2 สิงหาคม 2548 09:36 น.
แก้วนีดา
ในห้วงระทม
การที่คนเราจะก้าวข้ามความกลัวที่มีต่อบางสิ่งบางอย่างที่ฝังใจไปได้
มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยากเกินบรรยายเสียจริง ๆ
แต่ถ้าเราสามารถผ่านพ้นความรู้สึกในแง่ลบนั้นไปได้
เราก็จะได้เห็นความงามที่ซ่อนในสิ่งที่เคยหวาดกลัวนั้นด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกันเหตุการณ์บางอย่าง
ก็อาจจะนำมาซึ่งอีกเหตุการณ์หนึ่ง
ที่มีความหมายต่อชีวิตของคนเราอีกด้วย
ฉันเพิ่งจะอกหัก วันที่ความรักเดินทางจากฉันไป
มีคนเคยบอกกับฉันว่าความรักก็เหมือนกับการ
ฝึกถีบรถจักรยาน กว่าจะฝึกหัดถีบรถจักรยานกันได้
ทุกคนจะต้องผ่านการล้มมาก่อนเสมอทุกคน
เมื่อล้มก็ต้องเจ็บใช่ไหม หรือ
ถ้าจะเปรียบเทียบกับการหัดเดินของเด็กน้อย
กว่าเด็กจะเดินได้ ต้องล้มกี่ครั้ง เจ็บกี่ครั้ง
แต่ในที่สุดแล้วก็จะเดินเป็น ฉันกำลังฝึกเดิน
ไม่ต่างจากการฝึกถีบรถจักรยานเลย
มีคนเคยพูดกันว่า คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด
คือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย เฉกเช่นเดียวกันกับ
คนที่ไม่เคยบอกช้ำเพราะความรัก นั่นอาจหมายถึง
เขาไม่เคยมีความรักเลยเช่นกัน
จะมีไหมคนที่ไม่เคยผิดหวังจากความรัก
คนที่ไม่เคยแม้แต่จะเสียใจ เมื่อคนที่เขารักไม่รัก
หรือไม่ทำดีกับเขา คงไม่มีหรอกนะ ดังนั้น
ถ้าฉันจะเรียนรู้ว่า ความรักมิใช่การเพ้อฝัน
ความรักมิใช่จะต้องมีแต่ความโรแมนติกอยู่ตลอดเวลา
เขามิใช่เจ้าชาย และฉันก็มิใช่เจ้าหญิงที่แสนอ่อนหวาน
ช่างเอาใจรู้ใจเขาได้เพียงแค่มองตา
ความคาดหวังที่จะให้อีกฝ่ายเป็นอย่างที่เราต้องการ
คงจะไม่ใช่ความรักแน่นอน ฉันได้เรียนรู้ว่า
ความคาดหวัง อันตรายต่อความรักเพียงไหน
ดังนั้น รักครั้งต่อไปของฉัน จึงจะไม่มีการคาดหวังอะไรอีก
ไม่หวังว่าเขาจะต้องอยู่กับเราได้เสมอไป
ในวันที่เราต้องการเขาเคียงข้าง
ฉันจะไม่มานั่งเหงาหงอยคอยว่า
เขาจะมาอยู่เป็นเพื่อนเมื่อไหร่
ฉันได้เรียนรู้ว่า การให้อภัย คือ
การให้สิ่งที่ยิ่งใหญ่ การที่เราจะคบหาใครสักคน
เราควรจะเอาใจเขามาใส่ใจเรา
ถ้าเราไม่อยากให้เขาทำเช่นไรกับเรา
เราก็ควรถนอมใจเขาเช่นกัน ฉันได้เรียนรู้ถึง
การปล่อยวางจากการครอบครอง
ด้วยสัจธรรมแล้วย่อมไม่มีใครเป็นของใครได้อย่างแท้จริง
