17 กรกฎาคม 2552 16:04 น.
แก้วประภัสสร
ปลิดปลิวและเคว้งคว้าง
ทุกย่ำย่างสัมผัสดิน
หวั่นไหวให้ถวิล
ทั้งดวงจินต์สิตรอมตรม
เวิ้งว้างเหมือนว่างเปล่า
ดูจะเศร้าและขื่นขม
ลึกนั้นพลันระทม
จิตจ่อมจมถมข้างใน
เดียวดายทางสายเปลี่ยว
กระแสเชี่ยวเหมือนน้ำไหล
น้ำลดก็หมดใจ
ไร้ที่หมายให้พักพิง
ฤาสิ้นวาสนา
หมดแรงพานำทุกสิ่ง
ซึมเศร้ากัดกร่อนจริง
หวังละทิ้งยิ่งตามมา
ชีวิตวันวานผ่าน
มีทุกด้านให้ศึกษา
หนึ่งเดียวช่วยนำพา
ให้กายาหลุดพ้นกรรม
คือศีลสมาธิ
ฝึกสติไม่เพลี่ยงพล้ำ
ตั้งมั่นในทางธรรม
จึงกระทำแต่ความดี
15 กรกฎาคม 2552 16:58 น.
แก้วประภัสสร
หนุ่มผิวดำกลายขาวราวเนรมิต
ชื่อนี้ติดปากใครไปทั่วหล้า
นามเขาคือไมเคิล แจ็กสันนา
ได้จากลาหัวใจวายฉับพลัน
เป็นข่าวเด่นข่าวดังยังหน้าหนึ่ง
นึกไม่ถึงทั่วโลกต่างโศกศัลย์
ภาพท่าเต้นมูลวอร์คลูบเป้ากัน
ทุกคนนั้นจำได้มาหลายปี
นึกถึงเด็กตัวดำผิวคล้ำม่วง
มาโชติช่วงสร้างชื่อระบือนี้
คนห้อมล้อมหน้าหลังพลังดี
ไม่อาจหนีกรรมลิขิตชีวิตคน
คงเหลือแต่ภาพหน้ากับท่าเต้น
ที่ฉายเด่นไม่ลบกลบล่องหน
มีอีกสิ่งเก็บไว้ให้โลกยล
คือเปลี่ยนสีผิวตนให้คนจำ
12 กรกฎาคม 2552 21:20 น.
แก้วประภัสสร
ถ้าเธอคิดดึงดันจะไปอีก
ฉันจะหลีกทางให้ไม่ขัดขวาง
อยากจะไปเชิญเถิดไปตามทาง
แม้หางตาของฉันนั้นไม่แล
ที่ผ่านมาเมตตาไม่พอหรือ
ไยจึงดื้อหนีไปไม่แยแส
ปล่อยให้เราเงียบเหงาเศร้าดวงแด
สิ่งที่แท้เธอหลอกกลับกลอกกัน
กลับจากงานรีบมาหาเธอก่อน
อย่าด่วนจากริดรอนตัดตอนฉัน
คิดหรือไม่ใครย้ำช้ำรำพัน
คือตัวฉันร้องหามานั่งคอย
หรือว่ามีที่ใหม่ให้เธออยู่
บ้านหลังหรูกินดีมิเหงาหงอย
มีนิออนสีนวลเย้ายวนกลอย
เธอถึงพลอยหลงเพลินเดินไต่ไป
ที่ผ่านมาขอโทษอย่าโกรธฉัน
แค่เหยียบหางขาดนั้นไยหวั่นไหว
หากฉันต่อให้ได้คงทำไป
แต่นี่หางเจ้าตายทำไงดี
8 กรกฎาคม 2552 16:42 น.
แก้วประภัสสร
เมื่อเดินทางกลางถนนเห็นคนมาก
ล้วนหลายหลากหญิงชายเหมือนขายฝัน
ต่างสวนทางไปมาหาของกัน
สายตาฉันพลันหยุดตรงจุดเดียว
ฉันมองเห็นผู้ชายวัยชรา
นั่งด้านหน้าฟุตบาทดูหวาดเสียว
มือหนึ่งนั้นถือผ้าบิดเป็นเกลียว
อยู่คนเดียวนั่งเหม่อชะเง้อคอย
อีกฟากฝั่งถนนคนเดินข้าม
เห็นหญิงงามนั่งเหงาดูเศร้าสร้อย
ประหนึ่งเป็นเช่นว่าตาเหม่อลอย
ตะวันคล้อยลุกเหินเดินจากลา
ฉันเหลือบมองชายชราน่าสงสาร
ขาดซึ่งบ้านพักพิงอิงยามล้า
มีรถเข็นผุเก่าเอาพึ่งพา
ห่มผืนผ้าขดคู้อยู่คู่กาย
ตกตอนเย็นเห็นตามานั่งหลับ
ตรงเก้าอี้คอพับน่าใจหาย
พิงกำแพงข้างบ้านขาดใจตาย
สิ้นความหมายลมหมดปลดปล่อยจริง
มองเห็นภาพตาตายข้างถนน
จิตฉันพลันสับสนในทุกสิ่ง
แม้มีญาติแต่ไร้ให้พักพิง
ชีวิตจริงยิ่งเศร้ากว่าเล่ามา
3 กรกฎาคม 2552 16:02 น.
แก้วประภัสสร
เห็นแสงไฟหลายหลากริมถนน
ตาลุกโชนเหมือนฝันช่างหรรษา
เข้าร้องเพลงในผับที่ลับตา
หนุ่มกายาร่างทะมึนมายืนมอง
เขาหลอกล่อหวังลวงควงแล้วทิ้ง
เธอกลับวิ่งเล่นไฟใจสนอง
ส่งสายตายั่วเย้าเข้าประคอง
แตะแต้มแก้มนวลน้องทำมองเมิน
กระมิดกระเมี้ยนสักพักก็ชักเคลิ้ม
ดวงตาเยิ้มใกล้หลับกลับเคอะเขิน
ตัวอ่อนเปียกไร้แรงจะลุกเดิน
เขาล่วงเกินเหยาะยาให้ชาไป
แล้วอาสาพาทีส่งที่บ้าน
เธอกลับยิ้มแย้มบานหน้าสดใส
หลงคิดปลื้มลืมระวังไม่ยั้งใจ
จึงยอมให้ไปส่งแต่โดยดี
ยังไม่ทันลุกนั่งตั้งตัวติด
เขาประชิดแนบข้างไม่ห่างหนี
เธอสลบเพราะฤทธิ์ยาเสียค่าฟรี
เสียครั้งนี้คือบทเรียนจงเพียรจำ
เขาบอกว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
หาบริสุทธ์แน่แท้แม่คมขำ
เมื่อพลั้งพลาดขลาดเขลาเจ้าต้องจำ
อย่าเพลี่ยงพล้ำเช่นนี้ที่กล่าวมา