22 มิถุนายน 2551 11:18 น.
เฮาชาวดอย
(สัททุลวิกกีฬิตะฉันท์๑๙)ประกวดโครงงาน
โสรจสรงธรรมศิริฤกษ์บุรพทิศ ตาวันสิทรงฤทธิ์
อรุณ
ขอนอบนบชุลิกรานพนมหตถคุณ อาจารย์นุกอปรกุล
ประพัฒน์
ข้าขอกล่าวดิถิกาลเสนอนิเทศทัศน์ โครงงานผญาจัด
ทำกล
แลอีกโครงงานคณะกรรมการกรุณผล สงสารนะสักหล
ปรานี
แต่งต้อนรับกรรมการ ได้รับเสียงปรบมือเพรียบเลยครับ
19 มิถุนายน 2551 05:34 น.
เฮาชาวดอย
จงยกยอความทะเยอทะยานของข้าพเจ้า
ความก้าวร้าวห้าวหาญไร้การศึกษา
ความฝักใฝ่ใหญ่ยิ่งทิ้งปัญญา
และเศษคนไร้ค่ากว่าแสนคน
ประเทศชาติใช่ของเล่นเช่นกระดาษ
ใช่อำนาจใช้ได้ในทุกหน
เหล่าประชาคือปราการอันทานทน
ประเทศใช่ถนนเดินขบวน
จะวันฟ้าสวยควายปลดแอก
แล้วเสียงแคนชำแรกโรยระโหยหวน
ปลดสนธิทักษิณปลดโซ่ตรวน
มาหันหูทวนสวนทางลม
ความอุจาดชาติเน่าเป็นของแน่
โดยเกิดความทะยานใหญ่ไทยขื่นขม
ความโลภมากกาฝากของโลกกลม
สร้างสังคมโสมมจมกองกูล
ประชาชนไร้ปัญญามาหลงเชื่อ
พงศ์เผ่าเชื้อคนคดจงหมดสูญ
พันธุ์คนกินคนโกงจงเพิ่มพูน
เศษป่าปูนเศษโลกโสโครกคน
แม้นแลกไทยสันติภาพด้วยคราบเลือด
จะขอเชือดกระเสือกใส่ไม่สับสน
แม้จะแลกด้วยร่างอย่างทุกข์ทน
ขอถวายชนม์ชีพข้าบูชาไทย
13 มิถุนายน 2551 12:05 น.
เฮาชาวดอย
แดนเขาที่กางกั้น ใช่จะกันสองดินแดน
น้องพี่มีล้านแสน ผู้ทุกข์ยากลำบากใจ
แผ่นดินเขายึดครอง แต่สมองเป้นของไผ
ของเฮาใช่ของใคร เฮาใช่ควายตะพายพา
พี่น้องเหนืออีศาณ เฮาสิทานยืนสองขา
สร้างสมอุดมา จากต้นหญ้าที่เกรียงไกร
หยั่งรากลงฝังลึก โดยสำนึกจากเชื้อไข้
สืบสานตำนานไพร ประดับค่าให้ป่าดง
เขาย่ำเขาเหยียบว่า ไอ้คนป่าผู้ลาหลง
เพียงเงินกูหว่านลง ก็หมอบราบมือกราบตีน
พี่น้องมีศักดิ์ศรี เงินไม่ชี้ใช่ขาดศีล
สองเท้าอาจก้าวปีน เจ้าคนกล้าชาวนาเอย
เงินตราอาจหายาก ความกล้าหากใครเปิดเผย
แผ่นดินไม่กว้างเลย หากเฮากล้าข้ามปราการ
หมู่เฮาผู้ทุกข์ยาก ความลำบากเฮาเคยผ่าน
ต้องเข้มให้เต็มงาน เพื่อสืบสานความเป็นไทย
ตัวเฮาเคยเห็นทุกข์ ทั้งเห็นสุขอันสุกใส
แล้วยังเห็นน้ำใจ อันงามล้ำเกินคำคม
คนยากมากไมตรี บ่มเสรีที่ศรีสม
ใช่ปั้นฝันลมลม ด้วยเขารักในศักดิ์ศรี
10 มิถุนายน 2551 21:15 น.
