16 มีนาคม 2548 10:12 น.
แก้วนีดา
ใครน่าขบขันมากกว่ากัน
เราลองคิดดูว่า ใครน่าขบขันมากกว่ากัน
ในขณะที่เรากลัดกลุ้มทุกข์ใจ จนถึงขนาดจะคิดฆ่าตัวตาย
เพียงแค่ธุรกิจขาดทุนในผลกำไรที่เคยได้รับไปหลายล้านบาท
แต่ในขณะเดียวกัน อีกซีกโลกหนึ่งมีผู้คนมากมายต้องล้มตายและกำลังรอคอยความตายเพราะไม่มีข้าวจะกิน
แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย หากว่า เราคิดให้ลึกซึ้งระหว่างเรากับเขาเหล่านั้น
ว่ามีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ต่างกันอย่างไร
บางที่เราอาจรู้สึกขบขันตัวเองไม่ได้..
.......................................................................................
ชีวิต
อ่อนล้ากับชีวิต ผิดหวังกับความฝัน
ชีวันแทบพัง เหนี่ยวรั้งหาหลักชัย
ล้มล้มลุกลุก คลุกคลานมาเท่าใด
จะขอก้าวต่อไป แม้ใจจะอ่อนแอ
คิดฝากชีวิต คิดฝากความหวัง
มีเขาเป็นพลัง นำทางก้าวไป
ก็แค่คิดฝัน ที่มันไม่จริง
โธ่เอ๋ยทุกสิ่ง หมดสิ้นสลายไป
นับต่อแต่นี้ จะมีสิ่งใหม่
ก้าวไปก้าวไป ด้วยใจมั่นคง
...........................................................................................
กับอีกวันที่ตื่นลืมตาขึ้นมาแล้วไม่อยากจะทำอะไรเลย.....เพราะว่า....ฝนตกนะ..อิอิอิ...
ชีวิตของเรา
....เหงาบ้างในบางหน....
....เศร้าบ้างในบางวัน....
....ชีวิตนั้นเป็นของเรา....
....ถึงแม้จะมีเหงามีเศร้า....
....ชีวิตนี้ก็เป็นของเรา.....
....เมื่อมีเหงาหรือเศร้า....
....เราก็ต้องอดทนต่อไป.....
....เรายังต้องกว้าไปข้างหน้า....
....เพื่อหาหลักชัยให้กับชีวิต....
15 มีนาคม 2548 11:08 น.
แก้วนีดา
เรื่องใหญ่หรือเล็กอยู่ที่เราคิด
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากเหตุภายนอกนั้นมีมากมายหากจะ
คอยตามแก้กันสักสิบชาติคงจะไม่หมด
นอกเสียจากจะต้องแก้ไขกันให้ถูกจุด คือต้องแก้กันที่จิต
ด้วยการคิดอย่างมีสาระ คิดแล้วไม่ทุกข์ แม้ชีวิตเราจะเกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้น
จนถึงขั้นคอขาดบาดตาย หากเราคิดเป็นคิดถูก เรื่องนี้ก็อาจกลับกลายเป็นเรื่อง
เล็กน้อยไป
หรือเรื่องธุรกิจขาดทุน เล่นหุ้นถูกโกง เรียนไม่จบ ตกงาน หากเราคิดเป็น คิดถูก
เรื่องนี้ก็อาจกลับกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะไปทันทีก็ได้เหมือนกัน
เพราะทุกๆเรื่องมันขึ้นอยู่กับ ความคิด
หากว่าเราคิดดีมันก็ดี แต่หากว่าคิดไม่ดี มันก็ไม่ดีตามที่เราคิด
ทุกชีวิตที่เกิดมา ล้วนแต่มีปัญหาหรือความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น
บางคนก็มีปัญหามาก บางคนก็มีความทุกข์น้อย
แต่ใครจะมากหรือใครจะน้อย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเป็นเศรษฐีหรือยาจก
และไม่ได้ขึ้นกับการต้องจบปริญญา หรือ ป.4
แต่ขึ้นอยู่ด้วย การคิดเป็นคิดถูก
คือคิดแล้วไม่ทำให้ตนเองต้องทุกข์ใจ หากเราคิดเป็น
10 เรื่อง ทุกข์ก็หาย 10 เรื่อง..คิดเป็น 20 เรื่อง ทุกข์ก็หาย 20 เรื่อง.
แต่หากเราคิดผิดเพียง 1 เรื่อง ชีวิตอาจจบสิ้น.
