4 กุมภาพันธ์ 2552 09:48 น.
เอื้องคำ
แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ทว่าความสว่างไสวจากแสงนีออนในเมืองหลวงนั้นทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ขนาดที่ว่ามันสว่างโล่งแจ้งจนมองไม่เห็นดวงดาวบนฟ้านั่นทีเดียว
เมื่อลงจากรถประจำทางสายหนึ่งชายหนุ่มยังคงไม่ถึงจุดหมายปลายทาง ถึงแม้ว่าเวลาจะจวนเจียนสามทุ่มเข้าไปแล้ว เขายังคงชะเง้อคอรอคอยรถเมล์ประจำทางอยู่ที่ป้ายรถเมล์อันจอแจไปด้วยผู้คนแห่งนั้น และแล้วเมื่อผ่านไปกว่าสิบนาทีรถประจำทางใหม่เอี่ยมกระจกเงาวับ สีเหลืองสดคันนั้นก็แล่นมาถึงป้าย ประตูของมันกำลังเปิดออก
"โอ้โห...นี่มันเป็นรถรุ่นใหม่นี่นา" ชายหนุ่มรำพึงในใจด้วยความตะลึงพรึงเพริด
อันที่จริงเขาเคยได้ยินข่าวเรื่องการอนุมัติจัดซื้อรถปรับอากาศรุ่นใหม่จากประเทศญี่ปุ่นมาใช้งานในประเทศไทยอยู่นานแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังไม่เคยเห็นว่าจะมีรถประจำทางรุ่นใหม่นี้ในสายที่เขาต้องโดยสารอยู่ทุกวันเลยสักครา แต่ในวันนี้เขาเพิ่งจะเห็นมันเป็นครั้งแรก ช่างเป็นโอกาสที่พิเศษเสียนี่กระไร และแล้วเขาจึงตัดสินใจก้าวเท้าขึ้นรถคันนี้ด้วยความประหม่าปนเปอยู่ ไม่ถึงนาทีผู้โดยสารก็เบียดเสียดกันเกือบเต็มคันรถ ชายหนุ่มเดินไปจนเจอที่นั่งอยู่แถวหลัวสุดมันว่างอยู่ประมาณอีก 2 ที่นั่งเท่านั้น มีผู้หญิงในวัยทำงานตามหลังชายหนุ่มมาและเธอก็นั่งลงข้างๆที่นั่งทางซ้ายติดกันกับชายหนุ่ม ในมือเธอมีทั้งกระเป๋าและนมกล่องซึ่งมีหลอดเสียบอยู่ ส่วนที่นั่งทางขวาของชายหนุ่มนั้น มีผู้หญิงและผู้ชาย นั่งอยู่ติดกันซึ่งคู่นี้คงจะเป็นแฟนกัน กำลังนั่งกินขนมกันอยู่พลางคุยกันจ้อ ส่วนทางขวามือในสุดนั้นเป็นผู้ชายกลางคนกำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่และอมยิ้มขณะที่สายตาทอดออกไปนอกกระจก ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตุว่าที่นั่งในรถคันนี้มันค่อยๆ เพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เลยประตูหลังขึ้นมาแล้ว แต่ที่นั่งแถวนี้มันก็ต่างไปจากที่นั่งอื่นๆ เนื่องจากว่ามันสูงกว่าที่นั่งอื่นๆ ทั้งหมดนั่นเอง
เสียงอื้ออึงไปทั่วทั้งเครื่องยนต์ เสียงสนทนา และเสียงโทรศัพท์ ทว่าภายในรถคันนี้มันดูแข็งแกร่งกว่ารุ่นเก่าๆ อยู่มากทีเดียว มีราวเหล็กตีล็อกไว้รอบๆ ทั่วทั้งคันรถ ทั้งราวโหนก็ดูมั่นคงแข็งแรงดีเช่นกัน และเนื่องจากระบบทำความเย็นอันดีเยี่ยมของรถคันนี้ ทำให้ชายหนุ่มหลับตาลงเปลี้ยด้วยความอ่อนเพลียจากงานตั้งแต่เช้าจนค่ำ