ไม่มีใครอยู่กับใครได้ตลอดกาล เมื่อถึงวันที่รักหมดอายุ
การยึดมั่นถือมั่น จะทำให้เราเจ็บปวดทรมาน
เพียงตระหนักรู้เสมอว่า ไม่วันใดวันหนึ่ง
ไม่จากเป็นก็จากตาย การลาจากต้องมาถึง
แต่ช่วงเวลาแห่งการอยู่ร่วมนี่สิที่ควรใช้ให้คุ้มค่า
แล้วจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายกับเวลาที่ผ่านพ้นไป
ฉันเชื่อว่า การพบกันของคนสองคน
ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างบังเอิญ เราต่างพบกันเพื่อ
สอนบทเรียนอันยิ่งใหญ่ให้แก่กัน เราต่างเป็นผู้ให้และเป็นผู้รับ
ดั่งที่ฉันได้รับบทเรียนแห่งการมีรัก
และเขาก็ได้เรียนรู้มันเช่นกัน เพราะ
มนุษย์ต้องพัฒนาจิตวิญญาณของตน และการเติบโตนั้น
จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราได้ผ่านความเจ็บปวด
ผ่านหนทางที่ยากลำบาก พระเจ้าจึงนำพาเราและเขามาพบกัน
เพื่อช่วยกันพัฒนาจิตวิญญาณของเราทั้งคู่ให้เติบโต
และเข้มแข็งขึ้น ความสุขทำให้เรามีกำลังใจในการใช้ชีวิต
แต่ความทุกข์ต่างหากที่เสริมให้ใจเราแกร่งขึ้น
โตขึ้น ใช้ชีวิตเป็น และรักเป็นมากขึ้น
ดังเด็กน้อยที่หัดเดิน ดังคนที่หัดถีบรถจักรยาน
มีเซ ล้ม ลุกขึ้นใหม่ ตั้งสติ ประคองตัวไว้
มองไปขางหน้า ไม่ว่าจะต้องโซเซ
ล้มสลับลุกก็ตาม แต่เพียงไม่นานต่อจากนั้น
เด็กน้อย หรือคนหัดถีบรถจักรยานคันนั้น
ก็จะทรงตัวได้และออกเดินไปข้างหน้าได้เสมอ.
ในห้วงระทม
เสียงหัวใจร้องไห้ครวญหา
สองเนตรนองน้ำตาไหลริน
เอนกายลงซบแนบแอบพื้นดิน
ดังหมดสิ้นแล้วหนอการรอคอย
แสนอ้างว้างให้เจ็บเหน็บหนาว
หัวใจเจ็บปวดราวจนเหลือแสน
เจ็บอื่นใดไหนหนอเท่าเธอดูแคลน
ดังยืนอยู่ต่างแดนแสนเดียวดาย
สะท้อนจิตปวดปร่าปล่อยน้ำตาหยด
ความหมายหมดค่าครวญถวิลหา
หรือถึงจุดสุดสิ้นรักต้องจากลา
เธอซ้อนเร้นกายาหนี้หน้าเมิน
ทนกล้ำกลืนก้อนสะอื้นไว้ในอก
จิตวิตกอกระทมข่มไม่ไหว
ปล่อยจิตลอยคว้างสุดห่างไกล
สิ้นแล้วเยื้อใย ฤ สายสัมพันธ์
ทุกคืนก่อนเคยแนบแอบชิด
เธอจุมพิศแกล้มนวลพร้อมครวญหา
ปัดนี้ไม่เหลือแล้วลอยรักประจักษ์ตา
เธอเอยคำลา รักหมดค่าน้ำตานอง
เสียงหัวใจร้องไห้อยู่ในอก
ดุจยิบยกความเศร้าย้ำรอยแผล
ดังดวงแก้วแตกสิ้นแล้วเจ้าดวงแด
เหลือเพียงแต่ทิ้งกายลงแนบแอบดิน.เราสิ้นกัน.
ทุกสิ่งมีเริ่ม....ก็ต้องมีจบ....
