เมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมา แก้วฯได้มีโอกาสไปเที่ยว ตลาดน้ำลำพระยา ปรกติจะชอบปลูกต้นไม้ ดอกไม้ สารพัด คราวนั้นก็ไม่พลาดเช่นกันค่ะ เห็นกล้วยไม้เยอะแยะไปหมด ตื่นตา ตื่นใจ เดินชม ไปมา สุดท้ายก็ได้กล้วยไม้ตระกูลเข็มมาหนึ่งต้น ปลูกไว้สักพัก เขาก็ออกดอกให้ชื่นชม ช่อแรก ใหญ่ สมบูรณ์มากเลยค่ะ เต็มช่อ หลังจากนั้นไม่นาน ภายในสามเดือน กิ่งเดิม ต้นเดิม ก็ออกดอกอีกค่ะ ครั้งที่สอง ช่อเล็กลงเกือบครึ่งของช่อแรก ตอนที่แก้วโชว์ภาพให้พี่ท่านหนึ่งในบ้านกลอนชม พี่เขาบอกว่า ดอกนี้ เหมือนเด็กไม่สมบูรณ์ รู้มั้ยคะ ว่าคำพูดของพี่เขา มันแทงใจ จิ๊ดๆๆเลย "เด็กไม่สมบูรณ์" ไม่ได้ต่างกับคนเลี้ยงกล้วยไม้ต้นนี้เลยค่ะ คริ ผ่านไปหกเดือน อยู่ๆ กล้วยไม้ ก็ออกดอกในต้นเดิมอีกค่ะ แปลกใจมากๆ ทำไมอีกหลายๆต้น ไม่ยอมออกให้ชื่นชม จะมีก็แต่เข็มแสดต้นนี้ที่แบ่งบาน พลอยให้คนปลูกสดชื่น ได้ถึงสามครั้งแล้ว แม้เธอจะเป็นเพียงดอกไม้ จะช่อใหญ่ หรือเล็ก เราก็ขอขอบใจ ที่เธอทำให้ มุมเล็กๆของโลกใบนี้มีความสุข เรามาชมภาพกล้วยไม้เข็มแสดกันค่ะ v v v v v v v v v v v v v v v v เข็ม..... v v v v v v v v v แสด...... 555555 ล้อเล่นเฉยๆค๊า .. มาชมของจริงกันดีกว่าค่ะ นี่คือช่อแรก ถ่ายภาพเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2552 ค่ะ ออกดอกครั้งที่ 2 ค่ะ ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 13 กรกฏาคม 2552 นี่คือช่อของดอก ที่บานอยู่ตอนนี้ค่ะ ถ่ายภาพวันที่ 03 กุมภาพันธ์ 2553 ภาพเมื่อวันที่ 05 กุมภาพันธ์ 2553 แม้จะช่อเล็กกว่าเดิม แต่ก็สวยเหมือนเดิมค่ะ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเข็มแสดค่ะ พอดีใกล้จะถึงวันตรุษจีนแล้ว ก็เลยหาชุดสวยๆให้น้องอุ๊กอิ๊กใส่ค่ะ แฮ่ะๆ เห็นมั้ยคะ หนูมีเพื่อนอีกตั้งสองตัวแหนะค่ะ จบแล้วค่ะ เรื่องสั้นๆก่อนนอน ขอบคุณทุกท่านที่แว๊บเข้ามาชมกันค๊า
เมื่อวันที่ 01 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเลิกงานแล้ว เพื่อนได้นัดข้าพเจ้าไปทานข้าวมื้อเย็นและคุยเรื่องงานกัน ร้านอาหารที่นัดพบกัน อยู่แถวเมืองนนทบุรี หลังจากที่ทานข้าวและคุยกันเสร็จ ประมาณสองทุ่ม ข้าพเจ้าก็ขอตัวกลับบ้าน โดยเรียกเท๊กซี่กลับ เมื่อก้าวเท้าขึ้นรถ คนขับได้หันมายิ้มและถามว่า "หนูจะไปไหนคะ?" คนขับเป็นคุณลุงอายุน่าจะประมาณ 60 กว่าๆ ช้าพเจ้ารู้สึกชอบกับคำถามที่เขาถาม น้อยครั้งนักที่จะได้ยิน คนขับกล่าวด้วยวาจาสุภาพและเป็นมิตร "ไปฝั่งตรงข้ามเดอะมอลท่าพระค่ะ ขึ้นทางด่วนนะคะ" ข้าพเจ้าตอบกลับไป