14 มิถุนายน 2554 09:31 น.
เอื้องอังกูร
มารวิชาวิชามารผลานชีวิต
จะถูกผิดก็ไม่สนคนหรือหมา
จะเป็นใครหน้าไหนไม่นำพา
กติกามีไว้ให้เปลี่ยนแปลง
หนึ่งต่อหนึ่งกูรู้สู้ไม่ได้
เอางี้ไหมแน่จริ่งอย่ากำแหง
ขอเพื่อนกูช่วยกูอีกหนึ่งแรง
แล้วมาแข่งกันดีกว่าเข้าท่าดี
กูรู้อยู่ว่ากูสู้ไม่ได้
แล้วยังไงกูรวมสองต้องสูสี
ไม่ได้เล่ห์ก็ด้วยกลสนุกดี
เรื่องอย่างงี้ก็เคยทำประจำมา
กูรู้อยู่ว่ากูสู้ไม่ได้
แต่ว่าใจกูจะเอาเฝ้าหวงหา
ก็เพราะกูมีตัวช่วยหลายอัตรา
จะโดนด่าอย่างไรไม่สะเทือน
ก็กูมีวิชามารขี้คร้านคุย
จะตะลุยให้ได้เลือดและเชือดเฉือน
ผิดเปนถูกงานถนัดกูบิดเบือน
นี่ไงเพื่อน..วิชามาร..ล้านเปอร์เซนต์
2 มิถุนายน 2554 14:38 น.
เอื้องอังกูร
อะไรเอ่ยผสมพันธุ์กันมันหยด
ไม่เคารพเกณฑ์กฎหมดราศรี
ไม่เลือกเสพบุรุษหรือสตรี
คนพันธุ์นี้เขาเรียกว่าผู้แทน
ก่อนจะเป็นสอสอป้อยอใหญ่
ยกมือไหว้กราบทุกงวดจนปวดแขน
พี่น้องครับพี่น้องขาเลือกผู้แทน
จะตอบแทนพระคุณเกื้อหนุนนำ
พอได้เป็นสอสออ้อล้อยิ่ง
ไม่เคยหยิ่งก้อหยิ่งยิ่งจนน่าขำ
เดินลำพองจนหัวแทบขมำ
ไม่เคยทำอย่างที่พูดตูดตระไกร
ขอทีเถอะประเภทดีแต่พูด
ไม่พิสูจน์ผลงานการไหนไหน
อย่าเลือกมาเป็นสนิมไว้ในใจ
จะป่วยไข้หนาวเหน็บเจ็บในทรวง
เป็นหน้าที่ของพวกเราแล้วพี่น้อง
ที่จะต้องเลือกคนดีทำงานหลวง
เลือกแต่คนทำงานไม่หลอกลวง
ไทยโชติช่วงเพราะมือเราเข้าสภา
เถอะไปเลือกมนุษย์พันธุ์พิเศษ
ให้สมเจตน์จำนงใจที่ใฝ่หา
ก็เขาบอกเราเป็นใหญ่แต่ไรมา
เพื่อประชาธิปไตยใหญ่จริงจริง(พับผ่าเหอะ)
6 พฤษภาคม 2554 11:45 น.
