30 มีนาคม 2548 10:51 น.
แก้วนีดา
ความยิ่งใหญ่ย่อมอยู่ในตัวงานแล้ว ( ธรรมกับการทำงาน )
วันนี้ เราอับอาย กลัดกลุ้ม ที่ต้องทนทำงานอยู่ในระดับที่ต่ำต้อย
แม้ค่าจ้างก็ถูก จะพูดคุยกับคนมีระดับก็เกิดอาการหวั่นไหว เกรงๆ ขลาดๆ
ชอบกล แต่ถึงอย่างไร เราอย่าได้ไปคิดดูหมิ่นดูถูกงานที่ทำว่า
เป็นงานต่ำตามขั้นของเงินเดือนเป็นอันขาด
เพราะไม่อย่างนั้น ชีวิตเราจะหมดค่า หมดความหมายไปทันที
ให้คิดถือเสียว่า งานใดๆ ในโลกนี้ที่มนุษย์ทำกันอยู่
ไม่ว่าจะเป็นงานระดับผู้นำประเทศ
งานธุรกิจ งานรับจ้าง หรือทำนา ทำสวน ก็ล้วนแต่เป็นงาน
ที่ใหญ่เหมือนกันหมดทุกๆ งาน ต่างก็มีความสำคัญที่เท่าเทียมกัน
แม้จะเป็นงานกวาดถนน งานเก็บขยะ ล้วนแต่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่เราไปหลงสมมุติ ไปหลงคิดกันเอง ว่างานอยางนั้นใหญ่
งานอย่างนี้เล็ก งานนั้นสูง งานนี้ต่ำ แล้วในที่สุดพวกเราก็ต้องมาทุกข์ใจ
กลุ้มใจ กับเรื่องที่สมมุติกันขึ้นมา
งานทุกชนิด ย่อมมีความยิ่งใหญ่อยู่ในตัวงานเองแล้ว
แต่หากว่าคนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับงาน แล้วทำงานด้วยความตั้งใจ
ขยัน ซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบต่องานนั้นๆ ย่อมเป็นการเพิ่มสีสัน
เพิ่มความยิ่งใหญ่ให้กับงานชิ้นนั้นมากขึ้นไปอีก เพียงหากว่าเราไม่เผลอไปคิดว่า
งานนั้นสูง งานนี้ต่ำ งานนั้นดี งานนี้เด่น จนจิตใจกวัดแกว่ง
................................................................................
สุขกับการทำงาน
เราก็สามารถมีความสุขอยู่กับงาน หรือหาความสำราญได้จากงานที่ทำไม่ยากเลย.
วันนี้ท่านหันกลับมามองดูการทำงานในครึ่งวันแรกของท่านหรือยัง............
หรือว่า วันนี้ท่านได้ทำงานอะไรของท่านสำเร็จ และเสร็จแล้วบ้าง........
.และท่านได้อะไรจากการทำงานของท่านในวันนี้บ้าง.......
.ท่านคิดได้หรือยัง.........การทำงานในวันนี้ไม่ใช่เพื่อจะรอให้หมดไปวันๆหนึ่งเท่านั้น........
.แต่ท่านสามารถนำมันมาพิจารณาและวิเคราะห์ได้เสมอ........ว่า
งานที่ท่านได้ทำและกำลังจะทำ เป็นเช่นไร
ให้อะไรกับชีวิตของท่านในวันนี้และวันพรุ่งนี้บ้าง
บางคนอาจจะไม่ได้คิดอะไร มีอะไรก็ทำเพราะว่า ทำไปตามหน้าที่ที่ต้องทำ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ท่านก็ไม่ผิดอะไรกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งเลย
เมื่อถึงเวลาก็เปิดสวิทแล้วทำงานพอตกเย็นเลิกงาน ท่านก็ปิดสวิทแล้วกลับบ้าน
เป็นเช่นนี้ทุกวัน แล้วอนาคตของท่านจะเป็นเช่นไร
ทุกคนก็คงจะพอเดากันได้ไม่ยากเลย แต่ถ้าท่านนำงานที่ท่านทำมาวิเคราะห์
หาเหตุและผล
เหมือนอย่างเช่นการดำรงค์ชีวิตของท่านไม่ให้ประมาณในทางโลก
โดยการทำเอาข้อคิดทางธรรมมาช่วยช้วยวิเคราะห์และนำทางในชีวิตการทำงานของท่าน
ท่านจะได้เรียนรู้อะไรจากงานที่ท่านทำได้มากมาย จนท่านคิดไม่ถึงเลยที่
เดียว.............
