24 มกราคม 2555 16:26 น.
แก้วประภัสสร
กีรตินี่นี้..................... เป็นพยาน
เรานั่งร้อนอยู่นาน....... บอกไว้
จู่จู่ท่านต๊ะหาร............ .. มาแหย่ เราเฮย
ช่วยส่งไม้ขีดให้..............จะได้เผางานฯ
เราจะทำเช่นนั้น.........ยังไง
ในเมื่อไม้ขีดไฟ หมดแว้ว
ไม่อยากส่งเสริมใคร.....เผากระดาษ จริงนะ ไม่โกเจ๊ดดอก อิ
มลพิษสำลักแล้ว ..... .ปอดนั้นพลันหายฯ
แต่เมื่อเพื่อนออดอ้อน........อรชร
แก้วแบ่มแก้มงามงอน...... กระชั้น
กลับไร้ซึ่งฟืนฟอน.................ไม้ขีด จริงนา
รีบส่งไฟแช๊กนั้น............... เอ่าเอ้าเอาไปฯ
22 มกราคม 2555 20:12 น.
แก้วประภัสสร
ถึงไกลบ้านห่างแม่แท้คือทุกข์
ยังไม่จุกเท่าห่างร้างสหาย
คราวน้ำท่วมอ่วมทุ่งพุ่งกระจาย
เรือกับพายยังพึ่งซึ่งวารี
เสือพึ่งป่าอาศัยได้พักผ่อน
นกกลับคอนพึ่งพาพนาสี
นายพึ่งบ่าวเช้าเย็นยังเห็นมี
ประชาชีพึ่งกษัตริย์ขัตติยา
แต่เรานี้วาสนาน้ำตาตก
เพราะหัวอกไร้คนแลชะแง้หา
อยู่คนเดียวเปลี่ยวเปล่าเศร้าอุรา
จะพึ่งพาใครหนอยามท้อใจ
หวังปรับทุกข์กับเพื่อนก็เลือนลับ
ไม่หวนกลับหันหน้าพูดปราศัย
แม้จะรู้เหตุผลทุกคนไป
จะตัดใจแสนยากลำบากจริง
คงไม่มีอะไรให้ยึดเหนี่ยว
มีอย่างเดียวดับคลายทั้งชายหญิง
คือพึ่งพายึดธรรมนำหลักอิง
สงบนิ่งสวดมนต์จนง่วงนอน
----------------------------------------
วันตรุษจีนไทยลาวเขาสนุก
ฉันนั่งขลุกบนเตียงเรียงอักษร
แม้อยากเฟ้นเข็นคำทำบทกลอน
กลับขาดตอนเป็นช่วงเหมือนห่วงใคร
19 มกราคม 2555 15:45 น.
แก้วประภัสสร
อันสะตอขอบอกไม่หลอกเจ้า
หยิบมาเคล้ากะปิชิหวานหอม
น้ำบูดูรู้คำพี่จำยอม
พอดมดอมบอกเหม็นเป็นอำลา
แต่อย่างไรในรสบดขยี้
สะตอมีกลิ่นร้ายคล้ายปลาร้า
ก็เข้ากันอีสานใต้ได้เวลา
มาวิวาห์ร่วมหอสะตอกัน
เธออีสานบานบอกเช่นดอกไม้
ผมคนใต้ร่วมเรียงมาเคียงสรร
ลูกชาวเลเห่กล่อมถนอมพลัน
ชื่นชีวันจริงหนอสะตอไทย
6 มกราคม 2555 15:26 น.
แก้วประภัสสร
ต่างเดินย่ำเท้าถี่รี่ให้ถึง
สู่ลานวัดนางนองต้องตะลึง
คิดไม่ถึงปีนี้ต่างปีกลาย
ที่ทางวัดจัดงานสะเดาะเคราะห์
ข้ามปีเถาะเข้ามะโรงโยงขยาย
รวมเป็นหนึ่งสวดมนต์คนเรียงราย
เพื่อส่งท้ายปีเก่าเข้าใหม่แทน
ริมถนนหนทางเยื้องย่างผ่าน
มองลูกหลานดึงเหนี่ยวพาเกี่ยวแขน
เล่นหยอกล้อต่อกระซิกบ้างหยิกแฟน
รักแน่นแฟ้นมองเห็นเป็นชื่นใจ
อีกเด็กน้อยคอยแม่แท้หิวขนม
ซื้อลูกอมหน้าวัดมือปัดไหว
แม่ทำปากจุ๊จุ๊ดุออกไป
ถึงวัดไซร้ไหว้พระจะพากิน
ที่ปากทางอาหารให้ทานโข
ข้าวพะโล้ผัดหมี่มีมากสิ้น
ใส่กระทงเขียวตองมองดั่งอินทร์
เห็นแล้วลิ้นทำงานปานรู้ใจ
อีกทอดมันปั้นเหนียวเคี้ยวหนุบหนับ
หนึ่งชิ้นรับไม่พอขอได้ไหม
ผู้ให้ทานตักส่งลงทันใด
ยกมือไหว้ขอบคุณการุณมา
กินอิ่มหนำสำราญจนพาลจุก
ต้องรีบลุกยืนจัดสะบัดขา
ให้เข้าที่พองามตามเวลา
แล้วเดินมาที่นั่งฟังสวดมนต์
พระบรรยายถึงฉันคนวันเสาร์
จะทุกข์เศร้าทรมานพาลสับสน
หากทำดีให้คุณบุญเหลือล้น
ก็จะพ้นผ่านทุกข์เป็นสุขกาย
ให้มีจิตวิญญาณการปกป้อง
กับพวกพ้องญาติสนิทมิตรสหาย
จะเสริมดวงพ่วงทรัพย์รับมากมาย
จากโทษร้ายกลายเด่นเป็นพญา
ครั้นเสียงสวดพระธรรมนำจนจบ
เจ็ดวันครบทุกคนพ้นกังขา
ถึงเที่ยงคืนเสียงพลุปะทุฟ้า
ดอกไม้ไฟสว่างจ้าทั่วธานี
ฉันนั่งนิ่งพิงเสาดูเบาโล่ง
หกชั่วโมงผ่านไปใจสุขี
แล้วก้มกราบพระพุทธองค์ลงสามที
จรลีกลับบ้านสำราญใจ
คิดถึงแม่ของฉันนั้นเหลือล้น
ที่อุบลฯอยู่เย็นเป็นไฉน
หารีรอโทรศัพท์กลับทันใด
โทรทำไมไก่แก่แแม่จะนอน
ได้ยินเสียงหัวเราะเสนาะลั่น
โอ้เสียงนั่นแน่แท้แม่ปลาช่อน
ลูกโทรปลุกค่อนคืนให้ตื่นนอน
หวังขอพรก่อนกลับหลับฝันดี
แม่หยอกเย้าเจ้าเล่นเช่นลูกแก้ว
ให้ผ่องแผ้วจำรัสประภัสสร์ศรี
อันเจ็บป่วยหมองเศร้าเจ้าอย่ามี
จงเปรมปรีดิ์สุขสันต์ทุกวันไป
ยกมือขึ้นวางอาบทาบดวงจิต
ดุจได้น้ำอมฤตสถิตไว้
ปีมะโรงโยงนิราศให้ปราศภัย
ทั่วถิ่นไทยจงเกษมเปรมปรีดิ์เอย
* แก้วประภัสสร *
ภาพ วัดนางนอง 31 ธันวาคม 2554
โดย แก้วประภัสสร