27 กันยายน 2551 10:24 น.
เอื้องคำ
นภาพรายประกายพฤกผนึกฟ้า
หมู่ดาราพราวพร่างกระจ่างแสง
ระยิบระยับจับตานภาแปลง
ขาวเหลืองแดงแต่งแต้มแรมราตรี
หยาดน้ำค้างพร่างพรมห่มยอดหญ้า
ร่วงลงมาพรั่งพรูสู่ทุกที่
น้ำค้างรดหยดลงพื้นผืนปฐพี
หยดใสดีหยดหยาดสะอาดตา
ลมพัดเรื่อยเฉื่อยฉิวลิ่วลมทุ่ง
ยามย่ำรุ่งฟุ้งปลิวโปรยโชยเชื่องช้า
กรุ่นอายดินกลิ่นระคนปนลมมา
ดอกหญ้าคาพลิ้วเอนไหวไปตามลม
กองไฟกล้าท้าน้ำค้างกลางลมหนาว
ใต้แสงดาวคราวไฟคุประทุสม
สะเก็ดแตกแยกลอยงามตามสายลม
เพื่อผิงรมคอยข่มหนาวคราวเยื่ยมเยือน
22 กันยายน 2551 09:42 น.
เอื้องคำ
พระราม-ลักษณ์พักเหนือยคลายเมื่อยล้า
จึงเดินหน้ามุ่งไปในไพรสนฑ์
เป็นป่าไทรใหญ่กว้างทางวกวน
พบยักษ์ตนกำพลชื่อคืออสุรา
ก่อนเคยเป็นเทวาเวหาสวรรค์
ไปหยอกเอินนางกำนัลมิประสา
พระอิศวรสาปส่งให้ลงมา
เป็นอสุราฝังพสุธาไว้ท่อนตัว
ยักษาแจ้งแถลงความองค์รามลักษณ์
พระองค์จักไปปราบยักษ์คงปวดหัว
ทศกัณฑ์สมุนมันมากเนียนัว
ทั้งกลชั่วแผนการณ์ชำนาญเกม
พระองค์ควรไปทางนี้หรดีทิศ
มากมายมิตรทหารกล้าพาเกษม
พระลักษณ์รามฟังยินดีแสนปรีด์เปรม
อกอิ่มเอมในความหวังได้ฟังคำ
ครั้งแล้วสองกษัตริย์ตรามุ่งหน้าต่อ
มิรีรอเร่งเท้าทั้งเช้าค่ำ
ภายหน้ามีการณ์ใหญ่ให้กระทำ
เยื้องย่างย่ำก็หยุดยั้งเพราะอ่อนเพลีย
จึงหลับลงตรงโคนต้นไม่ใหญ่
พระรามหนุนพระลักษณ์ไว้หลับตาเปลี้ย
เถาวัลย์คลุมหนานักดังถักเปีย
ทั้งสุมทุมสูงเตี้ยร่มรื่นตา
จะกล่าวถึงหนุมานชาญสมร
ออกจำศีลท่องจรในไพรพฤกษา
เห็นพระรามเขียวงามอร่ามตา
นึกสงกาก็สังเกตุดูเหตุการณ์
จึงแปลงกายเป็นลิงน้อยตัวจ้อยจิ๋ว
แล้วลอยลิ่วขึ้นต้นไม้ด้วยใจหาญ
วิ่งไหวหวาดผาดโผนโจนทะยาน
ใบไม้ร่วงหล่นลงลานเพ่นพ่านไป
พระลักษ์เห็นเช่นนั้นก็หวั่นจิต
เกรงพระรามหลับสนิทจะตื่นได้
จึงไล่วานรน้อยให้ไปไกล
ลิงจะฟังก็หาไม่ยิ่งเหิมเกริม
วานรน้อยจึงลงมาจากต้นไม้
คว้าคันศรพระลักษณ์ได้เล่นล้อเสริม
พระรามหลับนิ่งแน่อยู่แต่เดิม
พระลักษณ์ปลุกพระจึงเริ่มตื่นเบิกตา
พระรามเห็นก็เอ็นดูเจ้าลิงน้อย
มีเขี้ยวแก้วกุณฑลห้อยทั้งซ้ายขวา
ทั้งขนเพชรวับวามอร่ามตา
กระบี่น้อยมิธรรมดาว่าแน่นอน
แต่พระลักษณ์มิได้เห็นเป็นเช่นนั้น
หนุมานอัศจรรย์จิตสังหรณ์
คำมารดาสวาหะสั่งถึงตอน
ที่วานรจักประสบผู้มีบุญ
เป็นนารายณ์อวตารมาปราบยักษ์
ให้หนุมานสวามิภักดิ์สนับสนุน
จึงก้มลงกราบเท้าเจ้าประคุณ
โปรดการุณเมตตาจิตขอติดตาม
11 กันยายน 2551 10:12 น.
เอื้องคำ
ทศกัณฑ์อุ้มสีดาแล้วพาเหาะ
มุ่งลัดเลาะมาถึงทางระหว่างเขา
สีดาร่ำสุดายุโปรดช่วยเรา
ราชานกจักไปเฝ้าองค์นารายณ์
ทศกัณฑ์รีบเหาะหนีไม่มีพ้น
ถูกตามจิกตามตีจนตนเสียหาย
รังจะคล้ายพ่ายแพ้แผลเต็มกาย
สุดายุจึ่งลอยชายอวดศักดา
ว่าตนนี้ไม่มีแพ้แก่ใครเพี้ยง
เว้นแต่เพียงองค์อิศวรนารายณ์หนา
อีกทั้งธำรงค์ท่านประทานมา
อยู่ที่นิ้วนางสีดาข้ากลัวครัน
ทศพักตร์ยักสิบลิ้นยินจอมนก
จึงถอดแหวนปาวิหคตกสวรรค์
ปีกหักพรวดปวดรวดร้าวเท่าชีวัน
รอพระรามตามมาทันจะอันทูล
พระลักษณ์-รามตามหาเมื่อมาถึง
จอมนกจึงเล่าความไปด้วยใจสูญ
พร้อมมอบแหวนของสีดาอกอาดูร
เจ็บเพิ่มพูนจบชีวินสิ้นใจตาย
6 กันยายน 2551 10:51 น.
เอื้องคำ
แสนโศกาอาลัยฤทัยพี่
ช้ำป่นปี้ใจหมองดั่งหนองบ่ง
เคยอยู่วังครั้งลามาเดินดง
ประหนึ่งหงษ์เดินเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
เคยเคียงแนบแอบอุ่นนอนหนุนตัก
โชยกลิ่นพักตร์สุคนธาทิวาสาย
สกุณาแซวส่งเสียงนวลเอียงอาย
โอ้อกชายมากลายช้ำระกำองค์
อุเหม่! ยักษ์ชั่วหัวสิบมาหยิบย่อง
ใช้กวางทองล่อล่องไพรให้ไหลหลง
ลวงพี่ตามติดไปลึกในดง
มารู้องค์เจ้าถูกส่งไปลงกา
จำต้องตามล่าล้างด้วยค้างแค้น
มันอยู่แดนดินใดไม่พ้นฆ่า
มันเมียมากหลากหลายมิคลายอุรา
มิรู้สึกรู้สาว่าทำเวร