และเปิดกระเป๋า เพื่อหยิบเงินยื่นให้จ่ายค่าทางด่วน "ได้ค่ะหนู" คุณลุงยังคงพูด ค่ะ เช่นเดิม ข้าพเจ้านั่งไปสักพัก คุณลุงก็พูดว่า "หนูรู้มั้ยคะ ว่าหนูนะ เป็นคนมีบุญวาสนามากค่ะ" คำพูด ทำให้ข้าพเจ้างง และนึกอยู่ในใจว่า อะไรกันเพิ่งจะก้าวขึ้นรถ มองหน้ากันก็ยังไม่ชัด ลุงจะทราบได้ยังไงว่ามีวาสนา หรือไม่มี ก็เลยถามต่อว่า "คุณลุงเป็นหมอดูเหรอคะ" ลุงก็ตอบว่า "เปล่าหรอกหนู ลุงดูที่โหงวเฮ้งนะ หากคนอื่น จะดูว่า หนูก็ธรรมดาๆ แต่ลุงมองเห็นหนูเป็นคนมีเมตตา แต่ขี้ใจอ่อน ปากบอกไม่ แต่ในใจหนูน่ะ ยินดีจะช่วยคนอื่นเกินร้อยเปอร์เซ็น" คราวนี้ ทำให้ข้าพเจ้านั่งนิ่ง เงียบ ยัง งงๆอยู่ มองขวา ทะเบียนรถลงท้าย 14 อ้าว หวยเพิ่งออกไปนี่นา มองด้านหน้า หมายเลขผู้ขับขี่ ลงท้าย 12 โอ.อะไรจะบังเอิญจังค่ะ มองสำรวจในรถ ด้ายขวามือ ลุงเขียน คัมภีร์ คาถาบูชาเมียไว้ ที่ว่า รักเมียจงยอมเมีย อะไรทำนองนั้นนะ แต่ด้านซ้ายมือ มีป้ายอะไรไม่แน่ใจติดอยู่ ก็เลยหยิบขึ้นมา เป็นประกาศนียบัตร จากรายการ จส 100มอบให้แก่ นายยงยุทธ วิจิตรลัญจกร เก็บเงินได้ สามหมื่นห้าพันบาท และส่งคืนเจ้าของ ข้าพเจ้าก็แปลกใจ ถามถึงนามสกุลลุง คำว่า วิจิตรลัญจกร ลัญจกร นี่แปลว่าอะไร ลุงบอกว่า" หนูเคยเห็นตราประทับของพระมหากษัตริย์มั้ยคะ" ข้าพเจ้าตอบไปว่า" เคยได้ยินค่ะคุณลุง แต่หนูไม่เคยเห็น" ทันทีสมองก็คิดขึ้นมาได้ เลยถามลุงไปว่า "หากหนูเดาไม่ผิด นี่คือนามสกุลพระราชทานใช่มั้ยคะ" ลุงแกปล่อยหัวเราะ 555 ออกมาแล้วตอบกลับมาว่า "ใช่ค่ะหนู หนูนี่ฉลาดอนะคะ เดิมลุงนามสกุล แซ่หลีค่ะ ภายหลัง ทำความดี ความชอบเยอะ เลยได้รับนามสกุลพระราชทานใหม่ค่ะ" ข้าพเจ้ารู้สึกขนลุกซู่ขึ้น เริ่มรู้สึกอยากพูดคุยกับคุณลุงมากขึ้นแล้วค่ะ สักพัก มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาในมือถือของลุง ท่านไม่ได้ใช้หูฟัง แต่เปิดเป็นแบบมีเสียงออกมาค่ะ "ฮัลโหล คุณพ่อคะ พ่อถูกหวยมั้ยคะ 14 กับ 12 ที่รถของพ่อนะคะ" เสียงปลายทางถามมา "ถูกค่ะลูก" ลุงตอบลูกสาวไป พร้อมกับหัวเราะดัง "ฮ้า..พ่อ. ถูกจริงๆเหรอคะ ดีใจด้วยค่ะ งานนี้มีเลี้ยงๆ" น้ำเสียงสดใสของลูกสาวลุง พูดพร้อมหัวเราะ "ถูกกินนะลูกเพราะพ่อไม่ได้ซื้อค่ะ 555" ลุงหัวเราะอีกครั้งค่ะ ในสิ่งที่ข้าพเจ้าสัมผัสได้ ขณะที่พ่อกับลูกกำลังสนทนากัน สิ่งหนึ่งนั่นคือ บ่งบอกว่า ครอบครัวนี้ น่ารักมากๆ ลูกสาวพูดกับพ่อลงท้ายว่า "ค่ะ" ขณะที่ผู้เป็นพ่อก็กล่าวตอบด้วยคำสุภาพ กลับไปเช่นกัน หลังจากนั้น ลุงหันมาคุยกับข้าพเจ้าต่อค่ะ บอกว่า ขอให้ข้าพเจ้า