30 มิถุนายน 2552 16:33 น.
แก้วประภัสสร
พ่อสอนลูกทุกคนให้สุภาพ
ห้ามพูดหยาบวาจาพาอ่อนหวาน
คนเก่งต้องอ่อนน้อมถ่อมตามกาล
ไม่เป็นเช่นคนพาลระรานใคร
คอยชี้แนะเล่นกีฬาอย่าเกเร
เที่ยวเสเพลดื่มเหล้าเจ้ารู้ไหม
สิ่งเสพติดอบายมุขที่ปลุกใจ
จงสำรวมกายไว้ให้พึงจำ
อีกหลายอย่างพ่อวางเพื่อปลอบปลุก
ท่ามกลางยุคพัฒนาอย่าเพลี่ยงพล้ำ
ก่อนจะคิดการใดให้ค่อยทำ
คำพูดย้ำซ้ำซ้ำก่อนจำลา
จำคำสอนทุกข้อก่อนพ่อจาก
น้ำตาพรากอีกครั้งยังหวนหา
เหลือแต่รอยอาลัยไม่คืนมา
กับวาจาก้องหูไม่รู้ลืม
25 มิถุนายน 2552 17:04 น.
แก้วประภัสสร
เกาะเกี่ยวแขนกันเดินเพลินแสนสุข
ปลดเรื่องทุกข์คลายใจไร้ปัญหา
ส่งดอกไม้กลิ่นหอมแทนวาจา
ส่งสายตาอาทรวอนอ้อนจันทร์
วันใดเธอหายไปใจคงแป้ว
คงไม่แคล้วรั้งฉุดหยุดความฝัน
ไม่มีเสียงหัวเราะเสนาะกัน
มีแต่วันเงียบเหงาและเศร้าทรวง
ในวันนี้ยังมีเธอเคียงข้าง
ไม่อ้างว้างสองเราเฝ้าห่วงหวง
ยังคงรักคนดีมิเคยลวง
เป็นเหมือนบ่วงผูกพันธ์กันมานาน
วานสายลมพัดพาไปอ้อนพี่
มอบสิ่งดีเพื่อเพิ่มเติมความหวาน
ส่งหัวใจทักทายให้เบิกบาน
แม้วันวาน วันนี้ มิเปลี่ยนไป
เพราะเธอเป็นคนดีที่ฉันภักดิ์
จงประจักษ์รักมั่นอย่าหวั่นไหว
แม้ดาวเลือนเดือนดับลับห่างไกล
เกี่ยวดวงใจเราสองครองคู่กัน
22 มิถุนายน 2552 14:37 น.
แก้วประภัสสร
ความงามของหนุ่มสาว
หมดแพรวพราวเมื่อโรยรา
เหลือไว้เพียงกายา
เนื้อมังสาห่อหุ้มพลัน
เมื่อรักทุกอย่างสวย
รวยไม่รวยใช่สำคัญ
คบไปพอนานวัน
คุ้นเคยกันไม่เกรงใจ
หมดรักก็หมดรส
คำพูดคดหมดสดใส
ความดีที่ตรึงใจ
ไม่มีให้เหลือทรงจำ
จึ่งช้ำน้ำตาร่วง
เป็นเหมือนบ่วงคอยตอกย้ำ
ทุกท่วงทำนองคำ
เหมือนซ้ำซ้ำยังจำทน
กล้าแกร่งฝืนแรงยืน
ทั้งกล้ำกลืนด้วยใจหม่น
สุดท้ายพ่ายเล่ห์กล
เศร้ากว่าตนคือมารดา
ลูกทุกข์แม่ทุกข์เท่า
คอยบรรเทาเฝ้ารักษา
คำพูดปลอบลูกยา
เพื่อก้าวพานำทางไป
กลับฟื้นยืนอีกครั้ง
พร้อมพลังความหวังใหม่
คำพูดออกจากใจ
รักอื่นใดเท่าแม่ตน
19 มิถุนายน 2552 15:26 น.
แก้วประภัสสร
สองมือกอบกำดินขึ้นโปรยเล่น
สุขที่เห็นไม่ห่างข้างตัวฉัน
เพียงอยากคิดอะไรตั้งใจพลัน
มือน้อยนั้นก็สนองตามปัญญา
ลองหยิบหินดินทรายวางรายรอบ
ป้องกันกรอบตัวตนบนสองขา
ทรายกับล้มจมมิดติดธารา
ดินก็พังลงมาไม่ช้าที
จับพู่กันจุ่มสีหยิบกระดาษ
คิดจะวาดภาพดาวพร่างพราวศรี
จินตนาการในสมองกลับไม่มี
แม้จะวาดกี่ทีไม่สมใจ
หวังหลายอย่างในใจไม่สมหวัง
กลับมานั่งคร่ำครวญน้ำตาไหล
อันคนอื่นมีดีหรือเช่นไร
จับสิ่งใดสำเร็จเสร็จสิ้นพลัน
ครั้นเอนกายลงนอนกับหมอนนุ่ม
สองแขนชุ่มเปียกน้ำจากตาฉัน
ใจพลันนึกนี่หนออะไรกัน
สิ่งเล็กน้อยแค่นั้นทำยากเย็น
แต่งานใหญ่อาสาพาทุกเรื่อง
เหมือนปราดเปรื่องแม้เหนื่อยเมื่อยแสนเข็ญ
ยังฝืนยิ้มหยอกเย้าเศร้าไม่เป็น
สิ่งที่เห็นปราดเปรียวเพียงเสี้ยวใจ
17 มิถุนายน 2552 12:36 น.
แก้วประภัสสร
วันใดที่อ่อนล้า
จงมองขอบฟ้าที่กว้างใหญ่
ทุกอย่างยังคงสว่างไสว
เดินก้าวไปอย่าหวั่นสะพรั่นกลัว
แม้ชีวิตวันนี้จะแสนเข็ญ
น้ำตาไหลกระเซ็นเหงื่อท่วมหัว
แต่หัวใจยังเต้นและสั่นรัว
เรื่องรอบตัวเล็กน้อยค่อยว่ากัน
เหนื่อยล้าไหมในวันนี้
ยื่นมาสิคนดีจับมือฉัน
เราจะก้าวฝ่าอุปสรรคไปด้วยกัน
สองมือนั้นยึดมั่นในศรัทธา
ฉันจะโอบกอดไหล่ให้เพื่อนอุ่น
ส่งรอยยิ้มละมุนให้หายล้า
จะพัดวีกล่อมเห่ให้หลับตา
ตื่นขึ้นมามองฟ้าไปพร้อมกัน
ความงดงามของโลกอยู่หนไหน
อยู่ที่ใจเราเองอย่าไหวหวั่น
สิ่งเลวร้ายผ่านมาปล่อยช่างมัน
เก็บวันนั้นเป็นบทเรียนเพียรจดจำ