30 พฤศจิกายน 2553 21:03 น.
แก้วประภัสสร
ตะวันแยงแหล่วเด้อ บักหล่า
คือบ่ตื่นขึ้นมา อาบน้ำ
ฟ่าวไปเบิ่งเถียงนา ซ่ำแม่
จับกับแก้จากถ้ำ ส่งเข้าไปขายฯ
ราคาแพงเติบเด้อ ลูกคำ
เห็นเพิ่นบอกประจำ หลักร้อย
ตัวใหญ่เท่ามือกำ เป็นหมื่น
กระตุกคอพอห้อย อย่าให้ดิ้นตายฯ
เห็นเจ้าว่าอยากได้ เงินล้าน
หากแต่มัวเกียจคร้าน อ่อนแฮ้ง
ผู้ได๋สิเยือนชาน เล่าหล่า
ขี้ตะวันแดงแจ้ง บักน้อยบ่ตื่นฯ
ลุกขึ้นมาแท่แม้ สอนยาก
แก่เฒ่าสิลำบาก เดือดฮ้อน
บ่มีหมู่ฮวมฮาก โอบเจ้า
แม่นสิเเอ่นปากอ้อน อย่าเด้ออย่าหวังฯ
เห็นบ่น้อโลกใกล้ ลับลา
ฝนก็ตกลงมา ฟ่าฮ้อง
ท่วมนาเกือบมิดตา กะฮู่
ดินแยกลั่นดังก้อง ถล่มพื้นเสียหายฯ
พายุก็ซัดเลี้ยว เฮือนพัง
นั่นทะเลบ้าคลั่ง กึกก้อง
คนอื่นเบิ่งบ้าหลัง เศร้าโศก
ตื่นเถิดออกจากห้อง ช่วยผู้หนีตายฯ
ก่อนโลกกระแทกห้วง ยุบลง
หล่าอย่ามัวพะวง เคลิบเคลิ้ม
นอนหลายสิงวยงง สมองฝ่อ
อย่าเฮ็ดตาหยาดเยิ้ม จดจ้องแต่ฝันฯ
มาฮวมหมู่อยู่เฝ้า ก่อนตาย
สิเลิศประเสริฐหลาย ลูกเอ้ย
ยกดีใส่เหนือกาย นั่นแล่ว
จึงสิน่าชมเช้ย รากเหง้าคนไทยฯ
แก้วประภัสสร
30/ 11 /2553
ฟ่าว = รีบ
กับแก้ = ตุ๊กแก
อ่อนแฮ้ง = อ่อนแรง
เดือดฮ้อน= เดือดร้อน
ฮวมฮาก = รวมราก
ฟ่าฮ้อง = ฟ้าร้อง
กะฮู่ = ก็รู้
เฮ็ด = ทำ
25 พฤศจิกายน 2553 17:09 น.
แก้วประภัสสร
ยามค่ำคืนหนาวเหน็บเจ็บเข้าขั้ว
มีเพียงตัวกับเตียงอยู่เคียงฉัน
และพัดลมเก่าเก่าเน่าหนึ่งอัน
ความเงียบงันเข้าครองทั้งสองใจ
อีกฟากหนึ่งของฟ้าไกลตาโพ้น
คนทางโน้นอยู่เย็นเป็นไฉน
แล้วยามหนาวใครหนอก่อกองไฟ
ให้เนื้อกายได้อุ่นละมุนกัน
คิดถึงมากอยากกอดแล้วพรอดรัก
นอนหนุนตักพักลงที่ตรงนั้น
ให้คนดีพัดกล่อมย้อมชีวัน
หยอกเย้าฉันเหมือนก่อนตอนเยาว์วัย
แม้วันนี้ลูกห่างเหมือนร้างถิ่น
คล้ายขมิ้นจากคอนบินว่อนไหว
ไร้อกอุ่นกรุ่นเนื้อมาเจือใจ
แต่ห้วงในรู้สึกสำนึกพา
ส่งหมวกขาวจากพี่นี้ไปให้
ผ้าพันคอแทนใจคล้ายห่วงหา
กับรูปภาพแทนลูกผูกติดมา
พร้อมวาจาเรียงร้อยแนบถ้อยคำ
"กราบเท้าแม่คนดีที่เคารพ"
เขียนแล้วลบ..ทนฝืน..สุดกลืนกล้ำ
น้ำตาหยดรินลงตรงเนื้อคำ
กับลำนำขาดห้วงเป็นช่วงตอน
แก้วประภัสสร
25/11/2553
ขอบคุณภาพสวยๆจากกูเกิ้ลค่ะ
11 พฤศจิกายน 2553 13:15 น.
