2 พฤษภาคม 2551 13:50 น.
เฮาชาวดอย
ใครหนอก่อโกงเมือง
คือวีรบุรุษผู้กล้า ผดุงธรรม
คือเพชรฉายฉาบนำ นับถ้วน
คราใดเมืองมืดดำ ดื่นดก
ครานั้นโลกทั้งโลกล้วน หลับใหล
ยามใดไพรพฤกษ์หล้า ล่มสลาย
หมากเมืองเปรื่องเรียงราย รุดล้ำ
ชนบทหมดสูญหมดสูญหาย ห่างถิ่น
ดอยสูงเมืองลึกกล้ำ กว่าไฉน
แปลงไปเปลี่ยนป่าโอ้ อาทวา
กว้างกว่าสุดสายตา ต่างกว้าง
เคยทับทึบเหลือตอกรา กว่าต่าง
เพียงไร่แลเวิ้งว้าง หว่างเดิม
สูงเสริมตึกเสียดฟ้า สรวงปูน
เศษซากเศษคนพูน กว่าหล้า
ป่าเมืองเฟื่องจำรูญ หลากสี สันแฮ
ผู้คนสับปลับหน้า เปลี่ยนสี
ไปดีเถิดผู้ปกป้อง ผืนป่า
ป่าเมืองรุกพนา เนิ่นแล้ว
คนผู้มีปัญญา ยังหลับ บ่ตื่น
ตื่นต่อสินบนแผ้ว พร่องไป
โฉมแต่งเพียงเห่าให้ หากประสา
แดกไปเห่าไปธรรมดา ด่าสิ้น
เทียบเวียงเทียบพนา พานึก
เทียบทีปส่องด่าวดิ้น แดนไกล
2 พฤษภาคม 2551 12:57 น.
เฮาชาวดอย
ทั่วทุกที่ทั่วทางราร้างสิ้น
พบแผ่นดินมืดสลัวมัวสลบ
น้ำตาไหลเลือดหลั่งพังทำนบ
เหลือเพียงชิ้นส่วนศพไร้วิญาณ
เลือดไหลหลั่งนองไว้คือชัยชนะ
ปลดโซ่สู่อิสระที่สืบสาน
ไทยคือไทมิใช่ไทในตำนาน
มิใช่เรื่องวันกาลกองกูล
คือธงชัยธงธรรมนำประทีป
ทุกสาเหตุก่อผลคนใช่สูญ
ประเทศจะเรืองรัดจรัสจรูญ
ถ้าหยุดปูนกูลเผ็ดเผด็จการ
เสียงแว่วแว่วกระหึ่มไกลไปแว่วแว่ว
ลูกก้าวแล้วก้าวสร้างทุกทางผ่าน
จากโซ่เส้นรึงเร้ามาเนานาน
จากกองถ่านเป็นกองไฟสู่ชัยธง
จากดินร่วนดินเม็ดรวมเป็นก้อน
เป็นสิงขรตระหง่านกล้าท้าพิษสง
ทุกคนมีสิทธิ์นึกจารึกผจง
มิใช่ดงก้อนหินรอสิ้นใจ
จากวันนั้นวันนี้วันที่ผ่าน
ดอกตุลายังเบ่งบานอย่าหวามไหว
รอวันที่พี่น้องผองไผท
จะสานชัยสืบช่วงดวงเสรี
1 พฤษภาคม 2551 18:53 น.
