7 กุมภาพันธ์ 2554 10:27 น.
แก้วประภัสสร
ร้องเหมียวเหมียวหง่าวนั้น ขอปราม
ฉันอาจเสือคำราม บอกไว้
เห็นซื่ออย่าตีความ ว่าเซ่อ กันนา
อาจซ่อนกรงเล็บไซร้ ควักใส้มากินฯ
ยินอู๊ดอู๊ดอย่าได้ ว่าหมู
ฉันอาจเปลี่ยนเป็นงู สะบัดห้อย
จำศีลอยู่ในรู อย่าแหย่ คนเฮย
พ่นพิษซ่านอย่าสร้อย โศกเศร้าเสียขวัญฯ
เห็นพันขาว่าแท้ กิ้งกือ
โปรดอย่าแหย่สะดือ เล่นด้วย
เธออาจจะลุกฮือ โกยแนบ
กลายตะขาบมอดม้วย โอดร้องครวนครางฯ
จากหนึ่งเพียงเศษเสี้ยว ความคิด
ถูกมิแปรเป็นผิด อวดอ้าง
ตรองเอาเถิดผองมิตร ปราดเปรื่อง
กาลผ่านมาหาสร้าง เจ็บช้ำนำเสนอฯ
ดีกลบลบชั่วสิ้น ทุกหน
ซื่อดั่งสันดานกมล แต่อ้อน
แม้โลกอาจปลอมปน แตกต่าง
หาเล่นลิ้นปลิ้นปล้อน ยกฟ้ามาขยายฯ
ชนใดยึดมั่นแท้ แต่ตัว
หลงทิฐิเมามัว ชัดชี้
เงาดำครอบใจสลัว ยากบอก
เป็นเศษเสี้ยวกระพี้ เลิศแล้วฤาไฉนฯ
29 มกราคม 2554 22:15 น.
แก้วประภัสสร
ขอไว้อาลัยให้คุณแม่เข็มทอง เย็นขัน
คุณแม่ของคุณ " กิ่งโศก "
ท่านได้จากไปอย่างกระทันหัน ในวันที่ 28 มกราคม 2554
ขอดวงวิญญาณและผลบุญที่คุณแม่สั่งสมมา ไม่ว่าจากอดีตชาติ
หรือภพปัจจุบัน จงนำทางให้คุณแม่เข็มทอง เย็นขัน ไปสู่สุขคติ
และได้สถิตย์ในภพพิมานทอง
ขอแสดงความเสียใจกับคุณกิ่งโศก
ที่ต้องสูญเสียคุณแม่ไปอย่างกระทันหัน
ขอให้คุณแข้มแข็ง และผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ด้วยดี
หลั่งน้ำตาเพื่อแม่ ไม่ใช่ผู้แพ้ คุณหลั่งมันออกมาเถอะค่ะ
ฉันจะอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจคุณเสมอ
--------------------------------------------
คงไม่มีกวีที่เลอเลิศ
ที่ก่อเกิดจากจิตผิดวิสัย
เมื่อคนรักแม่จากพรากอกไป
ด้วยอาลัยตาทาบอาบน้ำตา
---------------------------------------
25 มกราคม 2554 15:30 น.
แก้วประภัสสร
มองเห็นตัวแล้วปลงน่าสงสาร
เร่งทำงานหวังว่าจะเห็นผล
เก็บเงินตราเอาไว้ใช้ยามจน
จึงอดทนขยันคล้ายฟันเพือง
ขับล้อเลื่อนเคลื่อนไปไม่รู้หยุด
แม้ช้างฉุดไม่อยู่สู้ทุกเรื่อง
มีชีวิตดิ้นรนเช่นคนเมือง
ของสิ้นเปลืองอดใจงดใช้มัน
หกโมงเช้ารีบตื่นขึ้นอาบน้ำ
เร่งรีบทำเร็วรี่ขมีขมัน
ออกจากบ้านกระโจนโหนรถพลัน
คนขับนั้นกระชากแถมลากเกียร์
คนขับรถแซงขวาแล้วมาซ้าย
ผู้โดยสารมากมายคล้ายหัวเสีย
ส่วนกระเป๋านั่งมองคือน้องเมีย
เอามาเชียร์พี่เขยโธ่เอ๋ยกรรม
พอมาถึงไฟแดงแกล้งตาบอด
ขับผ่านลอดหวุดหวิดคิดแล้วขำ
นั่งนโมสามจบไม่ครบคำ
ชุดกากีวิ่งนำตามทันที
จ่ามาจับทำไมไม่รู้เรื่อง
เห็นไฟเหลืองหลัดหลัดไม่ชัดนี่
รถคันหน้าขับปลอดรอดทุกที
ใบขับขี่ของผมอย่าชมนาน
ตำรวจเขียนใบสั่งไม่ฟังถ้อย
ยืนยันข้อยตามหน้าที่มิสงสาร
ค่อยมาเสียค่าปรับไม่จับนาน
เงินของท่านเข้ารัฐเห็นชัดกัน
เมื่อทำผิดต้องยอมพร้อมรับผิด
เราใช้สิทธิ์เข้มงวดคอยกวดขัน
หากทุกคนทำตามแต่ใจกัน
ไร้ขอบกั้นกฏหมายเสียหายมา
ผู้โดยสารนั่งมองต้องลงไหม
ตั๋วที่ได้จ่ายฟรีหรือพี่ขา
ต้องต่อรถหลายระรอกโปรดบอกมา
แล้วส่ายหน้าระเอือ...เบื่อรถเมล์
แก้วประภัสสร
26/01/2554
22 มกราคม 2554 12:21 น.