รักตัวตนของตน...เช่นคนที่รักชีวิต
จะมั่วแต่มาบ่น....ว่าใครหนอลิขิต
ก็ชีวิต...คือชีวิต...คือของเราที่ต้องคิด
จะขอให้ใครมาลิขิต...ชีวิตของของเรา
โลกยังต้องคงหนุมเวียน...เปลี่ยนแปลง
แล้วทำไมกับจิตใจของคน...จะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
วันนี้บอกว่ารักมากขอให้ประจักแก่จิตใจ
วันพรุ่งนี้อาจจะเปลี่ยนใหม่...ใยไม่รู้จักกัน
โลกหนอ...อนิจจังไม่มีเที่ยง
จิตใจของคนก็หนุมเวียนแปลพัน
ดังเช่นฤดูของโลกก็เช่นกัน
เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาวเย็นเป็นเช่นนี้เอง
คิดใคร่ควรดูเอาเถิด
ใดใดในโลกนี้มั่นคงไหม
สักประสาอะไรจะคิดถึงใคร
แค่ตัวเองยังเอาไม่รอดตลอดเลย
แล้วจะทำมาเป็นบอกว่ารัก
ขอแน่ตหนักว่ารักจะคงมั่น
วันนี้รักพรุ่งนี้คงจะชิงชั่ง
พออีกวันพบหน้ากัน..นั้นคือใคร
เฮ้อเศร้าใจ...กระไรหนอ
จิตวุ่นวาย...คิดไปแล้วใจหาย
คิดมากก็ตัวเรา...ได้แต่กระวนกระวาย
จะมีใครคนไหนมาเข้าใจในตัวเรา..คงไม่มี.
คิดไป.....แล้วใจหายจริงจริง
ในเรื่องทุกสิ่งที่ผ่านมา
จะทำเช่นดีเล่าหนา
คิดมากไปเขาก็ว่าเราบ้าไปเอง........เฮ้อ.
14 มีนาคม 2548 13:09 น.
แก้วนีดา
ข้อคิดสำหรับเพิ่ม EQ...เก็บมาฝากจ๊ะ
หัดคิดแต่ด้านบวก *** แล้วจะรู้ว่ามีแต่สิ่งที่เป็นไปได้ ***
หัดฝัน *** แล้วจะรู้ว่าโลกนี้น่าอยู่ ***
หัดพูดแต่ด้านบวก *** แล้วจะรู้ว่ามีคนอีกมากมายที่รักเรา ***
หัดยิ้ม *** แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่น่ารัก ***
หัดฟาดฟันกับอุปสรรค *** แล้วจะรู้ว่าเราคือคนที่เข้มแข็ง ***
ลองทน *** แล้วจะรู้ว่าเรามีความอดทนยิ่งกว่าใคร ***
ลองออกกำลังกายทุกวัน *** แล้วจะรู้ว่าเราคือมนุษย์เจ้าพลังคนหนึ่ง ***
ลองคิดเอาชนะ *** แล้วจะรู้ว่าเราสามารถเอาชนะตัวเองได้ไม่ยาก ***
ลองคิดให้ใหญ่ *** แล้วจะรู้ว่าเรามีความสามารถอย่างน่าแปลกใจ ***
และอย่าลืม *** อย่านำความผิดหวังของเมื่อวานมาบดบังความฝันในวันพรุ่งนี้ ***
............................................................................................................
sometimes..
when you cry..
no one sees you tears.
Im sending happy
Choughts your way
Hope you have
A wonderful day.
..........................................................................................................
แสง เทียน
จะมีกี่คนกันฤาเล่า
แม้นล้มจักลุกสู่เป้าหมาย
ก้าวเดินฟันฝ่าคือแรงกาย
แล้วไซร้แรงใจใครดูแล
อย่าหวังเพียงพิงอิงคนข้าง
อย่าอ้างเพียงลมไม่โปกไหว
อย่าคิดเพียงเราไม่มีใคร
อย่าไปยึดติดเพียงรอบตัว
อาทิตย์ยามเช้าคือส่องแสง
จันทรายามเย็นคือสุขใส
เวลาผันเปลี่ยนคือดับไป
มิอาจต้านแรงและทัดทาน
เทียนหนึ่งเทียนน้อยเจ้าจุดไว้
เป็นไปเจ้าสวรรค์สร้างความหวัง
ท่ามกลางมืดมิดคือพลัง
หาไม่ดับไปตามกาเล
จงเป็นผู้จุดแสงสว่าง
จงสร้างแสงเทียนสว่างไสว
ดูแลเทียนนี้ที่ในใจ
เก็บเป็นแรงใจตลอดกาล.
