24 มิถุนายน 2546 23:25 น.
แก้ว กรุงเก่า
รถแล่นผ่าน โรงงาน บ้านซับม่วง
ให้นึกห่วง อาลัย แก้วใจจ๋า
ชื่อซับม่วง พ้องกับ ซับน้ำตา
พี่ต้องมา ซมซาน ห่างบ้านครอง
ถึงหนองจาน มองดู เป็นคูลึก
อึกกระทึก หญิงชาย เต็มฝายหนอง
หาปูปลา มากมาย เป็นก่ายกอง
บ้างเรียกร้อง ซื้อขาย อยู่ปลายคู
เขายายเที่ยง มองเห็น เด่นตระหง่าน
เป็นทางผ่าน มองไป ให้อดสู
ขึ้นเขายาย เที่ยงไป คงได้ดู
แล้วจะรู้ ว่าขึ้นยาก ลำบากจริง
ถนนคด และชัน ที่ฉันทึ่ง
ไม่ได้ครึ่ง เขายายเที่ยง เพียงเสี้ยวสิ่ง
แต่หากแม้ ขึ้นไปได้ สบายจริง
ทุกทุกสิ่ง เท่าที่รู้ เหมือนภูกระดึง
บ้านเขาน้อย เป็นย่าน ร้านค้าขาย
ล้วนเรียงราย กุ้งปลา ดูน่าทึ่ง
ปลากระทิง หมูกระทะ น่าตะลึง
ได้แต่อึ้ง เพราะหิวมาก อยากกินกลืน
ถึงลำตะคอง มองหา แก้วตาพี่
ก็เห็นมี แต่น้ำ ไร้ทรามชื่น
ยามเมื่อนอน หลับฝัน ทุกค่ำคืน
ยามเมื่อตื่น คิดถึงเจ้า ทุกเช้าเย็น
ถึงบ้านไร่ เนินดิน ป่าหินตัด
เขาแงะงัด เจาะไช เคยได้เห็น
แกะสลัก เป็นรูปใหม่ อย่างใจเย็น
แล้วขายเป็น กอบกำ จนร่ำรวย
ถึงโนนทอง น้องทำ พี่ช้ำหนัก
เพราะความรัก ยอมทน น้องคนสวย
สู้กัดก้อน เกลือไป ถึงไม่รวย
ไว้ถูกหวย ไต้ดิน คงยินดี
ถึงชุมทาง ถนนผ่าน เป็นย่านใหม่
ตัดใกล้ไกล ถึงกัน ได้เร็วจี๋
ทางซ้ายไป ชัยภูมิ โดยทันที
ทางขวามี เนินโคก ไปโชคชัย
24 มิถุนายน 2546 22:20 น.
แก้ว กรุงเก่า
หลานสาวย่า คนนี้ ที่มาดหมาย
อยากอิงแอบ แนบข้าง จนวางวาย
มอบใจกาย ทั้งชีวิต อุทิศยอม
หลานคนสวย ของย่า ช่างน่ารัก
งามยิ่งนัก กิริยา น่าถนอม
งามใจกาย น่าชม หากดมดอม
คงจะหอม ซึ้งค่า เยี่ยงมาลี
แม้ผิดคำ ที่กล่าวมา ย่าจงสาป
ให้มีบาป กรรมเข่น จนเป็นผี
หากแม้กล่าว จริงย่า จงปราณี
ให้สาวที่ เราใหลหลง ใจตรงกัน
หากแม้ย่า ไม่ช่วย คงม้วยแน่
หมดทางแก้ ทุกข์ใจ จนไหวหวั่น
หลานสาวของ คนอื่น เป็นหมื่นพัน
ไม่หมายมั่น เหมือนหลานย่า น่ากลุ้มใจ
ได้ข่าวดี ที่เพื่อนชาย จะได้บวช
เลิกแล้วดวด กวางหงส์ ที่หลงใหล
เป็นหลวงพี่ หลวงอา ห่มผ้าไตร
สำรวมใจ ปฏิบัติธรรม นำจิตตน
จำต้องจาก ขวัญใจ ไปโคราช
ขืดอืดอาด ชักช้า เพื่อนด่าป่น
วันนี้มี เพื่อนกาย ไปหลายคน
คงสุขล้น ถ้าพี่ มีเพื่อนใจ
รถออกจาก ปากช่อง ร้องเพลงเศร้า
ด้วยใจเรา รักมั่น เฝ้าฝันไฝ่
รักเขาหมด ทั้งตัว และหัวใจ
พี่ต้องไป หลายวัน นะขวัญตา.....
23 มิถุนายน 2546 22:18 น.
แก้ว กรุงเก่า
....เธอเป็นสาว ขาวสวย เดินนวยนาถ
ช่างงามบาด ตาชาย ที่หมายจ้อง
พี่เป็นหนุ่ม แปลกหน้า ไม่กล้ามอง
คงได้ปอง เพียงแต่เงา เศร้าฤดี
....เธอเกลือกกลั้ว บนกองทอง หน้าผ่องใส
พี่ยากไร้ เงินทอง มัวหมองศรี
เธอสมบูรณ์ พูนสุข ทุกนาที
ตัวพี่มี เพียงตัว กับหัวใจ
....ได้แต่คิด แต่ว่า ไม่กล้าเอ่ย
จำนิ่งเฉย ทุกข์ทน จนหวั่นไหว
ต้องฝืนยิ้ม สู้ชะตา ก้มหน้าไป
หวังเพียงให้ โชคหนุน บุญนำพา
....จนหลายวัน ผ่านไป จึงได้เห็น
แม่เนื้อเย็น ของพี่ ที่พร่ำหา
พ้นดักแด้ มีปีก งอกออกมา
ใช้ขาหน้า ถูกัน เหมือนฉันเลย
....เธอสวมหมวก หัวเขียว สายเดี่ยวด้วย
เธอช่างสวย บาดใจ ใคร่เฉลย
ตอนเป็นหนอน ไงเล่า ขาวจริงเอย
ตอนนี้เลย เปลี่ยนแปลง เป็น...แมลงวัน...