ลองคิดและทำดูแล้วท่านจะรู้ว่า
การทำงานแบบไม่ประมาณการนำเอาธรรมมาร่วมในการทำงานด้วยนั้นดีและ
ประเสริฐขนาดไหน.
.............. ธรรมย่อมจะรักษาดูแลผู้อยู่ในธรรมเสนอ .................
ด้วยรักจากใจของเราที่จะมีให้กับเพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามา
อ่านและติดตามข้อเขียนเรื่อง ธรรม
ให้จากใจของเรา
มิใช้จะต้องการอะไร
เพราะเรารักท่านไง
จึงได้เข้ามาเขียนให้
ท่านอ่านเอาไว้
แล้ววิเคราะห์ตามแต่ใจ
ของท่านจะรับเอาไปได้
ด้วยรักจากใจของเรา.
ยังคิดถึงเพื่อนๆเสมอ.....โดยเฉพาะ คุณลุงมอมแมมค่ะ...เป็นห่วงมากนะค่ะ....ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะคุณลุงมอมแมมของหลาน
29 มีนาคม 2548 11:15 น.
แก้วนีดา
ความดีอยู่ที่การทำงานมิใช่ลมปาก (ธรรมสำหรับผู้ทำงาน)
เมื่อนึกไปถึงที่ทำงานที่ไร ชีวิตเหมือนถูกฉุดดึงให้ตกนรกทั้งเป็น
เพราะเบื่อหน่ายต่อความจำเจที่ซ้ำซากของการทำงาน
เรื่องงานยังพอทำเนา แต่เบื่อเพื่อนร่วมงานที่ชอบคอยกลั่นแกล้ง
ใส่ร้าย บางคนก็ชอบพูดค่อนแคะ บางคนก็ชอบพูดเสียดสี
ซ้ำหัวหน้าก็ชอบลำเอียง อคติชอบใส่ใจแต่ลูกน้องหัวประจบ
จนเราเองกลายเป็นคนนอกสายตา ครั้งทำดีแค่ไหน
แต่กลับถูกมองเหมือนทำผิดอยู่ร่ำไปเมื่อเจอเหตุการณ์เข้าอย่างนี้
เป็นใครๆต้องหงุดหงิด เคืองใจเป็นธรรมดา
แต่เราต้องพยายามสลัดเรื่องราวเหล่านี้ทิ้งเสียให้หมด
อย่าปล่อยให้ค้างคาอยู่ในใจ เพราะจะมีแต่ผลเสียเพียงอย่างเดียว
เช่น ทำงาน ก็ย่อมติดขัด จิตใจมีแต่เศร้าหมอง
ร่างกายก็ทรุดโทรม และยังเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ ได้
ทางที่ดีให้คิดเสียว่า ใครคนใดจะเป็นอย่างไรก็ช่าง
ใครจะค่อนแคะเสียดสีก็ช่างเขา ใครจะอี๋อ๋อสอพลอแค่ไหนก็ช่างมัน
หากว่าเราไปใส่ใจเรื่องพรรค์นี้ มันไม่จบสิ้น เพราะคนส่วนมากเขาเป็นอย่างนี้
ด้วยกันทั้งนั้น ทางที่ดีให้ปล่อยเขาไป เราทำงานของเรา
ทำไปตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด มีความอดทน
ขยันและซื่อสัตย์ต่องานที่ทำอยู่เสมอ แล้ววันหนึ่ง
การงานที่ทำด้วยความตั้งใจและรับผิดชอบ จะส่งผลตอบแทนให้เราอย่างน่าอัศจรรย์
อีกทั้งยังเป็นตัวชี้ชัดตัดสินความดีให้กับเรา ส่วนการค่อนแคะเสียดสีและประจบสอพลอ
จะเป็นตัวตัดสินให้กับเขาอีกเช่นกัน เพียงแต่เราทำงานของเราให้ดี
ความดีย่อมไหลออกจากงานที่ทำมิได้ไหลออกจากลมปาก
ที่คอยจะพ่นคำหวาน แต่มิได้ทำงาน.
