12 ตุลาคม 2546 18:44 น.
แก้ว กรุงเก่า
ยำเมียหนี...จานนี้มีความหมาย
เมียใจร้ายยามรักน้ำผักหวาน
เคยอยู่ร่วมชายคามาช้านาน
กลับรำคาญบ่นผัวนี้ไม่มีน้ำยา
คำเหน็บแนมยามเบื่อ...มะเขือเผา
ทำให้เราร้อนรนเหมือนคนบ้า
เข้าครัวลบคำเหน็บแนมแกล้มสุรา
เถอะวันหน้าเธอก็คงง้อเรา
มะเขือยาวเท่าทุนคุณเจ้าขา
เลือกซื้อหาเจ้าประจำนำมาเผา
สุกแล้วปอกเปลือกออกลอกเบาเบา
หั่นชิ้นเท่าเท่ากันจานเรียงราย
ปรุงน้ำยำรสดีสูตรมีอยู่
พริกขี้หนู น้ำปลาดี เขามีขาย
น้ำมะนาว กระเทียมดอง น้ำตาลทราย
กระเทียมโทน หาได้ นี่ของดี
เปรี้ยวเค็มหวานชิมไปคงได้ผล
กุ้งแห้งป่นโรยไว้จนได้ที่
หอมแดงซอยสดสดชูรสดี
กุ้งสดมีลวกสุกคลุกเคล้าไป
ราดน้ำยำบนเนื้อมะเขือเผา
สูตรของเก่านิยมแกล้มต้มไข่
หรือหมูสับลวกสุกก็ตามใจ
โรยด้วยใบสะระแหน่แค่นี้พอ
บรรจงปรุงรสหวานผสานรัก
หวังเธอจักกลับเคหามาร่วมหอ
กล้ำกลืนทุกข์ทุกค่ำเช้าเฝ้าแต่รอ
เมื่อไรหนอรักที่เลือนจะเหมือนเดิม
................
ยำมะเขือยาว
เครื่องปรุง
- มะเขือยาว 2 ลูก
- กระเทียมโทนดองผ่าครึ่ง (ลูกเล็กใช้ทั้งลูก) 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 6 หัว
- กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งกุลาดำปอกเปลือกลวก 8 ตัว
- พริกขี้หนูสวนบุบ 8 เม็ด
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบสะระแหน่
วิธีทำ
1.นำมะเขือยาวมาเผาลอกเปลือกออก หั่นเป็นท่อน 1 1/2 นิ้ว เตรียมใส่จานไว้
2.ในชามผสม ผสมน้ำปรุงโดย นำพริกขี้หนูบุบ น้ำปลา น้ำตาลทราย น้ำกระเทียมดอง กุ้งแห้ง มาผสม
ให้เข้ากัน รสชาติของน้ำปรุงควรจะเปรี้ยวเค็ม หวานเท่า ๆ กันและมีกลิ่นกระเทียมดองอยู่ในนั้นด้วย
3.ตักน้ำปรุงส่วนหนึ่งราดมะเขือยาวเผาที่ในจาน
4.โรยหน้าเป็นชั้น ๆ ไปโดยเริ่มด้วยหอมซอยตามด้วยกุ้งที่ลวกแล้วและคลุกมากับน้ำปรุง
โรยหน้าต่อด้วย กระเทียมโทนราดน้ำปรุงที่เหลือไปบนยำ โรยหน้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยใบสะระแหน่
** อาหารจานนี้เมื่อโบราณจะเสิร์ฟด้วยไข่ต้มผ่าเป็นเสี้ยวและหมูสับลวก
9 ตุลาคม 2546 21:21 น.
แก้ว กรุงเก่า
ต้มส้มปลากระบอก...............กระบิดกระบวน
ชมชื่นชิมเชิญชวน..............ใช่ช้า
หวานเปรี้ยวเค็มครบถ้วน........แถมเผ็ด
รสอร่อยมีคุณค่า...................ของขิง เครื่องเคียง
กาพย์ยานี 11
ปลากระบอกสดสด...............ต้มส้มซดเมื่อร้อนร้อน
ยามบ่ายแดดอ่อนอ่อน...........นั่งพักผ่อนเบียร์เย็นเย็น
เครื่องปรุงแบบไทยไทย.........ปลาสดใหม่แบบเป็นเป็น
ขิงสดหั่นเส้นเส้น..................พริกชี้ฟ้าหั่นฝอยฝอย
หอมหั่นเป็นท่อนท่อน.............ผักชีค้อนหน้าลอยลอย
หอมแดงเจียวไว้คอย............น้ำมันพืชน้ำปลาดี
น้ำพริกที่ใช้แกง....................จักสำแดงกลวิธี
พริกไทยรากผักชี..................โขลกให้ดีพร้อมหอมแดง
ขิงสดสักเล็กน้อย.................ตำบ่อยบ่อยตำแรงแรง
กะปิกับเกลือแกง..................สูตรหมึกแดงเขาแนะนำ
การปรุงไม่ยุ่งยาก.................อร่อยปากอยากให้หม่ำ
แต่นี้วิธีทำ............................หม้อใส่น้ำยกตั้งไฟ
อีกเตาผัดเครื่องแกง.............ไฟอย่าแรงเดี๋ยวจะไหม้
ผัดมาและผัดไป....................พอหอมใส่ลงหม้อแกง
พอเดือดจึงใส่ขิง..................กลิ่นหอมยิ่งรสร้อนแรง
น้ำปลาเครื่องปรุงแสดง..........มะขามเปียกและน้ำตาล
น้ำเดือดจึงใส่ปลา..................รอคอยท่าอย่ารนราน
ปลาสุกพอประมาณ................ใส่ต้นหอมโรยผักชี
หอมเจียวตักโรยหน้า...............พริกชี้ฟ้าโรยอีกที
ชิมรสต้องพอดี.....................ทั้งสามรสซดคล่องคอ
เปรี้ยวหวานเค็มรสเด็ด............แทรกขิงเผ็ดเล็กน้อยพอ
กลิ่นหอมน้ำลายสอ..................ใครอยากขอชิม...ขอเชิญ
.........................................
