31 ตุลาคม 2551 16:37 น.
เฮาชาวดอย
การศึกษาไทย
การศึกษาของไทยในวันนี้
เพียงการที่แข่งขันกันเป็นหนึ่ง
ไม่มีคุณธรรมให้คำนึง
ไม่มีสำนึกถึงความดีงาม
นักศึกษาสายเดี่ยวเที่ยวตามผับ
จารีตรับแต่หยาบนุ่งวาบหวาม
นี่คือปัญญาชนปรนเปรอกาม
ศึกษาทรามวัฒนธรรมต่ำจิตใจ
มีความรู้อันใดในหลักสูตร
มีคำพูดพร่ำวอนสอนไฉน
การศึกษาเสริมส่งตรงจุดใด
มุ่งเน้นในวิชาการผลงานตน
คงมีแต่เหยียดหยันและขันแข่ง
ไม่เปลี่ยนแปลงสมเพชในเหตุผล
การศึกษาคือเส้นแบ่งแห่งชั้นชน
เสี้ยมเขาคนชนกันมันเหมือนควาย
ดอกผักชีเบ่งบานเหมือนการวาด
แต่ยังขาดจิตสำนึกยังเลือนหาย
ขาดสามัญสำนึกจารึกลาย
มีความหมายอันใดในบทเรียน
ให้เหินห่างวรรณกรรมคำพื้นบ้าน
ด้วยอาจารย์ดูหมิ่นศิลปะเขียน
ให้ยึดตามสากลจนหัวเวียน
เพื่อจักเปลี่ยนเป็นทาสต่างชาติครอง
วันนี้เป็นไทหรือทาสของชาติอื่น
มีจุดยืนเหตุผลต้องทนสนอง
อยู่ไหนเล่าคุณธรรม์ไหนครรลอง
แผ่นดินทองของไทยไม่มีแล้ว
31 ตุลาคม 2551 16:29 น.
เฮาชาวดอย
ประทับ ใจเจ้าจำปา
ไม่มีการจำแลงแต่งสีสัน
บริสุทธิ์สายพันธุ์พงศ์ไม้ป่า
ประทับใจจดจำเจ้าจำปา
มีคุณค่าหอมกลิ่นประทิ่นใจ
ทั้งงดงามอ่อนหวานและหาญกล้า
เคยฟันฝ่าอดทนจนยิ่งใหญ่
เส้นทางแผ่นดินลาวนี้ยาวไกล
กว่าสีขาวอำไพจักเบ่งบาน
เดือนปีผ่านยังธำรงคงคุณค่า
คงจำปาเมืองลาวให้กล่าวขาน
รอยอดีตชอกช้ำคือตำนาน
เพื่อจดจารวีรกรรมของจำปา
ดอกสีขาวนี้หนอคือต่อสู้
สีขาวคู่เหลืองอ่อนซ่อนหาญกล้า
ประดับถิ่นกันดารตระการตา
มิเคยราโรยร่วงจากดวงใจ
ยลทุกครั้งยังประจักษ์ตระหนักจิต
ยังนิมิตนิทราคราฝันใฝ่
กลิ่นหอมนี้ถึงสวรรค์ครรลาลัย
ปลุกแผ่นดินหลับใหลให้ทระนง
หอมกลิ่นเลือดเศษเนื้อเนรมิต
ที่อุทิศประจัญอันสูงส่ง
หอมเสรีที่ตื่นและยืนยง
หอมจำปานอกกรงและธงชัย
หอมควันไฟกองเก่าที่เผาผลาญ
ยังหอมนานถึงเสรีชีวิตใหม่
บนสิทธิเส้นทางลาวแม้ยาวไกล
จักก้าวไปไม่สิ้นแผ่นดินลาว
29 ตุลาคม 2551 14:35 น.
เฮาชาวดอย
ดาวและดิน
บนดวงดาวดวงนั้นข้าฝันใฝ่
ดาวเสรีชีวิตใหม่ที่ใฝ่ฝัน
ในราตรีเหน็บหนาวรวดร้าวนั้น
มีความหวังมุ่งมั่นในปัญญา
มีเส้นทางแสงดาวอันพราวผ่อง
ทอดทางทองส่องให้ก้าวไปหา
ฉายให้เห็นเด่นชัดไฟศรัทธา
รับสายตาคู่นั้นอย่างมั่นใจ
งามแสนงามสวยเด่นเป็นที่หมาย
จักถ่อกายก้าวเดินก็เกินใฝ่
ระยะทางเหยียดยาวเกินก้าวไป
ยาวจนไหวหวั่นท้อขอลาพัก
ดาวยังเด่นอยู่บนฟ้านภาหาว
เส้นทางยาวหมื่นลี้นี้หน่วงหนัก
ความหวังมีอยู่ไหนท้อใจนัก
อุปสรรคเรียงรายรอพ่ายแพ้
ดาวคือดาวใช่ถิ่นแผ่นดินอยู่
จักเฟื่องฟูเพียงใดใครแหนแห่
ดาวไม่เคยมองดูผู้อ่อนแอ
ไม่เหมือนพระผู้แม่ธรณิน
ใช่สงบเพราะอาศัยใต้ดาวเด่น
แต่ร่มเย็นเป็นสุขเพราะแม่สิ้น
ทุกธัญญาอาหารในจานกิน
เกิดจากดินมิใช่ดาวอันพราวพราย
บนดวงดาวดวงนั้นที่ฝันใฝ่
ข้าจักไม่แสวงถึงซึ่งที่หมาย
จักตอบแทนแผ่นดินถิ่นเกิดตาย
แม้ชีพวายก็ขอสิ้นบนถิ่นนี้
ขอดวงดาวพราวพร่างอยู่กลางหาว
ข้ากินข้าวลำเค็ญรอเป็นผี
ขอกตัญญูรู้คุณแม่ธรณี
จักทำดีอยู่ดินกว่าสิ้นใจ
28 ตุลาคม 2551 05:48 น.
