๆดูต่างหน้า แม้วันนี้ ฉันจะไม่ม่วันมองเห็นพ่ออีกแล้ว แต่ฉันเชื่อว่า พ่อกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ วันนี้ ไม่มีเสียงของพ่อ ที่เรียกให้ฉันไปอาบน้ำ เหมือนตอนเป็นเด็ก ไม่มีมือที่หยาบกร้านเพราะทำงานหนักมาลูบหัวฉัน ขณะที่ฉันนอนหนุนตักพ่อ ไม่มีเสียงสวดมนต์ เสียงหัวเราะให้ฉันได้ยิน แต่วันนี้ ฉันยังมีความทรงจำที่งดงามเกี่ยวกับพ่อ ซึ่งไม่มีวันที่จะถ่ายทอดและเล่าได้หมด ฉันลุกเดินไปอาบน้ำ แต่งตัวเพื่อออกไปทำงาน ก่อนก้าวออกจากบ้านฉันหันไปยกมือไหว้รูปพ่อ บอกพ่อว่า "พ่อจ๋า หนูไปทำงานก่อนนะคะ เย็นๆเจอกันค่ะ" ฉันยิ้มให้กับตัวเอง แล้วเดินออกจากบ้านอย่างมีความสุข พ่อยังอยู่ในใจ และข้างกายฉันตลอดเวลา "หนูรักพ่อค่ะ" แก้วประภัสสร 03/12/09
วันหยุด ไม่ทราบจะทำอะไรดี ไปพบดอกไม้ ที่เคยถ่ายภาพไว้ เอามาลงให้เพื่อนๆดูดีกว่าค่ะ ไม่พูดพล่าม ทำเพลงแระ ดูกันเลยค่ะ พอหอมปาก หอมคอค๊า...แฮ่ะๆๆ กุหลาบแดง เป็นสีแห่งความรัก ดูแล้วสบายใจ อยากให้โลกเรามีแต่ความรัก เช่นสีของกุหลาบค่ะ ดอกไฮเดรนเยีย แสงสะท้อนให้เห็นความงาม เป็นอีกมิติหนึ่ง ซึ่งทำให้เห็นมุมมอง ของชีวิต ที่อาจจะมีทั้งสุขและทุกข์ คละเคล้ากันไป ดอกลีลาวดี ลงตัวที่สีส้ม ผสมกลมกลืนกับใบสีเขียว แสงอาทิตย์ส่องลงมา ทำให้ดอกสวย ชัดขึ้น สีเหลืองอ่อนของดอกไม้ เหลืองแห่งธรรมมะ สงบ เยือกเย็น ดอกไม้ บางครั้งหากเรามองดีๆ เขาก็ให้แง่คิดได้เช่นกัน ถึงเวลา คนเราก็ต้องรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตัว เช่นกับดอกไม้ดอกนี้ มีวันที่ยืนได้อย่างตระหง่าน จงภูมิใจ แต่หากวันใด ถึงคราวที่ต้องยอม ก็ควรเปิดใจ น้อมรับ และรับฟังผู้อื่นบ้าง ดอกไม้สีสวย ขาวเหลือง ยังผสมกันลงตัวอย่างไม่มีที่ติ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้แต่ละดอก ก็บ่งบอกความเป็นตัวของเขาเอง ไม่ต่างจากมนุษย์ ในโลกนี้ มีคนที่มีความสามารถมากมาย รวมทั้งตัวคุณด้วย เพียงแต่เรายังไม่ค้นหาความเก่งในตัวเราเท่านั้นเอง เซียนจะเป็นเซียนที่เก่งได้ ต้องอาศัยความขยัน หมั่นเพียร และเปิดใจรับรู้โลกให้มากขึ้น สำคัญ เรียนรู้และฝึกให้เป็นคนมองโลกในแง่ดี แม้จะไม่ได้มาก แต่ยังดีกว่าเราไม่เคยลงมือทำเลย ขอบคุณทุกท่านที่มาชมดอกไม้ของแก้วฯค่ะ (เขียนสดๆๆค๊า อิ) แก้วประภัสสร 08/11/09