.....เพียงแต่ว่าจะจบลงแบบไหนเท่านั้นเอง.......
....จบแบบมีความสุข....หรือว่า จบลงแบบมีความทุกข์....
1 สิงหาคม 2548 12:40 น.
แก้วนีดา
สัมผัสค่าคำ..รัก
คนเราเกิดมาได้เพราะคำว่า รัก
ถ้าไม่มีคำนี้ คงจะไม่มีคุณหรือว่าเธอ
ผมหรือว่าฉัน เพราะคำว่ารัก จึงทำให้
มีคุณมีผมเกิดขึ้นมาได้..
รัก.เพราะคำนี้จึงทำให้ฉันได้สัมผัสกับอีกหนึ่งความหมาย
ของ คำว่ารัก ..เมื่อใจฉันมีความรักเกิดขึ้น
ฉันได้สัมผัสกับความอบอุ่น.เมื่อคิดถึงคุณ
ฉันได้สัมผัสรักจากใจของคุณทุกวัน
ได้สัมผัสถึงความห่วงหาความห่วงใย
ได้สัมผัสถึงความหมายของการ.
สร้างฝันร่วมกันของเราสองคน
ฉันรู้ว่าคุณเองก็อยากจะ สัมผัสคำว่ารัก...เช่นกัน
เพราะทุกวัน คุณส่งความสัมผัส ส่งความรู้สึก
ความรักมาให้กับฉันทุกวันเสมอ ถึงแม้ว่า
เราสองคนจะอยู่ห่างกัน.แต่นั่นมิใช่อุปสรรค์
ของคุณและฉันเลยตราบเท่าที่เราทั้งสองคน
ยังคงส่ง สัมผัส แห่งค่าคำว่า รัก ให้แก่กันทุกวันเสมอ
ผม รักคุณนะ ผมไม่ต้องการจะแสวงหาใครอีกแล้ว..เพราะ
ผมเหนื่อย ผมดีใจนะ ที่ผมได้พบคนดีเช่นคุณ คนที่
คอยห่วงใย คอยปลุกผมทุกเช้า โดยไม่เคยคิดว่าจะเป็นการรบกวน
หรือว่าเป็นการทำให้คุณต้องมาทนตื่นนอนแต่เช้าทุกวันเลย..
คุณน่ารักจริง ๆ ผม รักคุณ นะ
คุณรู้ไหม.แค่ คำหนึ่งคำ ที่คุณพูดบอกมาให้ฉันรู้.
มันทำให้หัวใจของฉันพองโต กับ สัมผัส คำว่า รัก
จากคุณ เสมอที่ส่งมาให้ในคำ ๆ นั้น จริง ๆ ที่รัก.
สัมผัสค่าคำรัก
สัมผัสแห่งความคิดถึง
สัมผัสด้วยใจที่ลึกซึ้งคิดถึงเธอ
สัมผัสจากกายไออุ่นละเมอ
สัมผัสความรักจากเธอเสมอนิรันดร์
สัมผัสที่แสนอบอุ่นละมุนฝัน
สัมผัสที่จิตคิดถึงมีให้แก่กัน
สัมผัสในคุณค่าแห่งความผูกพัน
สัมผัสในรักมั่น..ฉันมอบให้เธอ
สัมผัสในอ้อมกอดอบอุ่น
สัมผัสแนบอกคุณฉันหลับฝัน
สัมผัสเสียงหัวใจของสองเรานั้น
สัมผัสรักแนบสัมพันธ์ฉันมีเธอ
สัมผัสถึงความห่วงหาเอื้ออาธร
สัมผัสถึงความอ่อนหวานมากค่า
สัมผัสถึงสายใจในความห่วงหา
สัมผัสคำรจนาที่คุณบอกว่า ผมรักคุณ
29 กรกฎาคม 2548 12:47 น.