ต้มส้มปลากระบอก
เครื่องปรุง
- ปลากระบอกหนัก 300 กรัม 1 ต้ว
- น้ำ 3 ถ้วย
- น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
- ขิงหั่นฝอย 1/4 ถ้วย
- พริกแดงหั่นฝอย 1 เม็ด
- ต้นหอมหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ 2 ต้น
- ผักชีหั่นหยาบ ๆ 1 ต้น
- หอมแดงเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องปรุงน้ำพริก
- พริกไทยเม็ด 7 เม็ด
- ขิง 3 แว่น
- หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย
- รากผักชีหั่นละเอียด 2 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
*** โขลกเครื่องปรุงน้ำพริกทั้งหมดเข้าด้วยกัน
วิธีทำ
1 ขอดเกล็ดปลา ผ่าท้องเอาไส้ออก ล้างทำความสะอาด หั่นเป็น 4 ชิ้น ใส่น้ำลงในหม้อตั้งไฟ
2 นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันลงไป พอร้อนใส่เครื่องน้ำพริกที่โขลกไว้ลงผัดพอหอม แล้วตักใส่ ลงในหม้อ พอเดือดใส่ขิงลงไป
3 ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ พอเดือดอีกครั้งใส่ปลาลงไป พอปลาสุก ใส่ต้นหอม ตักใส่ถ้วยโรยหน้าด้วยผักชี หอมเจียว พริกขี้ฟ้าแดง
5 ตุลาคม 2546 20:47 น.
แก้ว กรุงเก่า
ต้มโคล้งปลาสลิดกับยอดมะขามอ่อน
เครื่องปรุง
- ปลาสลิด 4 ตัว
- ยอดมะขามอ่อน พอประมาณ
- น้ำมะขามเปียก พอประมาณ
- น้ำปลา พอประมาณ
- น้ำซุปกระดูกหมู พอประมาณ
- หอมแดง 3 หัว
- พริกแห้งบางช้าง 4 เม็ด
วิธีทำ
1 นำปลาสลิดมาย่างไฟให้สุก จับปลาตั้งขึ้นใช้สันมีดเคาะเบา ๆ จนตัวปลาพอง แกะเอาก้างปลาออกให้หมด หั่นเป็นชิ้น ๆ ตัวละ 3 ชิ้น
2 หอมแดง และพริกแห้งเผาจนสุก นำพริกไปหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
3 น้ำซุปตั้งไฟพอเดือด บุบหอมเผาลงไปพร้อมกับพริกแห้งที่หั่นออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
4 ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะขามเปียก ชิมรสอย่าให้เปรี้ยวมาก จากนั้นใส่ปลาสลิดลงไป พอเดือดใส่ยอดมะขามอ่อนลงไป ทิ้งไว้ให้เดือดอีกครั้งยกลง เสิร์ฟร้อน ๆ
ต้มโคล้งปลาสลิด
กาพย์ฉบัง
ว่างว่างบ่ายวันอาทิตย์...........ซื้อปลาสลิด
มาทำต้มโคล้งหม้อไฟ
จึงเตรียมเครื่องปรุงทันใด.....หอมแดงหัวใหญ่
พริกแห้งบางช้างสี่เม็ด
ต้มโคล้งนี้รสไม่เผ็ด..............แต่มีทีเด็ด
ต้องทานร้อนร้อนก่อนใคร
ปลาสลิดนำมาย่างไฟ.............แกะก้างออกไป
พริกแห้งหอมแดงมาเผา
ยกหม้อใส่น้ำตั้งเตา...............หอมบุบทุบเข้า
ใส่ไปเมื่อน้ำเดือดดี
น้ำปลาเครื่องปรุงต้องมี.........มะขามเปียกนี้
ชิมรสอย่าให้เปรี้ยวไป
แล้วนำเนื้อปลามาใส่...............พร้อมกับเร่งไฟ
พอเดือดใส่ยอดมะขาม
เสร็จแล้วจึงตักใส่ชาม............นับหนึ่งสองสาม
ชนช้อนชื่นชมต้มปลา
ข้าวสวยร้อนร้อนยกมา............ตักแจกอย่าช้า
ล้อมวงเข้ามาเร็วไว
ยาดองของดียกไป.................ถูกอกถูกใจ
ลุงป้าน้าอาตายาย
ชีวิตเรียบเรียบง่ายง่าย...........สุขใจสุขกาย
ธรรมเนียมท้องนาน่าชม
หลีกเร้นวิถีสังคม...................วัตถุนิยม
ฉลฉ้อล่อล้อหลอกลวง
16 สิงหาคม 2546 19:48 น.
