26 สิงหาคม 2552 14:07 น.
แก้วประภัสสร
หมกมุ่นในอารมณ์
โศกเศร้าตรมไม่ผ่องใส
หลบพักฝึกหายใจ
เข้าออกให้สบายกัน
พุทโธกำหนดจิต
หยุดความคิดอดีตนั้น
ทุกอย่างปัจจุบัน
จงตั้งมั่นไม่อ่อนแอ
เมื่อจิตเราแข้มแข็ง
กายมีแรงเห็นแก่นแท้
สติให้แน่วแน่
ไม่ผันแปรแล้วปล่อยวาง
สูดลมหายใจเข้า
แผ่วแผ่วเบาวางทุกอย่าง
ลมออกคือละวาง
เห็นกระจ่างเกิดปัญญา
ผู้ตื่นผู้เบิกบาน
ควรทำทานธรรมรักษา
หมั่นเพียรภาวนา
อนัตตาอนิจจัง
24 สิงหาคม 2552 12:15 น.
แก้วประภัสสร
สุขแสนสุขไร้ทุกข์มาลุกไล่
มอบทั้งใจเคียงคู่อยู่สนอง
มาวันนี้เงียบเหงามาเข้าครอง
ทุกห้วงห้องมืดมนต้องทนยืน
ซ่านอารมณ์ผสมจิตยังคิดรัก
ผ่านเลยวันประจักษ์ไร้หลักฝืน
ซ่อนภาพงามฉาบตนทนกล้ำกลืน
แม้วันคืนเลยล่วงยังห่วงใย
หยาดน้ำตารินรดบดบังแสง
เหมือนสิ้นแรงลอยคว้างอย่างหวั่นไหว
เหลือเพียงรอยอดีตที่กรีดใจ
จารึกไว้ให้หวนทบทวนคำ
เพราะว่ารักบางเบาราวกับนุ่น
เคยอบอุ่นกับหนาวร้าวสุดช้ำ
หวังรักเราหนักแน่นเป็นแกนนำ
เผยน้ำคำเช่นหินแทรกจินต์จาร
ร้อยบทรักผสมอารมณ์เศร้า
อาจไม่เข้าทำนองร้องประสาน
เพราะหาได้ผิดหวังดั่งกลอนกานต์
แต่ดวงมาลย์เขียนสู่ให้ครูยล
21 สิงหาคม 2552 16:38 น.
แก้วประภัสสร
หลบไอแดดแผดเผาบรรเทาร้อน
มาพักผ่อนเอนอิงพิงอักษร
ร่ายเรื่องราวคราวเริ่มเจิมบทกลอน
ก่อนค่อยจรจากลาพายิ้มตาม
หมู่มวลมิตรมากมายให้รายล้อม
คอยขับกล่อมบรรเลงเพลงไถ่ถาม
แม้เช้าค่ำสุขทุกข์ปลุกจิตตาม
ดอกไม้งามเบิกบานบนลานกลอน
แม้ไม่ได้สัมผัสกับเนื้อหนัง
แต่เรายังสัมผัสกับอักษร
อ่านด้วยใจใสซื่อคืออาทร
ผ่านเรื่องร้อนผ่อนเย็นเป็นเพื่อนกัน
ยามตัวจากไปไกลแต่ใจอยู่
กลับมาดูบ้านน้อยคอยสร้างฝัน
เอื้ออาทรยามเจ็บเหน็บหนาวกัน
หลายคนนั้นเปลี่ยนไปในทางดี
จึงมิควรลืมหลงมั่นคงไว้
ได้อาศัยไร้โศกโลกกลอนนี้
ได้ยินเสียงสดใสใจเปรมปรีดิ์
เพราะว่ามีบ้านกลอนช่วยผ่อนคลาย
19 สิงหาคม 2552 10:29 น.
แก้วประภัสสร
เกิดพายุฟ้าฝนหล่นลงหนัก
พัดที่พักทำกินต้องสิ้นสูญ
เหลือแต่ซากสิ่งของมองอาดูร
เคยพอกพูนกลับหายมลายพลัน
ข่าวถึงหูสามชายหมายอยากช่วย
เพื่ออำนวยลำเลียงเสบียงนั้น
จึงชวนเพื่อนเช่าเรือเพื่อไปกัน
แต่หุนหันรีบร้อนก่อนตรึกตรอง
ครั้นนั่งลงส่งไม้จับไว้แน่น
หวังเรือแล่นคัดท้ายพายสนอง
หนุ่มคนแรกเอ่ยถ้อยคอยประคอง
จับตามองล่องน้ำบอกจ้ำไป
เรือกลับหมุนเคว้งไปเหมือนไร้ทิศ
ต่างลืมคิดนี่เราเขลาไฉน
เพราะพายเรือไม่เป็นเช่นตั้งใจ
มองหาใครไม่เห็นเป็นย่างกราย
ด้วยความเหนื่อยอ่อนล้าพาขึ้งโกรธ
ต่างก็โทษไปมาว่าเสียหาย
เสียงดังลั่นสนั่นเดือดเลือดอกชาย+
คนคัดท้ายขาดสติผลิดุดัน
จึงเจาะเรือเพื่อว่าชนะเพื่อน
จนลืมเลือนสิ้นคิดจิตหุนหัน
สุดท้ายเรือค่อยล่มจมน้ำพลัน
แต่เขานั้นรอดตายเพราะว่ายเป็น
ยังไม่ทันข้ามฟากต้องจากเพื่อน
ใจแปดเปื้อนเลือนสติอย่างที่เห็น
หากหันหน้าคุยกันพลันใจเย็น
คงได้เห็นขึ้นฝั่งทั้งสามคน
เขาว่ายน้ำถึงฝั่งยังจุดหมาย
แต่เพื่อนตายฉุกคิดจิตสับสน
นึกถึงบาปที่ผลักเพื่อนรักตน
ใจวกวนระคนเศร้าเฝ้ารำพึง
ขึ้นฝั่งได้ไร้เพื่อนเหมือนโดดเดี่ยว
กระแสเชี่ยวใครช่วยด้วยคิดถึง
แม้ภาระเสร็จสิ้นจินต์คำนึง
เท่ากับตรึงตราบาปทาบที่ใจ
จึงหวังเพียงเขียนไว้ให้ได้คิด
จะสัมฤทธิผลงานด้วยการไหน
ต้องมีเพื่อนร่วมสร้างทางร่วมใจ
จึงจะได้ขึ้นชื่อคือคนดี
แก้วประภัสสร
19/08/09