แก้วนีดา
. ความรักคือ อะไร .หรือ วัยวุ่น
ความรักคืออะไรใครไม่เคยสัมผัสก็จะเข้าใจได้ยาก
เพราะมันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน.มีคนบอกเอาไว้เช่นนั้น
แต่เมื่อมีความรัก.ไงยังต้องมีความทุกข์ตามมาอีกหนอ
แม้ว่าจะสุขสมหวังในรักก็ยังไม่อาจจะหนีพ้นความทุกข์ได้
เพราะความรักจะแฝงไว้ด้วยความห่วงใย
อยากเป็นเจ้าของในสิ่งที่ตนเองรัก และ
อยากจะให้เขารักเราตอบเหมือนที่เรารักเขา
นี่คือ ความรัก ของวัยรุ่น วัยวุ่น วัยหนุ่มสาว
แต่กลับมีความรักจากบางคน
ที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนกลับเลย..คือ
ความรักจากพ่อและแม่ไงที่กลับตรงกันข้ามเสมอ
ความรักที่มีแต่ให้อยู่ตลอดเวลา.ให้จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
พ่อแม่ก็ยังคงให้ความรักนั้นกับลูกได้เสมอ.
แล้วคุณหละ.คุณคิดว่า ความรัก คือ อะไร..
. วัยวุ่น .
เมื่อวัยเด็ก พ่อแม่ เฝ้าสอนสั่ง
ลูกรักจงฟัง คำสอน ให้ทำดี
พูดจา อ่อนหวาน ในท่าที
สัมมาวาจาดี อ่อนน้อม ถ่อมตน
พอเริ่มก้าว เข้าสู่วัย เรียนรู้
มีคุณครู คอยดูแล เฝ้าสั่งสอน
เด็กชายหญิง อ่านออกก่อน ไม่เกี่ยงงอน
ก.ไก่มาก่อน ฮ.นกฮูกจ๋า ไงเจ้าตาโต
ครั้นเติบใหญ่ สิ่งต่างต่าง มีมากมาย
รอบตัวเจ้า มีเรื่องดี และชั่วร้าย
หน้าที่พ่อ แม่ต้องดูแล ปกป้องกาย
เอาใจใส่ มิให้เกิดภัย กับลูกเลย
ไม่นานมา เจ้าเด็กน้อย หายจากไป
กับมีคนใหม่ ตัวสูงใหญ่ มาแทนที่
จากเด็กหญิง เด็กชาย ต่างไม่มี
สิ่งที่เห็น มาแทนที่ คือหนุ่มสาว
พอเริ่มรุ่น ดรุณดรุณี มีความรัก
พ่อแม่ตระหนัก เข้าใจ ทำตัวใหม่
เป็นเพื่อนได้ แทนพ่อแม่ ยังห่วงใย
ต้องเข้าใจ วัยรุ่นวุ่นวาย คือลูกรัก
ปัญหาเริ่ม เดินเข้ามา คือเรื่องรัก
เดี๋ยวอกหัก เดี๋ยวเลิกรัก เดี๋ยวมีใหม่
วุ่นกันไป ทั้งหญิงชาย น่าห่วงใย
ต้องดูแล ประครองใจ กันให้ดี.
26 กรกฎาคม 2548 11:32 น.
แก้วนีดา
ทะเลใจ
เราเคยสังเกตอารมณ์ตัวเองแล้วถามตัวเองหรือเปล่าว่า..
ทำไมอารมณ์เราเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง เดี๋ยวสงบราบเรียบ.
..แต่เผลอแป๊บเดียว
กลายเป็นคลื่นยักษ์กระทบทุกอย่างราบคาบเป็นหน้ากอง
จึงไม่น่าแปลกใช่ไหม..
ที่ผู้ใหญ่เปรียบเทียบอารมณ์คนเหมือนดั่ง ทะเล
ความปั่นป่วนของอารมณ์ล้วนแล้วแต่..