แก้วประภัสสร
เป็นเหตผลตัวช่วยด้วยเพราะรัก
จึงแน่นหนักมั่งคงไม่สงสัย
มองทุกหนทุกแห่งสร้างแรงใจ
เพื่อหวังให้ดอกรักจักเบ่งบาน
แม้บางครั้งเก็บงำคำอยากเอ่ย
ได้แต่เปรยตามองเหมือนฟ้องศาล
รอแสงหล้าจากฟ้ามาประทาน
รอลมหนาวพัดผ่านให้ซ่านใจ
แม้ลมจะพัดผ่านเพียงชั่ววูบ
พอสัมผัสไล้ลูบกายหวั่นไหว
ขอเพียงหนึ่งยืนข้างมิห่างไกล
ลมหยุดไหวแต่ใจฉันกลับสั่นคลอน
คอยอยู่เคียงรับรุกและปลุกปลอบ
ธรรมคลุมคลอบร้อนคลายหายโหยอ่อน
เหลือแต่เย็นเส้นสายในอาทร
กับอาวรณ์ห่วงหาศรัทธาวาง
เกิดเป็นผลดลใจในปรารถนา
ยามเหนื่อยล้าผ่อนคลายพอหายบ้าง
เอารู้สึกผนึกแน่นแทนอ้างว้าง
เป็นบทวางเสมือนข้อเตือนใจ
เป็นเหตผลด้วยรักอักษรศรี
จึ่งพร่ำเพ้อกลั่นกวีที่สดใส
ขอเพียงหนึ่งแอบดูอยู่มิไกล
กับหัวใจดวงน้อยคอยเวลา
แก้วประภัสสร
22/01/2554
ฉันรักในบทกวีทุกๆบทที่เขียนขึ้นมา
แม้ว่า จะไม่ได้เขียนดีอะไร เท่าไหร่นัก
แต่เขื่อเถอะว่า บางครั้งฉันหลับตา ยังฝันเป็นกลอน อิ
ขอบคุณภาพสวยๆจากเน๊ตค่ะ
19 มกราคม 2554 11:22 น.
แก้วประภัสสร
ฝึกเขียนงานมากมาย..
รู้ความหมายจึ่งร่ายกลอน
ทุกบทและทุกตอน
เหมือนยังอ่อนดุจเยาว์วัย
ถ้อยคำเกริ่น..
บางครั้งเพลินเหมือนเที่ยวไพร
บางครั้งทำหวั่นไหว
เพราะหัวใจไม่เย็นชา
บทกวีแห่งชีวิต..
บ้างอุทิศวันเวลา
โถมหลั่งดั่งน้ำตา
พรั่งพรูซ่อนในกลอนกานท์
แต่งเติมโลก..
บ้างดอกโศกกำลังบาน
เจือถ้อยร้อยโวหาร
เกินสลดปลดอารมณ์
สีสันสวย..
รินระรวยลดรสขม
ตามแต่ความนิยม
พอหายหนาวกับคราวล้า
เถอะมวลมิตร..
จงใช้จิตเปลื้องปัญหา
จากสมองแลสองตา
นั่นคือผู้หยั่งรู้ตน
แก้วประภัสสร
ภาพจากเน๊ตค่ะ