รักนะ...ที่รัก
11 มีนาคม 2548 10:34 น.
แก้วนีดา
พอดี - ทางสายกลาง
ให้เราลองปฏิบัติดังนี้
พอดี - ทางสายกลาง
ให้เราลองปฏิบัติดังนี้ ดี ๆ ๆ
เขาไม่เรียบร้อย ไม่ขยัน พูดไม่เพราะ
เขานินทาเรา ฯลฯ ก็คิดว่า ดี ๆ ๆ
สอนใจตัวเองว่า. อย่ายินร้าย
เดือนที่สอง
เมื่อประสบกับสิ่งที่ควรยินดี ดีใจ
ก็สอนใจตัวเองว่า พอ ๆ ๆ อย่ายินดี
เดือนที่สาม
จิตใจ ความรู้สึกของเราจะเข้าถึงทางสายกลาง
พอดี ๆ ๆ
ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
พอดี - ใจเย็น ใจดี ใจเมตตา ใจมีสันติสุข
ใจเป็นปกติ ใจเป็นศีล
ไม่ยินดี ยินร้าย
มีแต่ ดี และ พอ
พอดี ๆ ๆ ..
เป็นมัชฌิมาปฏิปทา
.............................................................................................................
คิดกันอย่างไรบ้างค่ะ..................เข้ามาอ่านกันแล้วนะค่ะ......
บอก หรือว่าแสดงความคิดเห็นกันได้นะค่ะ
เราก็แค่ต้องการจะมาบอกว่า เรานะประทับใจในคำสอนของพุทธมาก....และเราก็สามารถนำมันมาประยุค์ใช้กับชีวิตประจำวันของเราได้เสนอนะค่ะเพื่อนๆๆ รองทำดูสิค่ะ แล้วท่านจะรู้ว่าในชีวิตนี้ที่ผ่านมาท่านได้ละเลยอะไรมาบ้าง ท่านยังไม่ได้ทำอะไรอีกมากมายบ้าง พิจารณาดูนะค่ะ
จากใจจริงที่มีให้กับเพื่อนๆๆทุกคน ด้วยความรักและห่วงใยเสมอ
ทางสายกลางที่กว้างย่างเดิน
ไม่ว่าซ้ายหรือขาวที่ต้องเผชิญ
ล้วนแต่มากมีสิ่งหลอกลวงให้เพลิน
ถ้าคิดได้ไม่ต้องเผชิญกับทางลวง
ขอจงหันมามองดูทางข้างหน้า
รู้ทันสิ่งต่างต่างทั้งด้านซ้ายและขวา
ที่ยั่วเยวนให้หลงเพิลนตา
สิ่งต่างต่างนั้นหละกิเลสพาให้หลงทาง
ขอเพื่อนจงคิดให้ดีด้วยมากมีสิ่งลวงล้อ
ถ้าแม้เดินหลงทางเข้าป่าพงหญ้าคา
ชีวิตจะพบกับทางพินาศกันละหนา
ทางสายกลางสิดีกว่าขอจงหันมาเดิน
...รักนะจ๊ะ..+...ด้วยความห่วงใย...จากใจของเรา..
10 มีนาคม 2548 11:11 น.