"รถแล่นเข้าหลักสี่ อย่างเงี๊ย พอไคแน่" เสียงเพลงยังดังอยู่ไม่ขาดตอน แน่นอนว่าบรรยากาศเช่นนี้ย่อมผ่อนคลายความตึงเครียดลงไปได้มากทีเดียว อย่างน้อยมันก็กล่อมรอยย่นอันเนื่องมาจากการขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะความเครียดลงไปได้บ้าง และด้วยความเร็วในระดับหนึ่งอันเป็นความเร็วที่ไม่ควรเร็วถึงขั้นนั้น ณ เวลานั้น รถประจำทางวิ่งมาถึงสะพานแห่งหนึ่ง และสะพานแห่งนี้มันก็สูงกว่าระดับถนนอยู่มากนัก รถกระโจนขึ้นเนินสะพาน ชายหนุ่มรู้สึกได้ว่าล้อหน้ากำลังลอยกระดกสูงขึ้นเหนือพื้นถนน อันเนื่องมาจากระบบช่วงล่างอันดีเยี่ยม และไม่ถึงสองวินาทีต่อจากนั้น ก็เป็นทีของล้อหลัง ตอนนี้เองที่ระบบช่วงล่างในส่วนท้ายของรถจะได้แสดงศักยภาพของมัน ไม่ผิดหวัง มันกระดกสูงขึ้นลิบลิ่ว ผู้โดยสารที่อยู่ส่วนท้ายสุดของเบาะต่างลอยละลิ่วสู่เวหาสวรรค์ ด้วยแรงส่งจากช่วงล่างของรถรุ่นใหม่คันนี้ แต่...ความจริงก็คือ เหนือศีรษะของพวกเราขึ้นไปนั้นเป็นหลังคารถ ซึ่งมันสูงเลยไปเพียงไม่เกินสองฟุตเท่านั้น ช้าเกินกว่าจะหาทางแก้ไข ผู้โดยสารในที่นั่ง 5 ตัวแถวหลังสุดต่างลอยละลิ่วขึ้นฟ้าที่ถูกหลังคากั้น และไม่ต้องสงสัย เสียงนั่นดังสนั่น โป็ก! โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก! โป๊ก! เมื่อครบ 5 โป๊ก ทุกคนต่างรู้ว่า สวรรค์ไม่มีจริง จึงพากันร่วงลงสู่ที่นั่งในท่าเดิมจากความสูง 2 ฟุต ด้วยความรู้สึกเหมือนตกสวรรค์ ผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆชายหนุ่ม ตอนนี้กระเป๋าและกล่องนม UHT ของเธอที่เคยอยู่ในมือกำลังลอยละลิ่วและตกลงไปอยู่กับพื้นข้างหน้า เช่นเดียวกับชายหญิงคู่ที่นั่งติดกับชายหนุ่มอีกฝั่งหนึ่ง ตอนนี้ขนมของพวกเขาได้ถูกเทลงกระจายไปทั่วพื้นภายในรถคันนี้ ชายอีกคนหนึ่งในทางขวาสุดกำลังกำโทรศัพท์ไว้ในมือชนิดที่แน่นสุดชีวิต ชายหนุ่มกำลังนั่งกอดอก ไม่มีทางเลือกเขาเองก็ลอยขึ้นสวรรค์และตกลงมาในท่ากอดอกนี้เช่นกัน และถึงแม้จะดูเท่ห์ แต่กระนั้นก็แฝงไปด้วยความปวดหนึบๆ บริเวณกลางกระหม่อมและจุกเสียดในช่องท้องอย่างร้ายแรง
"ให้ตายเถอะ! น่ีมันรถเมล์ไวกิ้งหรือยังไงกันวะ?" เสียงหนึ่งตะโกนก้องไปทั้งคันรถ เงียบ...ไม่มีเสียงสนทนาหรือคุยโทรศัพท์ แม้กระทั่งสีหน้าอันปกติ เข้าใจได้ว่าทุกคนต่างตะลึงกับเสี้ยววินาทีที่ผ่านมา เมื่อตั้งสติได้บางคนก็ก้มลงเก็บข้าวของที่ตกอยู่บนพื้นด้วยสีหน้ายอมรับชะตากรรม เพียงแถวเดียวที่เหมือนกัน นั่นคือแถวหลังสุด ทุกคนในแถวต่างเอามือกุมหัวแล้วลูบมันอยู่ไปมา บางคนใช้ผ้าเช็ดหน้าม้วนจนเป็นทรงกลมแล้วใช้ปากเป่าลมอยู่ครึ่งนาทีจากนั้นจึงเอาเจ้าผ้าเช็ดหน้าทรงกลมนั้นมาประคบตรงบริเวณศีรษะ ชายหนุ่มยังคงนั่งกอดอกอยู่ที่เดิม ตรงนั้น ถึงแม้ไม่เคยสงสัย แต่เขาเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าหลังคารถประจำทางรุ่นใหม่นั้นแข็งขนาดไหน และเขาต้องนั่งต่อไปอีกกว่าครึ่งชั่วโมงจึงถึงจุดหมายปลายทาง และทุกครั้งหลังจากนั้น เมื่อชายหนุ่มต้องขึ้นรถประจำทางสายนี้และเป็นรถอันทันสมัยรุ่นนี้ ชายหนุ่มสัญญากับตัวเองว่าจะไม่นั่งเบาะหลังสุดอีกเลย แม้จะมีที่ว่างในแถวนั้นก็ตาม เนื่องจากเขาไม่แน่ใจว่า วันนี้พนักงานขับรถจะมีอารมณ์เป็นเช่นไร