หมั่นเจริญภาวนา ถือศีลห้าอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยหนุนบุญที่มีอยู่แล้วให้ดียิ่งๆขึ้น ลุงบอกว่า ทุกวันนี้ที่คนเรา ไม่ยึดมั่น และมีปัญหาตามมาหลายๆอย่าง เพราะเราเป็นคนไม่เห็นแก่ตัว หากคนเราเห็นแก่ตัว ก็จะดี "คุณลุงคะ หากคนเราเห็นแก่ตัว มันจะมีอะไรดีละคะ สังคมยิ่งจะแย่ ไม่มีการเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ " ข้าพเจ้าถามกลับไป "คำว่าเห็นแก่ตัว ที่ลุงพูดหมายถึง เห็นแก่ตัวเราเองค่ะหนู อย่างเช่นหนูเหมือนกัน เพราะความเมตตามากเกินไป เลยเห็นแก่คนอื่น ทำอะไรเพื่อคนอื่น เลยลืมทำอะไรเพื่อตนเอง" ลุงหันมายิ้มให้ข้าพเจ้า "อืม ถูกต้องของคุณลุงค่ะ พระก็กล่าวเสมอว่า อัตหิ อัตโนนาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน หากเรามัวแต่ช่วยคนอื่น แล้วเขาจะหัดเดินเองได้อย่างไร?" ข้าพเจ้าเก็บคำพูดของคุณลุงไปคิด และเริ่มต้นปฏิบัติ นั่งสมาธิ ให้มากขึ้น หมั่นสวดมนต์ ทุกขณะ ไม่ว่าจะอยู่บนรถ หรือตื่นนอน เข้านอน ขอบคุณคำสอนที่คุณลุงมอบให้กับคนสัญจร ที่พบกันเพียงไม่ถึงชั่วโมงค่ะ ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมคุณลุงที่นามว่า"ยงยุทธ วิจิตรลัญจกร" วันนี้ข้าพเจ้าได้เปิดหาข้อมูลจากกูเกิ้ล ได้พบข้อความที่เขียนเกี่ยวกับคุณลุง เลยขอนำมาลง ให้ทุกท่านได้อ่านกันค่ะ ค่ะ คุณลุงยงยุทธ วิจิตรลัญจกร แท็กซี่คนซื่อเก็บเงินสด35,000 ส่งคืนเจ้าของผ่านร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 ผมเห็นภาพพ่อหลวง ที่อยู่ บนธนบัตรกำลังมองผมอยู่ ผมเป็นคนดี อยากทำดี เงินนี้ไม่ใช่ของผม ผมอยากจะคืนเจ้าของให้เร็วที่สุด" เป็นคำกล่าวของโชว์เฟอร์แท็กซี่คนซื่อวัย 65 ปี "ยงยุทธ วิจิตรลัญจกร" โชเฟอร์แท็กซี่สีชมพู ทร-3420 กทม. ซึ่งแจ้งออกอากาศทางสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 MHz. โดยแจ้งเข้ามาเมื่อ 05.00 น.เศษวันนี้ (11 ก.ค.) และ แจ้งออกอากาศเมื่อเวลา 09.10 น.วันเดียวกันซึ่งเมื่อเช้ามืดตนนำแท็กซี่ไปเข้าอู่ล้างรถเห็นซองตกอยู่ที่พื้นเข้าใจว่าเป็นขยะ สุดท้ายมีแต่เงินสด 35,000 บาท จึงนึกถึงรายการร่วมด้วยช่วยกัน FM.96.0 MHz. เพื่อต้องการให้ช่วยประกาศหาเจ้าของ ส่วนตนก็ออกตระเวนตามหาเจ้าของมาโดยตลอด จำได้ว่ามีผู้โดยสารลงที่บ้านไหนก็จะตระเวนไปสอบถาม แต่ก็ไม่ใช่เจ้าของเงินสักราย จากที่ซองขาวดังกล่าวมีแต่รอยเท้าเหยียบจากผู้โดยสารขึ้นลงหลายราย จากซองสกปรกดังกล่าวกลับมีแต่พันธบัตรฉบับละพัน อยู่ในซองจดหมายตอนแรกเข้าใจว่าเป็นของคุณลุงผู้โดยสารที่ขนต้นไม้มาเต็มคันใช้บริการประมาณเวลา 14.