แก้วประภัสสร
ยามหนาวยิ่งหนาวนัก ไร้คนรักมาอุ่นอิง
ยามเจ็บก็เจ็บจริง ไร้คนพิงแลทายา
ยามล้มก็จมอยู่ ไร้คนดูแลรักษา
ยามเหนื่อยก็สุดล้า ไร้คนมาแลเอาใจ
ยามนี้ช่างหนาวสุด เกินจะฉุดแลรั้งไหว
หนาวเนื้อแลยอกใน เกินจะต้านแลทานทน
เหลียวหาผู้พาพบ คอยลบกลบรอยแผลหม่น
เหลียวมองไร้ผู้คน จำใจทนบนเดียวดาย
แลมองทั้งสองฝั่ง แม่น้ำยังมีหลากสาย
แลมองที่หัวใจ หนึ่งเดียวนี้มีเพียงเธอ
ไร้คนผู้ผ่านมา เพียงเบิ่งฟ้ากดความเพ้อ
เบิ่งดาวพราวแทนเธอ ใจเกือบเผลอลอยล่องไป
หนาวนี้ช่างหนาวนัก ฤาจะรักมาหวั่นไหว
ส่วนลึกของหัวใจ ยังมีไว้เพียงให้เธอ
แก้วประภัสสร
11 / 11 / 2553
10 พฤศจิกายน 2553 13:08 น.
แก้วประภัสสร
เราก็ต่างรู้พุงแลเห็นไส้
น้ำกระทิใสใสใส่น้ำแข็ง
ในวันนี้ร่างกายพอมีแรง
แล้วจะแต่งได้ยังโปรดชั่งใจ
จะให้หนูนั้นรอพอศอหน้า
หรือจนกว่าตีนกามาเยือนไซร้
หากให้นานกว่านี้มีเป็นไป
หนูจะไม่คอยดูให้รู้กัน
บอกว่ารักคิดถึงกันซึ้งจิต
พี่ไม่คิดร่างกายมันแปรผัน
เดี๋ยวอีกหน่อยเหี่ยวมาก็ว่ากัน
แล้วอีฉันอดเลยคู่เชยชม
เมื่อไม่พร้อมเราหนีกันดีไหม
ไปกินเกลือแกล้มไข่ใส่ผักขม
ไม่ต้องรอทองหยอดแล้วตอดลม
เหล้าสักกลมยกมาฟ้าเป็นพยาน
ไปกันเถอะหนีไปไปกันเถอะ
เหมือนแกงเปรอะเลอะน้ำนำผสาน
รสจะกล่อมย้อมใจเมื่อได้ทาน
ใส่ปลาร้าหอมหวานนะท่านเอย
ชะเอิงเอยยยยยยย
5555555555555
หน้าตาหนูเป็นบบเนี้ย
ไม่สูง ไม่เตี้ย ชอบม้า.....ชอบม้า...
เจี๊ยกกกกกกก
2 พฤศจิกายน 2553 14:24 น.
แก้วประภัสสร
๏ เสียงพระธรรมลึกซึ้ง ตรึงกมล
ฆ้องลั่นกังวานดล จิตแผ้ว
ผ่านโสตประสาทยล ทบอก นี่เเฮย
พลันปลอดโปร่งโล่งแล้ว เจิดแจ้งเห็นจริงฯ
๏ ทึ่งในรสกลิ่นน้อม ธรรมมา
องค์พระพุทธศาสนา วัตรแท้
ดึงหลักปักนำพา พ้นหลุด ทุกข์นอ
เห็นประจักษ์หลักแก้ ผ่านพ้นทางตันฯ
๏ โลกมนุษย์แปดเปื้อน ปุ่มปม
บางสุขบ้างโศกตรม หม่นไหม้
กิเลสคลอบคลุมจม สติเลื่อน ลอยนา
ลาภทรัพย์แทรกเสื่อมไขว้ ไขว่คว้าฤาหลงฯ
๏ สรรเสริญผันผ่านพ้น เร็ววัน
สรรพสิ่งย่อมแปรผัน สลับได้
เสริมสร้างส่งผลักดัน รวมหนึ่ง ใจเฮย
มีสติทุกข์ใกล้ ยับยั้งโดยพลันฯ
๏ สวดมนต์ดับแผดร้อน ผ่อนคลาย
กาลผ่านวันเห็นหาย ขื่นคล้อย
วับพรากจากจอดวาย สงบว่าง จิตนา
เสียงเปล่งสวดคำร้อย ผ่อนยั้งพลังผลาญฯ
๏ ทึ่งถ่องแท้รสล้ำ ธรรมมา
พ้นหลุดทุกข์ทุกครา ชัดแจ้ง
พันปีผ่านพ้นมา หาเสื่อม คลายเอย
ซึมซับไร้แห้งแล้ง หากซึ้งถึงธรรมฯ
แก้วประภัสสร
ภาพโดย แก้วประภัสสร