........................................................................
ความมั่นคง
คนผ่านทาง..ผ่านมา..แล้วคงผ่านไป
บางครั้งเราก้อมิอาจรู้ได้ว่า
ระหว่างที่กาลเวลามันเปลี่ยนผัน
จะสามารถทำให้ใครสักคนที่ผูกพัน
ยังคงมั่นคงยืนนานอยู่กับเรา
เพราะคนเรามิใช่พื้นพสุธา
ที่จะคงมั่นในยามที่เงี่ยบเหงา
ชีวิตเราอาจจะเป็นเช่นก้อนเมฆที่แผ่วเบา
เพียงลมพัดเป่าก็จากเรา..จากฟ้าสีครามไป
เรายินดี..และเต็มใจ..เติมความสุข
ไล่ความทุกข์..ออกจากใจ..ให้กับฟ้า..
เราอยากเห็นสีสดใสในดวงตา
จากฟ้าฟ้าสีครามนามจับใจเรา
แม่เพื่อนรักของเรา..ยังจำทบกลอนนี้ได้ไหม...เราแต่งมันขึ้นมาเพื่อมอบให้กับเธอ....และทุกวันนี้เราก็ยังเป็นกำลังใจให้เสมอนะฟ้าสีคราม....เหนื่อยนักจะหยุดพักก่อนก็ได้นะจ๊ะฟ้าฯ...แก้วนีดาจะร้องเพลงรักจากใจให้เธอฟัง....ในสายลม...คือเพลงรักหวานของสองเรานะจ๊ะฟ้าสีคราม.เพราะคือ..รักเธอ
28 มีนาคม 2548 14:23 น.
แก้วนีดา
เปิดใจกว้าง เมื่อบางอย่างเปลี่ยนไป ( ปัจจัยหนึ่งของการใช้ชีวิตคู่ )
ทุกสิ่งในโลกนี้ ย่อมเปลี่ยนแปลงไปได้เสมอ ตามเหตุปัจจัยของสิ่งนั้นๆ
หากว่าเราไปหลงยึดถือจนเกินไป ก็มีแต่จะเพิ่มทุกข์เพิ่มโทษให้กับเราเอง
และไม่มีใครคนใดอยากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับสิ่งที่ตนรัก
ตนหวงแหน แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว เราจะทำอย่างไร จะแก้ไขแบบไหน
จึงจะให้เหตุการณ์นั้นๆ จบลงด้วยความสงบและปลอดภัยทั้งชีวิตตนและคนอื่น
แต่เมื่อคนที่เรารักสุดหัวใจ เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจะด้วยเหตุผลของกรรมเวร
หรือเหตุอื่นๆก็สุดแท้ จนเราเองต้องตกที่นั่งของการเป็นภรรยาหลวง
ส่วนอีกคนเป็นภรรยาน้อย จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
เมื่อเหตุการณ์เช่นนี้มีอันต้องเกิดขึ้น แม้ความละอายก็ยับยั้งไม่อยู่
สิ่งที่ทั้งสองจะทำได้ดีตอนนี้ก็คือ เปิดใจให้กว้างออกยอมรับ
และสร้างความรักความเข้าใจให้เกิดขึ้น จับมือร่วมกันสร้างสรรค์ความงามให้เกิดขึ้นแก่โลก
ทำประโยชน์ให้เกิดแก่สังคม ดีกว่ามาจ้องโกรธแค้นเข่นฆ่า
หรือหึงหวงกันให้ทุกข์ใจไปเปล่าๆ เพราะไม่นานทั้งสองคนจะต้องจากโลกนี้ไปอย่างไร้ร่องรอย
คงเหลือเพียงความดีทิ้งไว้ให้โลกชม.
ฝ่ายชายก็ไม่สมควรจะทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะเท่ากับว่าท่านละเลยต่อการทำความดี
และท่านยังทำผิดศิลธรรม ของศิล 5 อีกด้วยการมีรักเดียวใจเดียวนั้นมันไม่ใช้เรื่องเชย
หรือผิดอะไรเลย แต่ในทางตรงกันข้าม ท่านกลับเป็นผู้ชายที่น่ารักของครอบครัวของท่าน
และของสังคมต่างหาก ที่ท่านได้ร่วมมือกันสร้างสรรค์สังคมที่ดีงามให้คงอยู่ต่อไป.