มีเหตุก่อให้เป็นความเงียบหรือ
ความบ้าคลั่งจากสิ่งที่มากระทบต่อ ใจ
ที่เป็นเครื่องกำหนดอารมณ์
เพราะทุกอย่างล้วนมีเหตุที่มาของผล ณ ปัจจุบัน
หญิงสาวบางคนบ้าคลั่งทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ต่อหน้า
ชายหนุ่มบางคนเงียบสงัดจน.
ทุกสิ่งทุกอย่างรอบข้างต่างนิ่งไม่ไหวติงตามไปด้วย
พฤติกรรมที่ต่างกันอาจมาจากสาเหตุคล้ายๆกัน
อยู่ที่ใจของใครจะกำหนดอารมณ์ตัวเอง
จากสิ่งที่มากระทบจากภายนอกได้มากกว่ากัน
วันนี้เราอาจกลายเป็นคลื่นยักษ์
พรุ่งนี้เราอาจเป็นทะเลแสนสวย
ที่ให้ความชุ่มชื่นทั้งร่างกาย
และจิตใจแก่คนที่เข้ามาสัมผัส
แต่บ่อยครั้งเช่นกันที่มนุษย์มักปล่อยให้จิตใจ
โลดแล่นไปตามสิ่งที่มากระทบ
กลายเป็นเกลียวคลื่นยักษ์
จนคนรอบข้างต่างเมินหน้าหนี
เหตุเพราะใจไม่สามารถกำหนดอารมณ์ตัวเองได้
แต่เราเชื่อว่า คงไม่มีใครอยากเป็นคลื่นยักษ์ใจร้าย
มากกว่านางฟ้าที่แสนใจดีนะ..
วันก่อนที่ทำงานมีพนักงานคนหนึ่งทำให้เราคิดว่า
บางครั้งกับคนบางคนก็อยากเป็นนางยักษ์ใจร้ายมากกว่า
เป็นนางฟ้าผู้ใจดี
เพราะเหลือที่จะทนทำใจให้ดีกับคนบางประเภทได้
พูดดีด้วย ทำดีด้วย เธอก็ยังเหมือนเดิม
หนำซ้ำกลับมีอาการลืมตัว สำคัญผิด ที่แย่ลงไปกว่าเดิมอีก
เพื่อนร่วมงานคนนี้มีอารมณ์เหมือนพายุร้าย
ที่จะทำลายคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา
ทุกครั้งที่ต้องร่วมงานด้วยความจำใจ
จะพบกับอารมณ์ร้ายของพนักงานคนนี้ทุกครั้งไป
เขาคงจะคิดว่ามีประสบการณ์การทำงาน
ที่แก่พรรษากว่าในที่ทำงาน
พูดง่ายๆคือ ซีเนียร์กว่า เพราะเข้าทำงานที่นี่มาก่อน
แถมอายุอานามตามปีพุทธศักราชที่เกิด..
.ก็มากกว่าคนอื่นหรือเปล่า
หลายครั้งอยากปล่อยคลื่นยักษ์ใส่บ้าง
เพื่อให้เข้ารู้ตัวบ้างว่า
จะรู้สึกอย่างไร ถ้ามีคนมาทำกับตนเอง
แต่ก็พยายามเตือนสติตัวเองเสมอว่า.
พยายามสังเกตลมหายใจตัวเอง
..ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
เมื่อต้องทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานคนนี้ ดีกว่า.
คอยสังเกตลมหายใจเข้าออกตัวเอง
ยิ่งเรามีความละเอียดใน
การสังเกตลมหายใจเข้าออกมากเท่าไหร่
อารมณ์ของเราจะละเอียดมากขึ้นเท่านั้น
หากเราวิ่งไปตามอารมณ์ที่เชี่ยวกรากของสิ่งที่มากระทบ
อารมณ์ของเราก็จะหยาบตามไปด้วย
เท่ากับจิตของเราต่ำตามสิ่งที่มากระทบนั้น
หลักง่ายๆ เหมือนที่ผู้ใหญ่สอนเรามา..