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม 2551 จึงแจ้งกับวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 MHz ทราบเพื่อสอบถามว่ามีใครแจ้งของหายไว้หรือเปล่า และ ตนกำลังเดินทางไปที่บ้านของคุณลุงคนนั้น เมื่อไปถึงไม่พบคุณลุงผู้โดยสารจึงสอบถามญาติ ทราบว่าคุณลุงเดินทางไป จังหวัดลำพูน ตนจึงของเบอร์เพื่อสอบถามว่าคุณลุงลืมของไว้หรือเปล่า ปรากฏว่าคุณลุงผู้โดยสารไม่ลืมอะไรไว้ จึงแจ้งกลับมาที่ วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 MHz เพื่อขอให้หาเจ้าของที่แท้จริง คุณสุกัญญา มากล้น Producer พร้อมทีมงานวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 MHz. สอบถามว่าที่ซองจดหมายระบุถึงใครหรือไม่ ปรากฏว่าไม่ระบุมีแต่ชื่อของซองใส่ธนบัตร ระบุชื่อ บริษัทวินเซนต์ ไชย์ จำกัด เลขที่ 31/12 ถนนสีลม เขตบางรัก กทม. ทีมงานวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 MHz ติดต่อไปที่บริษัทวินเซนต์ ไชย์ จำกัด สอบถามคุณอาทิตย์ สินธุพงศ์ ผู้จัดการ บริษัทวินเซนต์ ไชย์ จำกัด เพื่อตามหาเจ้าของเงินทราบว่าเป็นชาวสิงคโปร์ ชื่อ Mr. VINCENT TAN ENG CHYE เปิดบริษัทตบแต่งภายในอยู่แถวสีลม โดยเช้าวันที่ 10 กรกฎาคม เจ้านายนั่งแท็กซี่จาก ศาลาแดง ไปลงดอนเมืองเพื่อเดินทางไป จ.เชียงใหม่ แล้วทำซองธนบัตรตกในรถแท็กซี่คันดังกล่าว รายการตรวจสอบความถูกต้องเบื้องต้น จึงให้คุณอาทิตย์ สินธุพงศ์ และ คุณยงยุทธ วิจิตรลัญจกร โชเฟอร์แท็กซี่สีชมพู ทร-3420 กทม. เดินทางมาที่ วิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM 96.0 MHz. เวลา 11.00 น. คุณยงยุทธ วิจิตรลัญจกร อายุ 65 ปี (บ้านเลขที่ 10/5 หมู่2 ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี) โชเฟอร์แท็กซี่สีชมพู ทร-3420 กทม. เดินทางมายังสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันFM96 ซอยรามคำแหง21 แขวง/เขตวังทองหลาง กทม. นำซองใส่ธนบัตรพร้อมเงิน 35,000 บาท(สามหมื่นห้าพันบาทถ้วน) มามอบเงิน ให้คุณอาทิตย์สินธุพงศ์ ผู้จัดการบริษัทวินเซนต์ ไชย์ จำกัด เป็นตัวแทนมารับเงินแทน โดยมี ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ผู้ดำเนินรายการร่วมด้วยช่วยกัน และ คุณพจน์ โพธิ์ศรี ผู้จัดการร่วมด้วยช่วยกัน เป็นพยาน ในการส่งมอบ โดยคุณอาทิตย์ ได้มอบเงินเป็นสินน้ำใจให้คุณอาทิตย์ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท ผู้ฟังหลายท่านต่างชื่นชมในน้ำใจ ของคุณยงยุทธ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องสั้นค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เรื่องสั้นของข้าพเจ้าเรื่องนี้ คงทำให้แง่คิดได้ ไม่มากก็น้อยค่ะ แก้วประภัสสร 03 กุมภาพันธ์ 2553