23 มิถุนายน 2546 18:09 น.
แก้ว กรุงเก่า
สิบนิ้วประณตน้อม บูชา
ต่างธูปเทียนมาลา กราบก้ม
แด่...ครูกวีผู้ปรีชา สุนทรภู่
เรียงถ้อยร้อยรจน์สม สืบสาน กานท์กลอน
สิบนิ้วต่างธูปเทียน ตั้งจิตเพียรบูชาครู
ก้มกราบ..สุนทรภู่ ครูกวีสี่แผ่นดิน
ขอจรดร้อยรจน์กาพย์ จารึกภาพที่จับจินต์
หลายหนเคยยลยิน ซึมซับสิ้นมิรู้คลาย
กลอนพระอภัยมณี นิราศมีอีกมากมาย
ภาษิตสอนหญิงชาย เพลงยาวร่ายหลายบทตอน
คำคมสมสัมผัส ประจักษ์ชัดตัวอักษร
ซึ้งค่ายามว่ากลอน คมคำสอนคมสำนวน
จดจำเป็นคำครู ระลึกรู้ตามที่ควร
ใส่ใจไม่เรรวน ไพเราะล้วนเพราะผลบุญ
ร้อยคำนำมารจน์ เสนาะพจน์สนองคุณ
สืบสานกลอนกานท์สุนทร์ คารวะจอมกวี
22 มิถุนายน 2546 13:16 น.
แก้ว กรุงเก่า
.....ยี่สิบหก มิถุนา เวียนมาครบ
ขอนอบนพ น้อมนำ ทำกุศล
พระไตรรัตน์ เทพไท้ ในเบื้องบน
บันดาลดล สดุดี ศรีสุนทร
ผู้สร้างสรรค์ วรรณศิลป์ ปิ่นกนก
เป็นมรดก ค่าล้ำ คำสั่งสอน
ทั้งเสภา สุภาษิต บทละคร
เพลงยาวกลอน นิราศ คู่ชาติไทย
.....ท่านเกิดที่เมืองแกลงแขวงระยอง
ได้ยกย่องเป็นกวี สี่สมัย
เรียนที่วัดชีปะขาวในเยาว์วัย
เริ่มงานในกรมพระคลังก่อตั้งกาย
ครั้ง ร.๒ ครองราชโปรดปราชญ์ภู่
ให้เป็นครู ฟ้าอาภรณ์* แต่งกลอนถวาย
สวัสดิรักษาคำกลอนสอนเจ้านาย
ความดีได้ให้คุณ ขุนสุนทร**
.....ต้องตกอับลาออกใน ร.๓
สู่อารามพึ่งพระธรรมคำสั่งสอน
ต้องอยู่เรือแรมราในป่าดอน
เขียนบทกลอนเพลงยาวแลกข้าวกิน
ช่วงลำบากท่านมักมีกวีบท
เห็นภาพพจน์จับใจใคร่ถวิล
นิราศทั้งเก้าเรื่องใครหากได้ยิน
ซึ้งจับจินต์สุขล้นต้องมนต์ตรา
นิราศภูเขาทองของขวัญมิ่ง
เป็นยอดยิ่งนิราศคำล้ำคุณค่า
อีกนิทานคำกลอนสอนกัลยา
ใครนำพาเป็นยอดหญิงมิ่งขวัญใจ
.....ได้พระคุณหนุนรับ เทพอัปสร***
ท่านครูกลอนเหมือนฟ้ามาโปรดใหม่
ได้ลืมตาอ้าปากไม่ยากใจ
ต่อมาใน ร.๔ ท่านปรีดา
โปรดให้รับราชการกรมอาลักษณ์
ได้ยศศักดิ์พร้อมพรั่งที่วังหน้า
"พระสุนทรโวหาร" มีบัญชา
เป็นบรรดาศักดิ์สุดท้ายท่านได้มี
.....ผลงานท่านมากมายมีหลายเรื่อง
เพื่อประเทืองปัญญาบุญราศี
เช่นบทกลอนเรื่องพระอภัยมณี
เห่กากีเห่จับระบำท่านชำนาญ
เรื่องโคบุตร ลักษณวงษ์คงจำได้
นิราศหลายเรื่องราวที่เล่าขาน
นิราศเรื่องเมืองแกลงแต่งมานาน
ตั้งแต่กาลเมื่อครั้งยังหนุ่มเยาว์
เป็นนิราศเรื่องแรกที่แตกต่าง
แต่งระหว่างเดินป่าภูผาเขา
ด้วยคิดถึงบิดาท่านไม่บรรเทา
ที่แก่เฒ่าอยู่ป่าดงคงขาดแคลน
อีกสุภาษิตสวัสดิรักษา
ทั้งเสภาเรื่องขุนช้าง-ขุนแผน
ตอนกำเนิดพลายงาม เล่าความแทน
จงหวงแหนและรักษาปัญญาไทย
.....ขอก้มกราบครูกลอนสุนทรภู่
เป็นยอดครูแห่งกวีที่ยิ่งใหญ่
โลกรับรู้ศักดิ์ศรีกวีไทย
ยกย่องให้เกียรติ์ล้นบุคคลสำคัญ****....
*สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ ๒
**ขุนสุนทรโวหาร กรมอาลักษณ์ รัชกาลที่ ๒
***กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๓
****ได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกเป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านงานวรรณกรรม เมื่อ พ.ศ. 2529
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%B9%E0%B9%88