เฮาชาวดอย
นี่แหละสังคมไทยในยุคโลกาวิวัฒน์
เอื้อมจับพระอาทิตย์ มารอนริดรัศมี
รวบเก็บผืนนที มาเป็นทาสนักการเมือง
ดวงดาวพราวผืนฟ้า อีกจันทราสีนวลเหลือง
มีไว้ก็เปล่าเปลือง ต้องเป็นเครื่องมือของเรา
ประชาคือปราการ ใครคัดค้านมันโง่เขลา
ดอยกล้าว่าของเรา เพียงกูเหยียบก็ย่อยยับ
ชนใดที่คัดค้าน เงินกูหว่านก็รานหลับ
เห็นกูสูคำนับ สิ้นหนนี้ศักดิ์ศรีเหวย
อำนาจชาติสี่เท้า ทุกชนเขาต่างชมเชย
ชนนั้นก็ไม่เคย จะเข้าใจในใจคน
อหังการทางความคิด ที่ลิขิตจะเกิดผล
แต่ว่าประชาชน ต้องไม่ไร้ในปัญญา
ความคิดถูกกักขัง สมองยังด้วยหัตถา
ถือเกิดกำเนิดมา เพื่อความตายเป็นเท่านั้น
คารวะวีรชน ผู้กล้าค้นกล้าเปลี่ยนผัน
ชาวบ้านบางระจัน ที่สะท้อนสังคมใคร
วีรบุรุษแห่งภูพาน สร้างตำนานอันยิ่งใหญ่
พคท.เสรีไทย จารึกไว้ในแผ่นดิน
2 มิถุนายน 2551 18:09 น.
เฮาชาวดอย
จุดซ่อนเร้น
ฉันมองเห็นการเข่นฆ่าสารพัด
ภาพของสัตว์ถูกมัดขาเลือดถาไหล
กับเสียงก้องกัมปนาทก่อนบรรลัย
แล้วเลือดเริ่มจางใสก่อนสิ้นลม
ตะวันเริ่มเรืองรับกับวันใหม่
กับคำลาอาลัยอันขื่นขม
โลกหมุนเปลี่ยนเวียนไปด้วยโลกกลม
แต่รับชมแต่ละศพลงทบดิน
รติกาลหวานไหวใครอาจฝัน
สรวงสวรรค์แสงสายนิยายศิลป์
หรือวันชื่นคืนวันอันสมจินต์
และการรอจะสิ้นใจในราตรี
ผูกขาไขว้ขัดล้มแล้วค้อนฟาด
แล้วควงมีดแหลมวาดลงฉาดสี
เลือดกระเซ็นเอ็นกระตุกเปรอะคลุกคลี
กับรอยยิ้มอิ่มพีของผู้คน
แต่ละครั้งแต่ละคราพื้นทาเลือด
แต่ละเชือดเลือดพร่านกระเสือกกระสน
ปวงทวยเทพสังเวยจากปวงชน
เสพกุศลบูญญาสัตว์ทารุณ
เป็นเครื่องเซ่นสังเวยเกยเรียงหัว
โดยเทพชั่วสังเวยเซ่นเป็นจอมขุน
กระนั้นคนว่าได้พึ่งใบบุญ
พึ่งอะไรในคุณเครื่องสังเวย
จากมุมหนึ่งกึงก้องห้องฆ่าสัตว์
และพิธีพีรพัฒน์จากสรวงเหวย
เปิดหลังม่านทั้งหลายให้โลกเชย
แม้คนเคยรับรู้อยู่ก็ตาม
มารับรู้ในสิ่งความจริงบ้าง
โลกยังกว้างกว่าฝันอันหวานหวาม
โลกใช่หยุดอยู่ที่มีความงาม
ใช่เพียงถามรักไหมฉันรักเธอ