หลังจากเมื่อคืน พอว่างก็เลยนั่งเขียนกลอน ลงเสร็จ ก็ว่าจะคุยกับเพื่อนๆต่อ แต่ไม่ไหวค่ะ ง่วง เลยขอตัวนอนก่อน นอนหลับอย่างสบายใจ แต่กลับฝันถึงคุณพ่อ ในฝันแบมเดินเล่นอยู่ มองเห็นธนบัตรวางเรียงกันเป็นแถว ยืนมองดู เงินใครหว่า แล้วก็เอิ้อมมือไปเก็บ ทั้งๆที่ธนบัตรพวกนั้น ยังเปียกน้ำอยู่ แถมใบสุดท้ายพอหยิบขึ้นมาขาดครึ่ง สักพักเห็นพ่อเดินมาแล้วยิ้มให้ ในฝันฉันมีความสุขมาก เรียก"พ่อขาพ่อ" พ่อยังยืนยิ้มให้ฉัน และบอกฉันว่า "นั่นนะเงินพ่อนะลูก ยังมีในถุงอีก 99 บาท" ฉันยืนหัวเราะ แล้วพูดเล่นกับพ่อว่า "จริงอะ เงินพ่อจริงอะ" แล้วฉันก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนที่สาม พ่อขา ..เพียงพ่อมาหาหนูในฝัน หนูก็มีความสุขมากๆแล้วละค่ะ รอยยิ้มของพ่อเพียงในฝัน ก็เติมเชื้อไฟและพลังให้ลูกของพ่อได้แล้ว ฉันตื่นตีห้าครึ่ง อาบน้ำแต่งตัว ออกไปใส่บาตร กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อ หลังจากนั้นก็เดินไปจับจ่ายซื้อของที่ตลาดในซอยค่ะ นานแล้วสินะ ที่ไม่ได้ทานขนมจีนซาวน้ำ ไม่ค่อยมีคนทำขายค่ะ วันนี้ก็เลยถือโอกาสทำซะเลย มาลองดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง ทำง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ เตรียมของที่จะทำกันค่ะ 01 ขนมจีน 02 กะทิ 03 สับปะรด 04 กุ้งแห้ง 05 พริกขี้หนู 06 มะนาว 07 ขิงหั่นฝอย 08 กระเทียม เรามาดูภาพส่วนประกอบในการทำดีกว่านะคะ พริกขี้หนูหั่นเล็กๆ กุ้งแห้งตำให้ละเอียด กระเทียมปอกเปลือกหั่นบางๆค่ะ ขิงซอยบางๆ มะนาวผ่าซีก นำสับปะรดที่รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มาสับๆ ให้เป็นชิ้นเล็กๆ น้ำของเขาไม่ต้องทิ้งค่ะใส่รวมลงไปเลย กะทิ คั้นเอาแต่หัวนะคะ เอาไปเคี่ยวให้แตกมันนิดหน่อย ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อจะไม่ให้กะทิเสียเร็วค่ะ ขนมจีนค่ะ (จานใครน๊า คุ้นๆ อิ) นี่คือเครื่องปรุงของขนมจีนซาวน้ำที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ เห็นมั้ยคะ ไม่ยากเลยค่ะ อาหารชาววัง ที่ชาวบ้านอย่างเราก็ทำได้ง่ายๆ เสริฟใส่จาน ด้วยวางขนมจีนลงไปก่อน ตามด้วยขิง กุ้งแห้ง พริกขี้หนู กระเทียม สับปะรด บีบมะนาวลงไป เพื่อเพิ่มความหอมค่ะ ราดด้วยน้ำกะทิ หากใครชอบหวานก็เติมน้ำตาลได้ หรือชอบเค็ม