27 เมษายน 2547 12:11 น.
เอกมาศ
ในชีวิตมนุษย์ ที่สิ้นสุดสุมาลย์สมร
ที่ไขว่ขว้าดารากร ที่ยอกย้อนจนวนใจ
ในชีวิตตัวข้า ที่พัดพายามหวั่นไหว
ถี่ระทึกลงกลางใจ เพียงหลงใหลในตัวตน
ในชีวิตเพื่อนพ้อง ยามเรียกร้องเจตน์ประสงค์
เพียงใฝ่ฝันในจำนงค์ กลับต้องล้มเมื่อก้าวเดิน
ในอัตตาชีวาวาต ที่ชูชาติดังหงษ์เหิร
แต่ร่อนสู่พื้นดินเดิน ระหกระเหินทุกทีไป
27 เมษายน 2547 10:21 น.
เอกมาศ
ชมพลางครางเคล้านาง.....................เล้าโลมรานปานกระสัน
โอบอิ่มชิมเนื้อหนั่น.................................โอบเอวนั้นโนมเนื้อนาง
ชมพรางครางเคลียเคล้า.....โนมเนื้อ
ใต้ล่มผ้าผิวเฝือ.......................................โลมไล้
โอษฐ์พร่ำมิหน่ายเหนือ.............................จรุงใจ
สัมผัสรักเย้าใย........................................มิเท่า สวาทเรียม ฯ
จั๊กกระจี่จั่นเจ้าเช้ายันค่ำ..................แต่พี่มั่นหมั่นคอยลอยจนร้าง
จวบสุริยันยั้งยบทั่วสรรพางค์......................เท่าพี่ร้างลาแก้วแล้วบ่มี
จั๊กกระจี่จั่นเจ้า....................จางวาย
พิศพักตร์เรียมบ่หน่าย...............................เลยแม่
จบอัสดงจืดจาย........................................จริงแฮ
สูเจ้าร้างเรียมแล.......................................แท้ทุกข์ เลยเทียว
ตลบอบอวนชวนพิศวาส....................จักสิ้นขาดใจวายด้วยครานี้
หลงเสน่ห์เจ้าเร้าจิตอิสตรี..........................ว่ารักน้องนี้เท่าที่จะวายตาย
ตลบอวนอบกลบกลิ่น..........สำอาง
เสน่ห์หลงเนื้อนาง.....................................แนบนิ่ม
ใจวายฉิบหายปาง......................................จางจาย
น้ำปรุงจรุงกลิ่น.........................................อบกายคล้ายองค์
26 เมษายน 2547 02:18 น.
เอกมาศ
ระย้าย้ายเชยชายช้อน
แกมพุดซ้อนแต่อ้อนอ่อน
ผลิเบ่งบานตามครรลอง
มิได้มองที่หมายเมียง
ห่มสไบเฉวียงไหว
คล้อยโลมไล้สไบเฉียง
หอมกลิ่นเจ้าพะเน้าเนียง
แต่ใกล้เคียงมิได้ยล
เกศาสาวยาวสะพรั่ง
กรุ่นกลิ่นกลั่นดอกโพยม
น้ำตาลหวานที่สวยโสม
มิเท่ายลชมเนื้อนา
เยื้องย่างกรายกรีดบรรจง
สะโอดสองค์ดังหงษา
ชม้ายตาแลพี่ยา
ไฉนข้าจะทานทน