17 มกราคม 2551 12:34 น.
แก้ว กลางไพร
วิเวกแว่วแผ่วบรรเลงเป็นเพลงหวาน
แทรกสู่ม่านเมฆาถึงดาหวัน
กระซิบซาบหวาบหวามยามรำพัน
ชำมะเรียงเคียงใครนั้นอย่าหวั่นเลย
ถึงสวยเด่นเช่นดาราฟ้าจับจ้อง
หลายคนมองปองดวงจิตคิดเฉลย
ไม่ลืมต้นไม่ลืมใบไม่ลืมเลย
ขอเอื้อนเอ่ยชำมะเรียงเคียงคู่ดิน.
17 มกราคม 2551 12:30 น.
แก้ว กลางไพร
จากบ้านไร่ไป ก.ท. ท้อดวงจิต
ด้วยใจคิดกลัวเสียคนจิตหม่นหมอง
กลัวถูกหลอกชอกช้ำน้ำตานอง
แต่จำต้องจากไกลใจซบเซา
ด้วยนาล่มตรมหทัยไม่ขออยู่
จึงจำสู้ดวงชะตาทิ้งป่าเขา
สู่ กทม.ขอบรรเลงเพลงเบาเบา
เป็นเพลงเศร้าเคล้าผสานถึงบ้านเรา.
9 มกราคม 2551 07:37 น.
แก้ว กลางไพร
ฉันนี้เป็นเพียงครูอยู่บ้านนอก
มือจับชอล์กอยู่กลางป่าพนาสน
คิดถึงเธอม.ศ.วท้อกมล
น้ำตาหล่นด้วยรักร้างรักห่างไกล
ไหนเธอเคยสัญญาว่ารักมั่น
ใยแปรผันเปลี่ยนดวงจิตคิดหมองไหม้
คนว.ค.อย่างเราแสนเศร้าใจ
น้ำตาไหลด้วยรักร้าง..แสนห่างไกล.
9 มกราคม 2551 07:34 น.
แก้ว กลางไพร
เธออยู่ไหนใยไม่มาหาฉันบ้าง
รักแรมร้างหรือไรใยห่างเหิน
เธอปล่อยฉันเพียงลำพังตามทางเดิน
ให้เผชิญกับขวากหนามอีกตามเคย
ไหนเธอบอกว่าจะอยู่เคียงคู่ฉัน
จะรักมั่นร่วมเรียงเคียงเขนย
แต่ทำไมเธอจึงถึงเฉยเมย
ความรักเอ๋ย..พึ่งประจักษ์..รักหลอกลวง.
9 มกราคม 2551 07:25 น.
แก้ว กลางไพร
เราเกิดมาชาตินี้มีแต่เศร้า
ด้วยใจเบาหลงคารมเขาชมชื่น
จึงชอกช้ำน้ำตานองต้องกล้ำกลืน
สุดจะยืนหยั่งอยู่ดูหน้าใคร
ด้วยเขาไปเป็นอื่นใจขื่นขม
สุดระทมตรมชีวาพาหมองไหม้
เหลือแต่เพียงพยานรักประจักษ์ใจ
น้ำตาไหล...ดวงชะตา...อาภัพจริง.