ก็เหยาะน้ำปลาลงไปค่ะ แค่นี้เราก็จะได้เมนูง่ายๆ ในวันหยุดสำหรับท่านและครอบครัวแล้วค่ะ สร้างสุขให้กัน กับสิ่งเล็กๆน้อย ครอบครัวอบอุ่น ทำอาหารที่บ้านทานกันดีกว่าค่ะ อ้อ ตบท้ายด้วยผลไม้ ที่มีวิตามินสูง ซึ่งตอนนี้ สามารถหาซื้อได้ง่ายๆ สตอบอรี่ค่ะ น่าทานมากเลยค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมเมนูวันหยุดของแก้วฯค่ะ ขอไปเตรียมตัวไปอิมโพเรี่ยมก่อนนะคะ เขามีจัดงานที่เกี่ยวกับของประดิษฐ์จากไม้ไผ่ ขอไปชมสักหน่อยค่ะ บ๊าย บาย แก้วประภัสสร 31 มกราคม 2553
วันก่อน... ก่อนวันไหน ผมก็จำไม่ได้หรอกครับ แต่ผมจำได้ว่า วันนั้นเป็นวันที่ทำให้ผมทั้งโมโห และทำให้ผมหัวเราะ เผลอฉีกยิ้มออกมาจากริมฝีปากอันอวบอิ่ม จิ้มลิ้มของผม คุณเชื่อตามที่ผมบอกเถอะนะครับ ว่าปากผมอวบและอิ่มกว่าสาวๆหลายคนจริงๆ ผมจำได้ว่า เช้าวันหนึ่ง ผมเปิดประตู มายืนรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน ตัดแต่งกิ่งไม้และเก็บใบไม้ ที่หล่นร่วงลงพื้น .. คุณกำลังคิดต่อละสิว่า ผมจะต้องนำใบไม้พวกนั้นไปทิ้งลงถังขยะ คุณคิดผิดครับผม .. ผมเก็บใบไม้พวกนั้นลงใส่กระถางต้นไม้เช่นเดิม .. อย่าครับอย่า... ผมรู้ทันนะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่ได้เค็ม งก หรือตระหนี่ ขี้เหนียวอะไรทั้งนั้น แต่ใบไม้พวกนั้น มันเป็นปุ๋ยอย่างดีทีเดียวสำหรับต้นไม้ของผม **คำเตือน** อย่าเชื่อจนกว่าคุณจะได้ทำด้วยตัวคุณเอง ผมอาจจะหลอกคุณอยู่ก็ได้นะครับ เพื่อนบ้านตรงข้ามบ้านของผม เขาเปิดประตูบ้านออกมา เขาและผม ทักทายกัน คุยกันเรื่องต้นไม้ ทำอย่างไรให้ออกดอกโตและแข็งแรง ทำอย่างไรให้สีของดอกไม้นั้นสวย ผมแนะนำไปเท่าที่มีความรู้อยู่ในสมองอันเล็กและยับยู่ยี่ว่า หลังจากที่ดอกกำลังแทงช่อ ควรงดน้ำ สองสามวันฉีดให้นิดหน่อย ไม่ต้องเยอะมาก เพราะหากให้น้ำเยอะ เขาและผมมักจะมีปัญหาเรื่องจ่ายค่าน้ำสูงขึ้นเสมอ คุณกำลังคิดอีกสิครับว่า ผู้ชายคนนี้นอกจากจะเค็ม ขี้เหนียวแล้ว ยังเหมือนพ่อบัวแล้งน้ำ ขาดน้ำใจอีก แม้กระทั่งต้นไม้ ยังให้อดน้ำ ถามจริงๆเถอะ พวกคุณคิดกันได้ยังไงครับเช่นนั้น ผมเองยังไม่เคยคิดแม้แต่สักครั้งเดียว เชื่อผมเถอะ... ขณะที่เพื่อนบ้านและผมกำลังสนทนากันอยู่ สักพักผมมีความรู้สึก (แน่นอนครับ..ผมต้องมีความรู้สึก .. หากไม่มีความรู้สึก นั่นคงหมายถึง ผมกำลังตายด้านครับ) ดุเหมือนมีน้ำอะไรไหลอยู่ตรงปลายขากางเกงของผม .. ผมตกใจ...ตกใจจริงๆนะครับ ลองจับใจผมดูสิ มันตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ปรกติ ผมเป็นคนไม่คิดมาก แต่ชอบคิดน้อย บ่อยๆ วันละหลายๆเวลา เพราะอะไรคุณทราบมั้ยครับ (อีตาบ้า ..