แต่เด็กน้อยเท้าเท่าฝาหอยว่า
เมื่อโกรธให้นับหนึ่งถึงสิบ ใจเราก็จะเย็นลง
อย่าเที่ยวที่จะคิดปรับปรุงอารมณ์คนอื่นเลย
คอยปรับปรุงอารมณ์ตัวเองให้เป็นทะเลที่สวยงาม
นำแต่ความชุ่มชื่นแก่ร่างกายและ..
จิตใจสำหรับผู้ที่เข้ามาสัมผัสดีกว่า
แล้วเพื่อนๆล่ะค่ะ..
วันนี้คุณเป็นทะเลที่น่าลงเล่นสำหรับผู้พบเห็นหรือเปล่า.
ทะเลใจ.
แปลกไหม ที่ใครใคร ชอบทะเล
มองคลื่นลมเห่ ซัดเข้าหา ชายฝั่งทราย
เปรียบใจหญิง ที่หวั่นไหว ตามน้ำคำชาย
ชื่นชมหมาย โอบกอดกาย ดังคลื่นชายทะเล
แปลกไหม ที่ใครใคร ไม่ต่างจากทะเล
คลื่นลมเห่ เปรียบเทียบได้ อารมณ์ไหว
ยามสงบ มองทะเลงาม น่าหลงไหล
แสนห่วงใย ยามทะเลบ้า ไม่น่ามอง
ดุจดังตน ปุตุชน คนทั่วล้า
มีอารมณ์ มิต่างกว่า ทะเลที่ตรงไหน
ยามสงบ มีจิตงาม น้ำใจใส
ครั่นจิตวุ่น คลายทะเลบ้า ฆ่าผู้คน
เออหละหนอ ถ้าใคร ปล่อยใจของตน
ให้เวียนวน เปลี่ยนได้ คล้ายทะเล
คงไม่แคล้ว ขึ้นลง จิตหักเห
ดังกระแส แห่งน้ำทะเล เห่คลื่นกรรม.
25 กรกฎาคม 2548 13:04 น.
แก้วนีดา
ได้กลับบ้านเราแสนสุขใจ
สนุกมากมายมีพี่ภูตามไปด้วย
คนอะไรชอบทำอาหารแต่ต้องให้ช่วย
เมนูไข่อีกด้วย....พ่อครัวบอกต้องมาช่วยกันทำ
เริ่มแรกบอกว่า....ต้องขอไปตลาด
พอมาถึงนึกว่าจะหาซื้อของอะไร
พี่ภูเล่นตรงเข้าห้างใหญ่ทันได
ตรงรี่ไปแผนกขายไข่ไก่ทันที
พี่ภูจ๋า....นั้นมันไข่ไก่จะเอาไปทำไมมากมาย
พี่ภูบอกกลับมาทันใด....น้องดาจ๋า..อย่าเอ็ดไป
พี่ภูจะทำเมนูอาหารไข่ให้ได้ทานกันไง
รับรองเย็นนี้ได้ทานอาหารเมนูไข่อร่อยติดใจไปนาน
ว่าแล้วพ่อครัวหัวป่าตัวจริงจริง
ก็วิ่งรี่เร็วไวเข้าครัวเตรียมตัวใหญ่
บอกว่า...น้องดามาเลยนะมาช่วยกันไง
งานนี้พี่ภูจะได้มีผู้ช่วยที่รู้ใจทำครัวกันไปสองคน
สรุปผลอาหารมือเย็นวันนั้น
ทุกคนหน้าชื่นตาบานด้วยเมนูใหม่
ฝีมือจากพ่อครัวคนดีมีนามภูวดินทร์น่ารักไหม
ประกอบด้วย ต้นไข่ ไข่เจียวจานใหญ่ใส่หมูสับน่ารับประทาน
เอิกๆๆๆๆๆๆ........ฝีมือพ่อครัวภูวดินทร์เขาหละจ้าาาา.....มีแก้วนีดาเป็นผู้ช่วย.....5 5 5