เฮาชาวดอย
1 พฤษภาแรงงานไทย
เสื้อผ้าสิ่งทอห่อห่ม ดอมดมน้ำหอมกล่อมกลิ่น
แหวนเพชรตึกงามตามดิน มือใครทั้งสิ้นที่ทำมา
ทำงานแลกเงินเขินขัด สารพัดจัดสรรปัญหา
ข้าวยากหมากแพงขึ้นราคา แต่ค่าแรงนี้สิเท่าเดิม
สงสารเดเฮฮนดิ้นรนสู้ เพื่อความอยู่รอดได้ใช่ฮึกเหิม
เขาดิ้นรนสู้ไปใช่กร่าเกริม เพียงเติมเทียมเท่าเข้าใจ
แรงงานกรากกรำลำบาก ทุกข์ยากทุกยุคทุกสมัย
สิทธิเสรีชนคนไทย สิทธิ์เรียกร้องได้ตามรัฐธรรมนูญ
ข้าวของแพงค่าแรงถูก เลือดแห่งลูกคนจนไม่สิ้นสูญ
เส้นเลือดนี้สายเลือดนี้ที่เพิ่มพูน จักจำรูญจำรัสพัฒนา
29 เมษายน 2551 22:31 น.
เฮาชาวดอย
สาวลาดพร้าว.
ฝนแล้งข้าวหมดอดอยาก
ทุกข์ยากลำเค็ญเข่นข้น
ทุ่งร้างแล้งไร้เหมือนไฟลน
หนีความอับจนเข้าเมืองกรุง
ลาบ้านนาข้นแค้นแดนอิสาน
ล้างจานข้นแค้นแดนตึกสุง
คิดถึงดุ้นไฟสุมไล่ยุง
คึดฮอดท้องทุ่งเคยนอนเฮือน
ผ่านวันผันปีพาเปลี่ยน
วนเวียนจันทราคราเลื่อน
ลูกชาวนาครานี้มิย้ำเตือน
กลับเลือนเลื่อนเช่นเป็นคนรวย
ลืมซิ่นผืนนี้ที่เคยนุ่ง
เครื่องแบบเมืองกรุงว่าสุงสวย
อยู่ลาดพร้าวคราวนี้สิยองยวย
ลืมควายเคยขี่คราวนี้นั้น
แต่งตัวสายเดี่ยวเกี่ยวรัดร่าง
กบย่างรังเกียจเดียดฉัน
ไม้ป่าลืมป่าไกลไพรวัลย์
บริภัณลืมธาราคราเปลี่ยนธาร
บ้านนอกบ้านนอกคอกควาย
วนว่ายวิถีทัศน์สัจสถาน
ถิ่นนี้สิแห้งกันดาร
ถิ่นนี้ไม่เคยรานลืมตีน
29 เมษายน 2551 11:08 น.
เฮาชาวดอย
แด่วีรบุรุษผู้กล้าวังผาเจ้า
คือวีรบุรุษผู้ ผดุงธรรม
คือเพชรฉายฉาบนำ นับถ้วน
คราใดเมืองมืดดำ ดื่นดก
ครานั้นโลกทั้งโลกล้วน หลับใหล
ยามใดไพรพฤกษ์หล้า ล่มสลาย
หมากเมืองเปรื่องเรียงราย รุดล้ำ
ชนบทหมดสูญหาย ห่างถิ่น
ดอยสูงเมืองลึกกล้ำ กว่าไฉน
แปลงไปเปลี่ยนป่าโอ้ อาทวา
กว้างกว่าสุดสายตา ทุ่งกว้าง
เคยทับทึบเหลือตอ กรา กว่าต่าง
เพียงไร่แลเวิ้งว้าง หว่างเดิม
สูงเสริมตึกเสียดฟ้า สรวงปูน
เศษซากเศษคนพูน กว่าหล้า
ป่าเมืองเฟื่องจำรูญ หลากสีสันแฮ
ผู้คนสับปลับหน้า เปลี่ยนสี
ไปดีเถิดผู้ปกป้อง ผืนป่า
ป่าเมืองรุกพนา เนิ่นแล้ว
คนผู้มีปัญญา ยังหลับ บ่อตื่น
ตื่นต่อสินบนแผ้ว พร่องไป
โฉมแต่งเพียงเห่าให้ หากประสา
แตกไปเห่าไปธรรมดา ด่าสิ้น
เทียบเวียงเทียบพนา พานึก
เทียบทีปส่องด่าวดิ้น แดนไกล