พูดอยู่ได้ ก็บอกฉันมาสิ อารัมภบท สาธยายจังวุ้ย) ฮัดเช่ย ผมจามออกมา เหมือนกับว่า กำลังมีใครสักคน แถวๆนี้กำลังนั่งนินทา หรือคิดถึงผมอยู่ **เพิ่มความ** (อันนี้เขียนถูกแล้วครับ ต้องเพิ่มความ เพราะเรื่องที่ผ่านมา นักเขียนท่านหนึ่ง ซึ่งนามปากกา กิ่งโศก ลงไว้ว่า ตัดความ) ผมก้มหน้าลงไปมองที่ขาอย่างช้าๆๆ ..ช้าๆครับ โบราณก็บอกไว้ รุ่นเจ้าคุณปู่ เจ้าคุณย่า เจ้าพระคุณรุนช่อง เจ้าปู่ เจ้าเขา เอาเถอะครับ เลือกเอาสักเจ้า แล้วแต่คุณชอบ แต่ท้ายที่สุด คุณก็จะได้พร้าเล่มงาม เหมือนกัน ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม คุณว่าผมพูดถูกมั้ยครับ ไม่ต้องตอบก็ได้ครับ (คุณอย่าเป็นคนซื่อตรงนักเลยครับ ผมเพียงแต่อยากให้คุณลองวิเคราะห์เล่นๆเท่านั้นเอง) สักพักตาผมก็มองไปที่ ช่วงขาถึงตาตุ่ม ภาพที่ผมเห็น มันทำให้ผมแทบอยากจะยกขาขึ้น แล้วเหวี่ยงตรงออกไปให้แรงๆ แรงพอๆกับที่ผมยังมีแรงอยู่ ก็จะอะไรเสียอีกล่ะครับ ไอ้ซูโม่ลูกชายของผม ลูกที่พ่อแม่สั่งสอน( ผมสอนจริงๆนะครับ) แต่เขามักไม่ค่อยใส่ใจในสิ่งที่ผมสอน เขาทำท่ายืนขาเดียว เหมือนจะเล่นโยคะยังไง ยังงั้นล่ะครับ ผมรู้ว่า ลูกผม เขาเก่งเหมือนผม แต่ตอนนี้ กลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ฉลาดเหมือนผมเลย เจ้าซูโม่ยืนขาเดียวครับ ส่วนอีกขาเขายกขึ้น และเล็งเป้ามาที่ขาผม ฉี่ครับฉี่ พวกคุณคิดกันไปถึงไหนอีกแล้วครับ เฮ้อ..ในโลกสวยๆใบนี้ ทำไมมีคนคิดไปไกลจังนะครับ ทีแรกผมรู้สึกไม่พอใจมากที่ลูกผม มายกขาฉี่ใส่ผม ผมก็แค่ขยับขาและไปโดนร่างของเขา ไม่แรงมากหรอกครับ แค่ซูโม่กลิ้งไปสองตลบ หงายหลังไปสามตลบ เหมือนกายกรรมไม่ผิดเพี้ยนเลย สักพักผมเหลือบไปมองเขา เขาลุกขึ้นมาและวิ่งมาคลอเคลียที่ขาผม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมมายิ้มยั่วเย้า แยกเขี้ยว ยิงฟันให้ผมอีก เฮ้อ..กรรมของผมเองครับ.. ที่มีลูกเป็นหมา ขอบคุณมากครับ ถือว่าเป็นกรรมของคุณด้วยครับ ที่หลงเข้ามาอ่านเรื่องของผมกับลูก ไปทำงานต่อก่อนครับ ก่อนที่ผมจะเสียหมา บ๊าย บายครับผม แก้วประภัสสร เขียน ณ เวลา และอารมณ์พาไปครับผม นี่ละครับผม ซูโม่ ลูกผมครับ นี่คุณพี่สาว "ซูชิ"ครับผม ขอบอกก่อนนะครับ ห้ามรักพี่ผม มากว่าผม ซูโม่นะครับ นี่พี่ชาย"แจ่ม"ของผมครับ คุณเชื่อผมเถอะ ผม "ซูโม่" หล่อกว่าพี่แจ่มเยอะเล้ย