..
เออ..แปลก..แปลก
เออความรักนี้แปลกแปลก
แรกแรกก็แค่สนใจ
พอได้พูดคุยนานนานไป
ทำไมหนอทำไมใยรักเธอ
เออความรักนี้มาแปลกแปลก
แรกแรกไม่ได้สนใจใยดี
ยิ่งนานนานไปใยจึงมีไมตรี
เป็นรักที่มีให้จนหมดใจ
เออความรักนี้เป็นครั้งแรก
ที่หลงไปรักชายแปลกหน้า
ไม่เคยได้พบเพียงยินวาจา
กับพาให้หลงรักหนักใจจริงเจ้าเอย
คิดถึงมากจ๊ะ..ฟ้าสีคราม / ผู้หญิงชั่งฝัน / และ คุณลุงมอมแมม ดูแลสุขภาพด้วยนะค่ะคุณลุงมอมแมม
25 มีนาคม 2548 13:56 น.
แก้วนีดา
ถึงเป็นโสดแต่ไม่เศร้าโศก
หากชีวิตต้องรับบทโสดจริงๆ ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปดิ้นรนขวนขวายหาคว้าใครมาเป็นคู่ชีวิต
และไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าอาภัพอับอายอะไรที่ต้องอยู่เป็นโสด
ครองความเป็นสาวแก่ หรือหนุ่มเฒ่าแต่เพียงลำพัง
กลับจะดีเสียอีก ที่ไม่ต้องไปทนแบกรับภาระอันหนักอึ้งของการใช้ชีวิตคู่
และไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเจ็บปวดหรือสูญเสียจากการต้องถูกทิ้งขว้าง
หรือหึงหวงเมื่อคราวเกิดมีการนอกใจ หรือเกิดการพลัดพรากตายจากกันในวันหน้า
แม้แต่ความเหน็ดเหนื่อยในการต้องดิ้นรนสร้างงานสร้างรังรักก็เหนื่อยน้อย
ถึงแม้ญาติพี่น้อง เพื่อนพ้องรอบบ้านจะมองเราไปต่างๆ นานา
ถึงสาเหตุของการไร้คู่ ว่าเป็นเพราะชาติปางก่อนไม่เคยทำบุญร่วมชาติ
ตักบาตรร่วมขันกับผู้ใดมาก่อน จึงได้อาภัพคู่ หรือใครจะมองว่า
เราหยิ่งยโส เล่นตัว เลือกมาก หรือจะเป็นเพราะเหตุอื่นๆ ก็ช่างเขา
ใครจะคิด ใครจะมองเราอย่างไรก็ช่าง มันเป็นเรื่องที่เขาคิดกับเราได้ทั้งนั้น
ไม่ใช่เรื่องแปลกและไม่ใช่เป็นเรื่องที่ชวนให้น่าอาภัพอับอาย
จนเราต้องเก็บตกนำมาคิดให้เกิดเป็นปมด้อยทางใจขึ้น
เป้าหมายของชีวิต ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตคู่เพียงอย่างเดียว
แต่ต้องขึ้นอยู่ด้วยการใช้ชีวิตอย่างไม่มีทุกข์ ไม่มีโศกด้วยจึงจะนับว่า
เราได้ใช้ชีวิตที่เกิดมาอย่างสมค่า สมราคาของการเป็นมนุษย์ผู้เกิดมาเพื่อความไม่เป็นทุกข์
เส้นทางชีวิตคู่กับทางของคนโสด แม้จะมีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันบ้างก็ตาม
แต่หากเส้นทางใดก้าวเดินไปแล้วเป็นบ่อเกิดแห่งสติปัญญาอันจะนำพาให้เราดับทุกข์ในชีวิตได้
เส้นทางนั้นนับว่า เป็นทางที่ประเสริฐสูงสุด และหากว่าทางใด ยิ่งเดินเหมือนยิ่งนำพาให้ชีวิตเราตกต่ำ
เกิดความมืดมนเร่าร้อนทรมาน ดุจดังถูกจองจำ ก็ขอให้เราได้ฉุดคิดสักนิดหนึ่งว่า
ชีวิตนี้เราเกิดมาเพื่อเป็นทุกข์ทรมานกลัดกลุ้มใจ หรือเกิดมาเพื่ออะไรกันแน่.