เอื้องอังกูร
จะได้ยุบหรือไม่อยากรู้
แต่ที่รู้ยุบไม่ยากถ้าอยากยุบ
ยู้ยืดยี้อยึกยักพรรคโผล่ผลุบ
ขืนไม่ยุบอยู่ไปไร้สัจจา
ท่านนายกคิดอะไรเราไม่รู้
แต่ที่รู้พูดเก่งดีดูจี๋จ๋า
ช่างพูดคุยเสกสรรค์จำนรรญ์จา
ดูทีท่าว่าหล่อพอประมาณ
ประชาชนทุกข์เข็นกันถ้วนหน้า
ชาวประชาหมองใจให้สงสาร
น้ำมันแพงทุกอย่างแพงแย่งประจาน
แถมตกงานกันมากมายหลายหมื่นคน
จะได้ยุบวันนี้หรือวันไหน
แล้วแต่ใจท่านจัดไม่ขัดสน
ถ้ายุบแล้วตั้งใจในบันดล
อย่าใช้เล่ห์ไกกลจนเอนเอียง
ถ้ายุบจริงคืนอำนาจให้ราษฎร์เถอะ
อย่าสะเออะเรร่ายขายชื้อเสียง
กติกามีไว้อย่าลำเอียง
ยึดจากเสียงประชาน่าจะดี
ได้แต่วาดวิมานสานความฝัน
คงรอวันฟ้าใหม่ใจสดสี
หรือต้องรอต่อไปอีกร้อยปี
จึงจะมี...อำนาจข้า...ประชาชน
25 เมษายน 2554 17:02 น.
เอื้องอังกูร
ลืมแล้วถิ่นบ้านนาป่าพงไพร
หลงแสงสีศิวิไลในบางกอก
ลืมมันสิ้นไร่นาที่บ้านนอก
เจ้าทิ้งคอกวัวควายไปหลายปี
ทิ้งแม่แก่แย่แล้วแถวท้องทุ่ง
มุ่งสู่กรุงจรุงกลิ่นถิ่นแสงสี
หลงบางกอกร่าเริงใจไม่ใยดี
หลายขวบปีที่ไร้เงาแม่เศร้าใจ
จากพื้นดินสู่ดาวสกาวฟ้า
เธอมุ่งหน้าสู่แสงสีที่สดใส
ลืมบ้านป่าลื้มสิ้นแล้วหรือไร
ไม่ห่วงใยแม่เฝ้าคอยบนดอยภู
ได้นุ่งผ้าห่มแพรเจ้าแน่นัก
ลืมความรักไม่สลดน่าอดสู
ลืมอ้อมอกของแม่เคยเลี้ยงดู
ลืมแล้วบ้านเคยอยู่อู่เคยเนา
ได้ยินเสียงเรียกขานกลับบ้านเถิด
อย่าเตลิดแม่เฝ้าคอยอย่างหงอยเหงา
หรือจะรอ แม่สิ้นใจ ไปก่อนเรา
สะใจเจ้า..แน่แล้ว..แก้วลืมดง
21 เมษายน 2554 10:17 น.
เอื้องอังกูร
แว่วเสียงซึงลอยล่องกล่อมท้องทุ่ง
ยามใกล้รุ่งไก่ขันประชันเสียง
อี่ เอ้ เอ้ก ติ๊ด เติ๊ด ตึง ซึ้งสำเนียง
ร้อยมาเรียงเป็นเพลงป่าพนาเนา
เสียงซึงคลอไก่ขันส่งบรรจงสร้าง
หรือเป็นเสียงเรียกนางอย่างหงอยเหงา
นานมาแล้วนางเคยอยู่คู่นาเรา
บัดนี้เงายังไม่เห็นเช่นวันวาน
เสียงวิหกเจื้อยแจ้วแว่วดังก้อง
กล่อมทั่วท้องนากว้างดังขับขาน
เสียงเพลงไพรกล่อมพฤกษ์ไพรดังกังวาน
เหมือนจะขานเรียกคนไกลให้ได้ยิน
คนเฝ้ารอยังคงรอเธอกลับบ้าน
แม้เนิ่นนานยังคงคิดจิตถวิล
ยังคงคอยคอยรอเป็นอาจินต์
กลับคืนถิ่นเถอะหนาบ้านนาเรา
วันสงกรานต์ผ่านไปไม่เห็นหน้า
หรือเธอลาไปลับไม่กลับเขา
ไม่มาเล่นสงกรานต์ที่บ้านเรา
รู้ไหมเจ้า...แม่เฝ้ารอ..จนท้อใจ