ก่อนจะเข้าเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา แก้วฯค่อนข้างวุ่นๆกับงาน และกิจกรรมต่างๆที่ต้องทำ ทั้งส่งของให้เพื่อนๆ ในบ้าน นอกบ้าน ไปงานเลี้ยง ที่พรั่งพรูกันเชิญ หลายงานประทับใจ สนุกและได้ผ่อนคลาย ไม่ว่าจะงาน ออสเตรียนแอร์ไลน์ งานของ แอร์เบอริน งานของอมาดิอุส ฯลฯ เกือบทุกวันไปรษณีย์จะส่งของมาให้ที่บริษัท เดิมทีเดียว หากเขามาส่งเขาจะต้องให้น้องที่นั่งด้านหน้าเคาเตอร์เซ็นต์รับ แต่พอบ่อยๆเข้า เขาเดินตรงรี่มาหาแก้วฯ พร้อมส่งยิ้มหวานๆ และบอกว่า "ของคุณประภัสสรอีกแล้วครับผม" กล่องพัสดุน้อยใหญ่ ถูกแกะของออกอย่างบรรจง และเก็บกล่องเข้าตู้ไว้ แก้วฯไม่เคยทิ้ง ของทุกอย่างที่เพื่อนๆพี่ๆส่งมาให้ รวมทั้งกล่อง ที่ใครๆอาจมองว่า มันไม่มีค่า a แต่คุณรู้มั้ยคะ แก้วฯกับให้ความสำคัญที่กล่องนั้นพอๆกับของข้างใน ที่ได้รับมา แก้วฯไม่เคยมองว่า ใครส่งอะไรมา ชิ้นเล็ก ชิ้นใหญ่ ค่ามากน้อยแค่ไหน เพราะของทุกชิ้นสำคัญเท่าๆกัน ในความประทับใจกับมิตรภาพที่ได้รับ หลายต่อหลายครั้ง ทำให้แก้วนั่งยิ้มอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะได้อ่านบทกลอนที่ทุกคนเขียน เรื่องสั้นที่อ่านแล้วทั้งสนุก ได้สาระ กระทู้ที่เพื่อนๆแบ่งปัน และหยอกเย้ากันเล่น วันนี้แบมขออนุญาต นำภาพของที่ได้รับ เป็นบางส่วนมาลงให้เพื่อนๆ ชมกันนะคะ ขอบคุณมิตรภาพและ thaipoem ค่ะ ตุ๊กตาหมี คุณคนดีให้ในวันปีใหม่ค่ะ "น้องอุ๊กอิ๊ก" คริ สังเกตอุ๊กอิ๊กค่ะ เธอพร้อมที่จะก้าวขาลงบ้านทันทีที่เจ้าของชวนไปเที่ยว นี่แหนะ หันบั้นท้ายให้เลย พี่แบมไม่พาหนูไปเที่ยวด้วย นี่ก็คุณคนดี ให้ค่ะ ซีดีเพลงสากล ฟังแล้วทำให้หลับสบาย อารมณ์ดีไปกับ เสียงเพลง ส่วนชิ้นนี้จากเพื่อนโคลอนค่ะ ดูสิคะ แต่ละชิ้นน่ารักเหมือนคนส่งมาเล้ย การ์ดจากน้องอ้อย เทียนหยด พร้อมของฝากถูกใจมากๆ แหม น้องเรา วันหลังเจ้จะทำอาหารให้ชิมกันจ้า จากน้องวา ฉางน้อยค่ะ การ์ดอวยพร พร้อมผ้าพันคอ ก่อนหน้านี้น้องวา ก็ส่งหนังสือเล่มนี้ให้เช่นกันค่ะ อ่านแล้วทำให้ได้แง่คิดดีมาก แอ่น แอ้น แอ๊นนน การ์ดอวยพรจากคุณยาแก้ปวด และ เฌอมาลย์ สีชมพูชอบมากเลยค่ะ ส่วนอันนี้จะเก็บไว้เขียนเรื่องสั้นและกลอนโดยเฉพาะเลยค่ะ กล่องนี้เรามาลุ้นกันดีกว่าค่ะว่าของใคร? v v v v ตึ๊กตั๊กๆๆๆ ใจเต้น คริ จากพี่ชาย คุณนักสืบไร้อันดับ เป็นกระปุกออมสิน ด้านในมีขนมเยลลี่ ภายในหนึ่งวัน ขนมก็หมดเกลี้ยงเลย 555 หลังจากขนมหมด ก็หยอดเหรียญลงไป 99 บาทจ้า คริ เอาฤกษ์ ก่อนหน้านี้ พี่สืบก็ส่งผลไม้อร่อยๆมาให้ทานค่ะ ภาพวาดของขวัญวันเกิดจากคุณคนดีเช่นกันค่ะ แม้จะไม่คล้ายลิงแบม เอ้ย ตัวจริง ก็ประทับใจคะ ง่วงแล่วครับพี่น้อง พอแค่นี้ก่อนจ้า ราตรีสวาททุกคนค่ะ