เฮาชาวดอย
แสงแห่งครูจันทร์แรมจักแจ่มดิน
กลางพายุโหมแรงแห่งปัญหา
กลางกฎหมายมาตราว่าครูเถื่อน
สูงส่งแห่งคุณธรรมยังย้ำเตือน
ครูจึงเคลื่อนพัฒนาปัญญาไทย
กลางตลาดค้าหญิงสิ่งเสพย์ติด
หนึ่งความคิดแน่วแน่จักแก้ไข
หนึ่งแรงเทียนหนึ่งศรัทธากล้าก้าวไป
ล้านอำไพอำนวยด้วยมือครู
ไม่มืดดอกคืนแรมจักแจ่มแจ้ง
จักแจ่มแสงปัญญากล้าต่อสู้
นามนี้ว่าจันทร์แรม ศิริคำฟู
จักกอปรกู้คืนแรมให้แจ่มตา
ถึงความรู้ครูนั้นชั้น ป.สี่
แต่สิ่งนี้ใช่กีดกันเป็นปัญหา
แม้มิได้สอนศิษย์ด้วยวิทยา
แต่ก็สอนให้รู้ค่าความเป็นคน
เราทบทวนปริญญามีค่าไฉน
มีน้ำใจที่ปริญญาน่าฉงน
ปริญญาคือชั้นปัญญาชน
อุทิศตนทำอะไรที่ได้มา
อีกทั้งทำผลงานอาจารย์สาม
ได้เรียนรู้งดงามความได้หน้า
หรือผดุงมุ่งมั่นในจรรยา
สร้างคุณค่าเศษกระดาษวาดวิมาน
แต่ว่าครู ป.สี่นี้อุทิศ
ชั่วชีวิตคืนวันที่ผันผ่าน
ยิ่งเคี่ยวเข้มสั่งสมอุดมการณ์
ยิ่งยาวนานยิ่งประหนึ่งจะถึงชัย
ไม่มีดอก ตำแหน่งแห่งเกียรติยศ
แต่ก็งอกงามงดอย่างยิ่งใหญ่
มีแต่จิตงดงามและน้ำใจ
อุดมการณ์ก้าวไกลให้โลกจำ
18 ตุลาคม 2551 05:51 น.
เฮาชาวดอย
มหากาพย์คนยาก
อรุณอร่ามโอ้ อุทัย
ปลุกภพโดยแสงไสว สว่างหล้า
ปลุกสัตว์ที่หลับใหล ลุกตื่น
อุบัติซึ่งบุษบกกล้า กลีบแย้มตระการ
สายธารกระหน่ำเข้า ฝั่งนที
ต้องแดดงามสัตตะสี จรัสแก้ว
ผืนทรายผุดมณี ทรายเพชร
สูรย์ส่องสู่ภพแพร้ว ประพัฒน์ฟ้าจากสรวง
ดวงมณีที่ทุ่งท้อง รวงทอง
ชูช่อโดยเหงื่อของ เกษตรผู้
น้ำเหงื่อที่กลั่นกรอง หอมกลิ่น
สองหัตถ์กรำกรากสู้ สู่ฟ้าสู่สมัย
ยุคใหม่เป็นยุคแก้ว พัฒนา
เป็นยุคการทะยานหา ประโยชน์รู้
เป็นยุคแห่งเงินตรา เป็นใหญ่
คนทุกข์จึ่งทุกผู้ อ่อนล้ารอตาย
ขายข้าวได้ค่าข้าว ถูกลง
ปุ๋ยกลับแพงขึ้นตรง ตลาดค้า
บ้างปลอมใส่ทรายผง ผสมส่วน
ชาวทุ่งรอพึ่งฟ้า กลับแล้งละอองฝน
ทนทุกข์เถิดเพื่อนผู้ กรำงาน
คืนค่ำจักยาวนาน นั่นแท้
พึ่งพาซึ่งสังขาร ตนเถิด
หวังรัฐกี่ยุคแก้ จักได้อันใด
อุทัยอุบัติเบื้อง บูรพา
เป็นแต่นิรันดร์มา เมื่อโน้น
ชาวทุ่งคู่ผืนนา เป็นคู่
ซากศพคนทุกข์โพ้น คู่ด้าวแดนสยาม