.....................................................
...เฮ้อ..ถามอยู่ได้
ถ้าเธอถามฉันว่ารักเธอไหม
ฉันตอบเธอได้ว่ารักเธอหมดใจ
ถ้าเธอถามฉันว่ารักเธอด้วยเหตุผลใด
ฉันตอบเธอไม่ได้เพราะรักนั้นไร้เหตุผล
ถ้าเธอถามฉันว่ารักเธอที่ตรงไหน
ฉันตอบเธอได้ว่ารักเธอที่มีความจริงใจ
ถ้าเธอถามฉันว่ารักเธอมากเท่าใด
ฉันตอบเธอได้ว่ารักฉันที่มีให้เท่าชีวี
ถ้าเธอถามฉันเพื่อขอยืนยันความจริงใจ
ฉันก็ได้มอบให้กับเธอไปแล้วนี่ คนดี
ใยเธอเฝ้าถามฉันมากนักละคุณพี่
ชั่วชีวีของฉันนี้มีรักให้แต่เธอ..เฮ้อ..ถามอยู่ได้.
3 คำที่จะนำมาฝากจ๊ะ..1. รัก 2. รัก และ3. รัก อิอิอิ
24 มีนาคม 2548 14:25 น.
แก้วนีดา
เพียงแค่ฉากหนึ่งของชีวิต
บทบาทของการเป็นสามีหรือภรรยานั้น เป็นเพียงแค่ฉากหนึ่งของชีวิต
ที่ถูกธรรมชาติของการสืบพันธุ์ดึงดูดให้เข้ามาใช้ชีวิตร่วมกัน
เพื่อจะได้ศึกษาเรียนรู้กันและกัน จนเกิดการเข้าใจในความหมายของคำว่า ชีวิตนี้เกิดมาทำไม
และชีวิตนี้ควรจะอยู่เพื่ออะไร มิใช่อยู่ร่วมกันแล้วคอยแต่จะคิดดึงดัน
หึงหวงหน่วงเหนี่ยว เพื่อจะยึดครองชีวิตของกันและกันอย่างไร้สาระ
เมื่อสามี ภรรยา หรือสิ่งอื่นๆ ต้องแปรเปลี่ยนไป
เราอย่าไปทุกข์ใจ กลุ้มใจกับสิ่งนั้นๆ ให้มากเกินไป
เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่เพิ่งจะเกิดมีขึ้นในภายหลัง
หรือแม้เราจะสมหวังในทุกๆสิ่งที่หวัง สิ่งนั้นก็ยังเป็นของโลก
หรือต้องผิดหวังกับบางสิ่งที่ฝันไว้ สิ่งนั้นก็ยังเป็นของโลก
ถึงแม้ตัวเราเองก็ตามเถอะ เมื่อถึงเวลาที่ต้องไปคนเดียว
ยังต้องทิ้งร่างให้ไว้กับโลกเพราะ. เราเป็นของโลกอีกเช่นกัน.
....................................................................................................
มาลัยรัก
อยากจะเก็บดวงดาวที่พราวแสง
เก็บด้วยแรงแข็งขันอันสดใส
ใส่ตะกร้าเกี่ยวก้อยร้อยมาลัย
เพื่อส่งให้แด่เธอที่เพ้อหา
เอาสายรุ้งที่แสนสวยรวยเสน่ห์
เป็นสายเร่รักลอยร้อยมาลา
เสียบสวยสวยด้วยดาวราวร้อยวา
แล้วเอามาใส่ใจฉันนั้นถึงเธอ
อยากชวนเธอไปนั่งหลังดวงจันทร์
เธอกับฉันสองเราเฝ้าปรนเปรอ
แต่คำรักจักถ้อยร้อยละเมอ
เฝ้าพร่ำเพ้อเธอฉันนั้นรักกัน
อยากชวนเธอนั่งเมฆวิเวกฟ้า
มองลงมาที่โลกสวยด้วยสุขสันต์
เราสองคนเคียงคู่อยู่ใกล้จันทร์
ด้วยใจมั่นรักกันนิรันดร