แก้ว กรุงเก่า
.........น้ำพริกปลาทูเจ้า........จัดแจง
กะปิกระเทียมพริกแดง.........โขลกเข้า
ปลาทูนึ่งพลิกแพลง............ทอดหรือ ย่างนา
จิ้มผักสดคลุกข้าว...............อร่อยล้ำ คำชม
๑...น้ำพริกปลาทู รสดีชิมดู รู้จักดัดแปลง เปรี้ยวเผ็ดเค็มหวาน
ทานดีมีแรง กะปิของแพง ใส่ไปอย่ากลัว
๒...พริกใส่พอเผ็ด มากน้อยกี่เม็ด ตามใจแม่ครัว ครกสากต้องเตรียม
กระเทียมอีกหัว โขลกให้ระรัว เรียบร้อยเร็วไว
๓...ปลาทูนึ่งสุก แกะเนื้อเคล้าคลุก กับน้ำพริกไป แล้วโขลกให้แหลก
ตักแจกทันใด ผักสดจานใหญ่ ข้าวสวยอีกจาน
๔...แต่มีเคล็ดลับ ขอกล่าวสำทับ อย่าเพิ่งรำคาญ อย่ากินคนเดียว
จะเปลี่ยวดวงมาลย์ อยากสุขสำราญ จงทานสองคน
๕...อิ่มหมีพีมัน พลันดวงตะวัน ลาลับทิวสน ค่ำนี้สายใจ
อย่าได้กังวล พี่อยู่ทั้งคน จะกล่อมน้องนอน
๖...ช้าโอละเห่ ขวัญเอยอย่าเห จากเรือนจากดอน ขวัญอย่าลาลับ
จงกลับคืนคอน ใจพี่อาวรณ์ ห่วงเจ้าเช้าเย็น
๗...หรีดหริ่งเรไร ส่งเสียงสดใส สุขใจที่เห็น ดวงพักตร์พิสุทธิ์
ดุจดวงจันทร์เพ็ญ เนื้อเอ๋ยเนื้อเย็น หลับเถิดคนดี
15 สิงหาคม 2546 21:11 น.
แก้ว กรุงเก่า
๑. ก้านบอนจืด*ที่เราเลือก นำมาปอกเปลือก
แล้วต้มให้สุกทิ้งน้ำ
๒. มะพร้าวขูดคั้นใส่ชาม กะปิมะขาม
น้ำตาล**ปลาป่นพริกแกง
๓. เครื่องพร้อมจงรีบจัดแจง เร่งไฟแรงแรง
เคี่ยวหัวกะทิทันใด
๔. นำพริกแกงใส่ลงไป แค่เพียงพอให้
เด็กเด็กกินได้พอดี
๕. ปรุงรสลองชิมอีกที อร่อยได้ที่
จึงนำบอน***ใส่ลงไป
๖. ผัดไปผัดมาเร็วไว หางกะทิใส่
แค่เพียงพอให้ท่วมบอน
๗. ควรรอให้เดือดเสียก่อน ปรุงรสแกงบอน
มะขามน้ำตาลใส่ไป
๘. แล้วโรยปลาป่นลงใส่ หากไม่ชอบใจ
เปลี่ยนเป็นเนื้อไก่เนื้อหมู
๙. สุกแล้วจึงชิมรสดู แล้วเคี่ยวสักครู่
จึงค่อยยกลงจากไฟ
๑๐. แกงบอนคนแก่ชอบใจ ลูกหลานทำให้
เคี้ยวง่ายเจริญอาหาร
๑๑. แกงบอนนี้ของโบราณ ทำมาช้านาน
อาหารในรั้วในวัง
๑๒. มีเกร็ดจะเล่าให้ฟัง เพื่อคนรุ่นหลัง
รู้จดรู้จำคำฉัน
๑๓. แกงบอนนี้ของรามัญ แรกเริ่มทำกัน
แพร่หลายไปทั่วถิ่นไทย
๑๔. ท่านว่ากินแกงบอนไป แล้วพูดเหลวไหล
จะให้คันปากนักหนา
๑๕. แก้เคล็ดให้กินน้ำปลา กล่าวขอขมา
จึงหายปากคันนั้นแลฯ
* บอนจืด บอนมี ๒ ชนิดคือบอนจืด (กินได้) และบอนคัน (กินไม่ได้)
**น้ำตาล แกงบอนนิยมใช้น้ำตาลปี๊บ
***บอน ในที่นี้ หมายถึง บอนที่ต้มสุกแล้ว