แก้วนีดา
คนไม่ถูกนินทา ไม่มีในโลกนี้
สมัยพุทธกาล
อุบาสก อตุละ ชักชวนบริวารทั้ง 500
ไปฟังเทศน์ที่สำนักพระศาสดา
ตอนเช้า ได้ไปหาพระเรวตเถระซึ่งเป็นพระอรหันต์
นิมนต์อาราธนาเทศน์ ท่านเงียบ
อุบาสกนินทาท่านว่าองค์นี้ไม่พูดเลย
อุบาสกจึงชักชวนบริวารทั้งหมดเดินทางต่อไป
พบพระสารีบุตร ซึ่งเป็นพระอัครสาวก
เป็นผู้เลิศทางปัญญา เป็นผู้แตกฉานในการแสดงธรรม
พระสารีบุตรแสดงธรรมโดยพิสดาร
อธิบายหัวข้อธรรมอย่างละเอียด
อุบาสกอตุละ นินทาท่านว่า พระองค์นี้ พูดมากไป
อุบาสกจึงชักชวนพรรคพวกเดินต่อไปอีก
ตกบ่ายได้พบพระอานนท์
พระอานนท์แสดงธรรมโดยย่อให้เข้าใจง่าย ๆ
เมื่อฟังเทศน์จบ อุบาสกอตุละ ก็ว่า
พระองค์นี้เป็นอะไร พูดน้อย
ตอนเย็นก็ไปถึงที่พักของพระพุทธองค์
อุบาสกอตุละได้เล่าให้พระพุทธองค์ฟังเรื่องตั้งแต่เช้า
พระพุทธองค์ จึงตรัสว่า
อตุละเอย คนไม่ถูกนินทาไม่มีในโลก
แม้แต่พระพุทธเจ้าก็คงจะถูกอตุละนินทาว่า เทศน์ไม่เก่ง
ยิ่งเป็นผู้ใหญ่ ทำงานมาก
มีความรับผิดชอบสูง
ก็ยิ่งถูกนินทามากเป็นธรรมดา
คนที่ไม่ถูกนินทา คือคนที่ไม่ทำอะไรเลย
เราทุกคนไม่ต้องการให้ใครนินทาเรา
แต่ก็เป็นไปไม่ได้
พระบรมศาสดาของเรา
เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ที่สุด
ทรงมีพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ
แต่ท่านก็ถูกนินทามากที่สุดก็ว่าได้
คนมีมิจฉาทิฏฐิ คนไม่ศรัทธาท่าน ก็นินทาท่าน
คนนินทาท่าน อาจจะมากกว่าคนสรรเสริญท่าน
แม้แต่ธรรมชาติ ลมฟ้าอากาศ
ก็ถูกมนุษย์นินทาประมาณ 90% หรือ
อาจจะถึง 99% ที่เดียว
วันนี้ร้อน วันนี้หนาว
ฝนตก ฝนไม่ตก
ลมแรง ไม่มีลม
ฯลฯ
ธรรมชาติก็ถูกมนุษย์นินทามากมายถึงปานนี้
ได้รับคำชม คำสรรเสริญ นิดเดียว
สิ่งที่ไม่มีวิญญาณก็ยังถูกนินทาถึงขนาดนี้
แล้วมนุษย์เองจะถูกนินทาขนาดไหน
น่าเห็นใจมนุษย์
นักจิตวิทยาของอเมริกันค้นคว้า วิจัย ศึกษาว่า
คนเราเฉลี่ยแล้ว คน ๆ หนึ่งในวันหนึ่ง ๆ
มีความรู้สึก ไม่พอใจ ไม่ถูกใจ
นึกเป็น วิภวตัณหาถึง 3 หมื่นครั้งต่อวัน
ครึ่งหนึ่ง อาจจะนึกตำหนิ ออกมาเป็นคำพูด เป็นคำนินทา
วันหนึ่ง ๆ เรานึกตำหนิคนอื่นเท่าไร
และนินทาคนอื่นเท่าไร เราไม่รู้ตัว
แต่ถ้าเรา ได้ยินว่า มีใครนินทาเราสักประโยคเดียว
เราเจ็บใจ เกือบทำใจไม่ได้
เราลืมมองดูตัวเองว่า เราก็นินทาคนอื่นมากมาย
ใจเราไม่มีความยุติธรรมเท่าไร
คนชอบนินทาด้วยคิดว่า
ตัวตนของตนนั้นดีกว่า
แต่เขากลับหารับรู้ไม่ว่า
ยังมีคนที่ดีกว่าตนอีกมากมาย
ใครจะมีจิตคิดนินทาใคร
ใครจะชอบหรือเกลียดใคร
ใครไม่ชอบหรือไม่รักใคร
ก่อนนินทาใครขอเอาใจใคร่ควรดู
ถ้าโลกนี้มีคนที่ชอบนินทา
คนทุกคนได้ต้องวิ่งวุ้นวาย
เดี๋ยวคนโน้นว่าคนนี้ให้ต้องอาย
โลกได้วุ้นวายด้วยปากคนชอบนินทา
โบราณว่า...ปากกาที่เขียนได้ยาวที่สุดในโลกนั้น ก็คือ ปากคน โดยเฉพาะ ปากคนชอบนินทา...ยาวเสียยิ่งปากกาใดใด.......เฮ้อ...เศร้าแต่คนแบบนี้จังเลย.
รักเพื่อนๆนะ....เลยนำมาบอกให้คิดกันสักนิดนะจ๊ะ