27 มิถุนายน 2553 13:47 น.
แก้ว กลางไพร
ฉันเป็นเพียงคนเดินดินตามถิ่นนี้
มีบางทีอาจหลงทางอย่างเหงาเหงา
ก็แค่คนเดินดินถิ่นบ้านเรา
มีใครเขาเข้าใจคงไม่มี
เขียนกลอนเศร้าเขาว่าบ้าน่าอายหนอ
กลอนรักก็เพ้อเจ้อกระไรนี่
ไร้สาระไร้แก่นสารฉันไม่มี
กลอนดีๆอย่างใครเขาเราไม่จำ
กลอนธรรมะกลอนภาษิตคิดไม่ได้
ช่างน่าอายเหลือเกินเจ้าคมขำ
แต่บทกลอนที่ฉันเขียนเพียรประจำ
คือกลอนช้ำกลอนหม่นหมองลองอ่านกัน
ถ้าผิดพลาดพลั้งไปอภัยเถิด
ด้วยฉันเกิดหงอยเหงาเศร้าโศกศันต์
กลอนที่เขียนจึงหงอยเหงาเศร้าจาบัณท์
อย่าว่ากันเลยคนดีที่ออกตัว
27 มิถุนายน 2553 13:21 น.
แก้ว กลางไพร
ขอบันทึกจารึกเขียนถึงแม่
ลูกอ่อนแอเกินกว่ามาแก้ไข
อยากจะเก็บความช้ำนี้ที่หัวใจ
สุดหวั่นไหวเกินจะรับกับเหตุการณ์
อยากจะบอกกับแม่พ่อให้รับรู้
แต่คิดดูท่านคงเศร้าเราสงสาร
จึงต้องเก็บความหงอยเหงาเศร้าดวงมาลย์
แม้ร้าวรานเพียงใดใจต้องทน
ต้องฝืนยิ้มเริงร่าหน้าตาชื่น
ความขมขื่นเก็บไว้ใจหมองหม่น
อยากจะบอดแม่เหลือเกินลูกทุกข์ทน
แต่อับจนคำบอกเล่าเราไม่มี
ขอเพียงแต่แม่รับรู้ว่าลูกสุข
เก็บความทุกข์ไว้ในดวงใจนี้
แม้อ่อนแอเกินจะรับกับชีวี
ควรหรือที่บอกแม่เราให้เศร้าใจ
27 มิถุนายน 2553 11:53 น.
แก้ว กลางไพร
ขอเชิดชูครูกลอนสุนทรภู่
บรมครูเอกกวีศรีสยาม
ทั้งโคลงฉันท์กาพย์กลอนอักษรงาม
ระบือนามสุนทรภู่ครูกวี
ยี่สิบหกมิถุนามาบรรจบ
ขอน้อมนบครูกลอนอักษรศรี
ร่วมรำลึกกตัญญูกตเวที
ด้วยวลีแทนมาลัยให้ครูกลอน
ท่านเป็นยอดกวีศรีสยาม
ระบือนามเลื่องลือสื่ออักษร
สุภาษิตคติธรรมล้ำคำกลอน
คำสั่งสอนชวนให้คิดติดตามกัน
ขอวันทาครูกวีนี้อีกหน
ขอท่านดลบันดารให้ตามใจฝัน
ด้วยใจรักอักษรบทกลอนนั้น
ขอครูท่านช่วยบันดารผลงามมี
มาช้าไป 1 วัน .....ขอร่วมรำลึก และ ขอพร ด้วยคนค่ะ